ตอนที่ 543 ควรจัดอันดับวัยรุ่นสักหน่อยแล้ว (1)
………………..
ฟางผิงเผยสีหน้าราวกับเป็นผู้บริสุทธิ์!
ครั้งนี้ฉันไม่ได้พูดจริงๆ!
อยู่ดีๆ เหล่าเหยาก็วิ่งมานับญาติกับตัวเอง จะให้ฉันทำยังไงล่ะ?
ทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว!
ดีที่มีคนช่วยกู้สถานการณ์ หลี่หานซงฉีกยิ้มขึ้นมาว่า “เหล่าเหยา เรื่องจริงสิ! อีกอย่างนายอาจจะไม่รู้ ครั้งนั้นพวกเรายังไปบ้านศัตรูของนาย…”
“แค่กๆ!”
ฟางผิงไอเบาๆ หลี่หานซงได้สติทันที เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ถึงเวลานั้นค่อยพูดกับนายอีกที ยังไงก็น่าสนใจมากละกัน! ฉันยังคิดว่านายจะเข้าด่านอยู่ตลอด พลาดโอกาสครั้งนี้ไปซะอีก นึกไม่ถึงว่านายจะตามมาทันเวลาพอดี พี่น้องอย่างพวกเรานับว่าสามารถร่วมมือกันต่อสู้อีกครั้งแล้ว!”
เหยาเฉิงจวินถามออกไปประโยคเดียวก็ไม่พูดอีกแล้ว ตอนนี้ยืนอยู่ด้านข้างอย่างเงียบๆ
ฟางผิงอยากจะพูดอะไรสักหน่อย สุดท้ายกลับไม่พูดออกมา ตบไหล่เหยาเฉิงจวินเบาๆ
เหยาเฉิงจวินไม่สนใจเช่นกัน ด้านข้างนั้นหวังจินหยางกลับเงยหน้ามองฟ้าต่อ
ไม่พูด…นั่นดูลึกลับมากกว่าพูดเหลวไหลซะอีก
ช่างเถอะ ทำเป็นว่าตัวเองไม่ได้ยิน มองไม่เห็นแล้วกัน หลังจากนี้เขาจะเป็นคนหูหนวกตาบอดแล้ว ไม่งั้นไม่ช้าก็เร็วนี้คงจบเห่แน่
คนพวกนี้กระซิบกระซาบกัน พวกปรมาจารย์ก็ยืนยันโควตาใหม่ออกมาแล้ว
เหยาเฉิงจวินพลังจิตใจปรากฏ พลังโจมตีที่ใช้กับหลี่อี้หมิงเมื่อครู่ แม้จะถูกหลี่เต๋อหย่งทำลาย แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นปรมาจารย์ยังคงสามารถรับรู้ได้ เหยาเฉิงจวินพลังจิตใจไม่อ่อนด้อยเลย
ไม่พูดถึงเก่งกว่าหลี่อี้หมิง อย่างน้อยก็มีพลังต่อสู้ของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกสูงสุดทั่วไป
รวมถึงหนานอวิ๋นเยวี่ยก็เป็นฝ่ายเอ่ยปากเอง หลี่เต๋อหย่งจึงไม่อาจพูดอะไรได้
ในความเป็นจริง โควตานี้ถูกเตรียมไว้ให้เหยาเฉิงจวินตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว
เวลานี้คนอื่นไม่มีกะจิตกะใจจะเข้าด่านเหมือนกัน
หลี่อี้หมิงเดินเข้ามา จ้องฟางผิงอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะมองเหยาเฉิงจวินอีกครั้ง
สุดท้ายก็มองไปทางพวกหลี่หานซง ลูบคางว่า “พวกนายสองคน ปรากฏพลังจิตใจแล้วงั้นเหรอ?”
“เปล่า” หลี่หานซงส่ายหัว
หลี่อี้หมิงถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะเอ่ยต่อว่า “สำเร็จร่างทองแล้ว?”
“เปล่า”
“ทะลวงขั้นเจ็ดได้ในวันเดียว?”
“ไม่ได้”
“งั้นก็ดีๆ”
หลี่อี้หมิงโล่งใจอีกครั้ง ดูท่าตัวเองไม่จำเป็นต้องพูดกลับคำไปกลับคำมาอีกแล้ว
บอกว่าจะเอาชนะเหยาเฉิงจวินด้วยกระบี่เดียวยังทำไม่ได้
บอกว่าจะอัดฟางผิงก็ทำไม่ได้
นึกถึงตัวเอง ผ่านประสบการณ์จากกองทัพ ฆ่าคนราวกับผักปลา ทำไมมาถึงตรงนี้ถึงไม่ค่อยราบรื่นเอาซะเลย?
เห็นเขาสบายใจแล้ว ฟางผิงก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “พี่อี้หมิง คนกันเองทั้งนั้น ใครแข็งแกร่งใครอ่อนแอล้วนเหมือนกัน”
ระหว่างที่พูด ฟางผิงก็ตบไหล่เขา ตอนแรกหลี่อี้หมิงคิดจะหลบออกไป แต่พอคิดได้ว่าไม่มีความจำเป็นต้องกลัวก็ไม่หลบอีก
ด้านฟางผิง ตบเบาๆ แล้วก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
ของดี!
เป็นของดีจริงๆ!
นี่เป็นเกราะตัวในของขั้นสุดยอด?
อันที่จริงเขาใช้แรงไม่ใช่น้อยๆ ดูเหมือนจะตบโดยไม่ใช้แรง อันที่จริงลงน้ำหนักมากเหมือนกัน
แต่ถึงจะเป็นแบบนี้ก็ไม่ได้สร้างผลกระทบอะไรให้หลี่อี้หมิงเลย
ไม่ก็…ฟางผิงคิดอย่างขยะแขยงอยู่บ้าง หรือหลี่เจิ้นฆ่าขั้นสุดยอดของถ้ำใต้ดิน ถลกหนังคนออกมากัน?
คงไม่ขนาดนั้นมั้ง?
เขาไม่เคยได้ยินว่าหลี่เจิ้นฆ่าสัตว์ปีศาจขั้นสุดยอดมาก่อน สงครามที่เลื่องชื่อของหลี่เจิ้น ยังคงเป็นการต่อสู้หนึ่งต่อสามก่อนหน้านี้ ประมือกับขั้นเก้าสามคน ขั้นเก้าที่มาจากเขตหวงห้าม นั่นล้วนเป็นมนุษย์ถ้ำใต้ดิน
ส่วนผลการรบอย่างอื่นของเขา ฟางผิงยังไม่ชัดเจนจริงๆ
ตามหลักแล้ว แม้หลี่เจิ้นจะมีความสามารถฆ่าขั้นสุดยอดได้ก็คงไม่ฆ่าอยู่ดี
ไม่งั้นขั้นสุดตาย ทางถ้ำใต้ดินยังจะไม่เปิดฉากสงครามหรือไง?
งั้นเกราะหนังขั้นสุดยอดตัวนี้มาจากที่ไหนกัน?
อีกอย่าง พลังต่อสู้ของหลี่เจิ้น ถึงขั้นที่ฆ่าขั้นสุดยอดได้เลยงั้นเหรอ?
ฟางผิงคิดไปต่างๆ นานา ไม่ได้พูดอะไรอีก มองหลี่อี้หมิงแวบหนึ่ง ครุ่นคิดแล้วจึงเอ่ยว่า “กระบี่รัตติกาลไร้แสงของนาย…”
หลี่อี้หมิงเอ่ยเสียงดัง “แค่ตั้งชื่อมั่วซั่วเท่านั้น ทำไมเหรอ?”
หวังจินหยางมองฟางผิง ก่อนจะมองหลี่อี้หมิงอีกครั้ง
คนอื่นๆ ก็เช่นกัน ต่างมองหน้ากัน
หรือจะให้พูดว่าแก่ตาย?
ดังนั้นคำพูดนี้ใครจะอ้างก็ได้ทั้งนั้น มีความสามารถนายก็ให้ฟางผิงอธิบายอย่างละเอียดยิบสิ
อย่างรุ่นของพวกเขา ยอดฝีมือที่ตายก็ต้องตายในสงครามใหญ่ทั้งนั้น
หลายปีหลังจากนั้นถ้ามีผู้ฝึกยุทธ์รุ่นใหม่คืนชีพ คนอื่นบอกเขาว่าเวลานั้นพวกนายเกิดสงครามขึ้นแล้วก็ตายทั้งหมด…เหมือนจะไม่มีความผิดปกติอะไรเหมือนกัน!
หัวเหล็กจะให้ตัวเองเข้าไปข้องเกี่ยวให้ได้ เขาก็ไร้ทางเลือก
ฟางผิงนินทาอยู่ในใจ เหยาเฉิงจวินปรากฏเป็นฉากสงครามใหญ่ อันที่จริงเขาทั้งแปลกใจและไม่แปลกใจ
สิ่งที่แปลกใจคือเหล่าเหยามีความยึดติดไม่น้อย อีกอย่างตกลงทำสงครามกับใครตาย?
เขาคาดเดาว่าฉากที่ปรากฏนี้น่าจะเป็นชาติที่แล้วของเขา
แต่คู่ต่อสู้คือใคร?
ผู้ฝึกยุทธ์ของถ้ำใต้ดิน?
แล้วทำไมถึงประมือกัน?
เรื่องพวกนี้ตอนนี้กลายเป็นเรื่องอดีตแล้ว ไม่อาจย้อนรอยสืบสาวได้
หวังจินหยางได้ยินเรื่องพวกนี้ก็เอ่ยอย่างครุ่นคิด “ถ้าพวกเราปรากฏพลังจิตใจ จะต่างออกไปหรือเปล่า?”
“ไม่รู้”
ฟางผิงชำเลืองมองคนของเมืองเจิ้นซิงที่เดินออกไปแล้วแวบหนึ่ง กดเสียงว่า “ไปน่ะได้ แต่อย่างน้อยต้องขั้นเจ็ดหรือขั้นแปดก่อน ทางเมืองเจิ้นซิง คนอื่นไม่พูดถึง ตระกูลหยางไม่ชอบหน้าฉันเท่าไหร่ ตระกูลของพวกเขามีขั้นแปดอยู่ นี่หากอยู่ในอาณาเขตของพวกเขา อาจจะมาหาเรื่องฉันก็ได้”
หลี่หานซงประกายแววตาคมกริบขึ้นมาทันที แค่นเสียงว่า “ตระกูลหยาง! พวกเขากล้าหรือไง! ตระกูลหยางคนนั้น เหล่าฉินบอกว่าเขาคุกเข่าอยู่ที่นั่น! อยู่ดีๆ กลับบุกมาบ้านของพวกเรา คนที่หยิบโดยไม่บอกไม่กล่าวก็มีแต่พวกขโมยเท่านั้น…”
“หุบปาก!”
หวังจินหยางตำหนิออกไปทันที เอ่ยอย่างโมโหว่า “ถ้านายยังพูดเหลวไหลพวกนี้อีก เชื่อหรือเปล่าว่าฉันจะฆ่านายให้ตาย? หลี่หานซง ฉันขอเตือนนาย ครั้งหน้าไม่อนุญาตให้พูดเรื่องพวกนี้ต่อหน้าฉัน ตอนนี้ฉันได้ยินก็หงุดหงิดขึ้นมาแล้ว!”
หลี่หานซงเผยสีหน้าใสซื่อ ฉันทำอะไร?
ฉันพูดผิดอย่างนั้นเหรอ?
นั่นเป็นบ้านของสหายฉัน ผู้อาวุโสตระกูลหยางบุกเข้าไปบ้านเพื่อนของตัวเองโดยพลการ จากนั้นก็ตายอยู่ตรงนั้น ในความคิดของหลี่หานซง…มีเจตนาไม่ดีอยู่แล้ว
อย่างน้อยเขาและฉินเฟิ่งชิงไปก็ไม่เห็นเป็นอะไร
ยอดฝีมือขั้นสุดยอดคนหนึ่งนึกไม่ถึงว่าจะตาย อาจจะคิดเข้าไปปล้นบ้านก็ได้
แต่เหล่าหวังโมโหแล้ว หลี่หานซงทำได้แค่หุบปากไปทั้งที่ยังไม่หายอยากเท่านั้น
————–
………………..

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน