เข้าสู่ระบบผ่าน

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน นิยาย บท 554

ตอนที่ 554 ชนะคนโดยไม่ต้องใช้กำลัง (1)

………………..

ฟางผิงวางอำนาจบาตรใหญ่สุดเกินจะบรรยาย

ในตอนที่เขาทำท่าเชือดคอ แดนศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธ์ มีภิกษุหนวดยาวคนหนึ่งเอ่ยเนิบช้าว่า “แม่ทัพฟาง ประเทศจีนนั้นถ่อมตัวมาโดยตลอด แม่ทัพจำเป็นต้องยกตนข่มท่านขนาดนี้เลยหรือไง!”

ฟางผิงหันไปมองเขา จู่ๆ ก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่มีทางเลือก พวกเราอ่อนแอเอง ไม่มีขั้นเจ็ดอยู่ด้วย แรงกดดันเยอะเกินไป หนวดยาว ฉันแค่สร้างสถานการณ์ขู่ขวัญตบตา ขู่คนไปเท่านั้น แต่ว่า…ถ้าหนวดยาวไม่ท้าทายฉัน งั้นฉันก็คงไม่ท้าทายนายเหมือนกัน นายว่าเป็นหลักการนี้หรือเปล่า?”

ภิกษุหนวดยาวมองเขาพักหนึ่ง เอ่ยอีกครั้ง “แม่ทัพฟาง ครั้งนี้เป็นการชิงโควตา…”

“เข้าใจแล้ว”

ฟางผิงพยักหน้า ก่อนจะมองไปทางผู้ฝึกยุทธ์ที่สวมเสื้อคลุมสีดำปิดบังใบหน้าคนหนึ่งของเทือกเขาแอนดีส เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “สหายคนนี้ เป้าหมายของพวกนายล่ะ?”

ทุกคนทยอยมองไปทางเทือกเขาแอนดีส มีคนตกตะลึงอยู่บ้าง

หนวดยาวนั้นพูดออกมา พวกเขาก็รู้ได้ทันที นี่เป็นยอดฝีมือขั้นปรมาจารย์

แน่นอน ต่างชาติเรียกว่ายอดฝีมือระดับเทพ

แต่สิ่งที่เหนือความคาดหมายทุกคนคือนึกไม่ถึงว่าปรมาจารย์คนที่สองจะมาจากเทือกเขาแอนดีส!

ในตอนที่ฟางผิงถามออกมา ผู้ฝึกยุทธ์เสื้อคลุมดำก็เอ่ยว่า “แม่ทัพฟางยังไม่มีคุณสมบัติจะถามฉัน”

“ผู้หญิง?”

ฟางผิงเผยสีหน้าตกตะลึง ไม่ได้สนใจความหมายในคำพูดนั้น แต่ตกใจอยู่บ้าง

ฉันไม่เห็นจะมองออก!

ฉันยังคิดว่าเป็นผู้ชายซะอีก!

“แค่กๆๆ…”

เวลานี้กระทั่งหลี่เต๋อหย่งยังรับเจ้าหมอนี้ไม่ไหวอยู่บ้าง!

เธอหมายความว่าอะไรกัน?

ยังไงก็เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ด นายจะสนใจว่าชายหญิงไปทำไม?

แต่…จะว่าไปแล้ว แบนราบไปหมดจริงๆ!

หลี่เต๋อหย่งนึกมาถึงตรงนี้ ก็ก่นด่าอยู่ในใจ ฉันคิดอะไรกันเนี่ย?

นี่เป็นคำถามที่ฉันควรคิดหรือไง?

นี่เป็นการแข่งขันผู้ฝึกยุทธ์หนุ่มสาวทั่วโลก สถานการณ์จริงจังแบบนี้ ทำไมตัวเองถึงเกิดความคิดแบบนี้ได้?

หลี่เต๋อหย่งมองฟางผิงด้วยแววตาไม่เป็นมิตร ถ้าเจ้านี้พูดไร้สาระอีก ฉันจะหาโอกาสเตะเขาให้ตายซะ!

คำพูดของฟางผิง สำหรับชาวต่างชาติที่ใช้ภาษาจีนพวกนี้ยังนับว่าเข้าใจเหมือนกัน

หญิงชุดดำเห็นได้ชัดว่าโมโหอยู่บ้าง ตำหนิว่า “ท้าทายยอดฝีมือ…นั่นจำเป็นต้องจ่ายค่าแลกเปลี่ยน!”

ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันไม่ได้ท้าทาย ฉันแค่ถามว่าดูว่าเป้าหมายของพวกเธอคืออะไร พวกเธอไม่ได้ท้าทายประเทศจีน ฉันคงไม่สร้างความลำบากใจให้พวกเธออยู่แล้ว แต่ว่า…”

จู่ๆ ฟางผิงก็เอ่ยหยอก “จะว่าไปแล้ว ขั้นเจ็ดตอนต้นน่าจะไม่เท่าไหร่เหมือนกัน ฉันก็เคยฆ่าขั้นเจ็ดมาก่อน บางที…อาจสามารถฆ่าเล่นอีกสักสองคนได้? ยังคงเป็นประโยคนั้น โอกาสถูกท้าประลองฉันหมดแล้ว ยินดีต้อนรับอย่างยิ่งถ้าทั้งสองจะท้าประลองฉัน ฉันไม่ปฏิเสธหรอก น่าจะได้เหมือนกัน หรือว่า…จะเปลี่ยนเป็นการประลองนอกสนามก็ไม่มีปัญหา โอกาสท้าประลองยังมีอีกหนึ่งครั้ง…ฉันทิ้งคำพูดไว้ตรงนี้ พวกนายสองคน ใครท้าประลองผู้ฝึกยุทธ์ประเทศจีน ฉันจะท้าประลองพวกนาย ฆ่าขั้นเจ็ดคนหนึ่งให้ดู…ไม่อนุญาตให้ยอมแพ้ พวกเรามาเล่นกันอย่างถึงที่สุดดู!”

ทุกคนตกอยู่ในความเงียบ

หญิงชุดดำไม่พูดอีก ภิกษุหนวดยาวกดเสียงพึมพำ ไม่ได้เอ่ยปากเช่นกัน

ขั้นหกข่มขู่ขั้นเจ็ด อย่าพูดเลยว่าไม่เคยเจอมาก่อน ครั้งนี้นับว่าทุกคนได้เปิดหูเปิดตาจริงๆ

เหิมเกริม!

เหิมเกริมอย่างถึงที่สุด!

เตือนสองคนนี้อย่างโจ่งแจ้ง ใครลงมือกับผู้ฝึกยุทธ์ประเทศจีน เขาจะท้าประลองคนนั้น

เจ้าหมอนี้เอาความมั่นใจมาจากไหน ปะทะกับขั้นเจ็ดได้จริงๆ งั้นเหรอ?

ฟางผิงหัวเราะอย่างดูแคลน กลับไปที่ค่ายประเทศจีน

เขากลับมาแล้ว ซูเฮ่าหรานก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ฟางผิง มั่นใจในตัวเองเกินไปไม่ใช่เรื่องดี ท้าทายขั้นเจ็ดสองคนนั้นก็ไม่ใช่เรื่องดีเหมือนกัน สองคนนั้นยังไม่ได้ใช้โอกาสท้าประลองสักครั้งเลย หากลงมือกับพวกเรา โอกาสหกครั้ง…”

อาจจะมีคนพิการถึงหกคน!

แม้จะเป็นฝ่ายยอมแพ้ก่อน ทั้งตอนนี้หลายคนเหลือโอกาสไม่กี่ครั้งแล้ว แต่รอถึงสุดท้าย ในสถานการณ์ที่ทุกคนถูกบีบ ใช้โอกาสท้าประลองจนหมดแล้ว หากยังถูกอีกฝ่ายท้าประลองอีก นั่นหมายถึงต้องออกจากสนามแล้ว

ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “สองคนนี้ซ่อนตัวเงียบไม่กระโตกกระตาก ต้องชี้ตัวให้ชัดเจนถึงจะทำให้พวกเขากลายเป็นเป้าของทุกคน ส่วนท้าประลองพวกเรา…ผมบอกไปแล้ว ถึงเวลานั้นจริงๆ ผมจะลงมือท้าประลองพวกเขา! ขั้นเจ็ดตอนต้น ทั้งเพิ่งเข้าสู่ตอนต้น พลังจิตใจไม่ต่างกับผมเท่าไหร่ มีแค่ต้องแข็งแกร่งกว่าผม ระเบิดพลังฟ้าดินได้แบบนั้น ขั้นเจ็ดตอนต้นคิดจะฆ่าผมในชั่วพริบตาอาจทำไม่ได้เสมอไป กระบวนท่าเดียวฆ่าผมไม่ตาย ผมระเบิดพลังจิตใจสี่สิบห้าสิบครั้ง สองคนนี้จะสามารถผลาญพลังกับผมอย่างถึงที่สุดได้จริงๆ หรือไง?”

บางคนต่อสู้สามครั้งแพ้สามครั้ง เผชิญกับสถานการณ์แบบนี้ มีแค่ต้องเป็นฝ่ายท้าประลอง ถึงจะได้รับชัยชนะมา ไม่งั้นคงต้องถูกคัดออกแล้ว

รอบที่สาม ผู้ที่หลอมสารจิงกับเลือดต่างไม่ขยับเขยื้อน ปรมาจารย์สองคนก็ไม่เคลื่อนไหว

พวกเขาไม่เคลื่อนไหว คนอื่นๆ ก็ไม่กล้าท้าประลองพวกเขาเหมือนกัน

ขั้นหกสูงสุด ส่วนหนึ่งเลือกท้าประลองผู้อ่อนแอ อีกส่วนละทิ้งโอกาสท้าประลองไป

แต่เจี่ยงเชาเจ้าหมอนี้ยังคงถูกคนจับจ้อง

เขาต่อสู้อย่างทุเรศเกินไป ทำให้หลายคนขัดหูขัดตา

ขั้นหกตอนปลายที่มาจากแดนศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธเจ้าคนหนึ่งหมายตาเขาไว้แล้ว

ผลปรากฏว่าลงสนามครั้งนี้ แม้เจี่ยงเชาจะยังสวมชุดลงเต็มยศ แต่กลับเหิมเกริมอย่างยิ่ง อีกฝ่ายเพิ่งคิดจะลงมือ เจี่ยงเชาก็ตะโกนทันที “เอาแค่พอดีเถอะ! นาย…นายมาจากไหนกัน ลูกหลานของตระกูลอะไร? ผู้อาวุโสฉันคุ้มกันเขตแดนไม่ได้ไกลจากประเทศของพวกนาย นายจะสู้กับฉัน ระวังผู้อาวุโสตระกูลฉันล้างแค้นละกัน!”

“มองอะไร? ผู้อาวุโสฉันคือราชาสงคราม สู้หนึ่งต่อสามยังได้ ฉันชนะหนึ่งสนามก็ใช้ได้แล้ว นายยังท้าประลองฉันอีก คิดว่าฉันรังแกง่าย?”

“ตระกูลเจี่ยงมาถึงรุ่นของฉันเหลือแค่สองคนแล้ว ไอ้โรคจิตตระกูลฉันไม่หาภรรยาแต่งงานเกิดลูก เห็นได้ชัดว่าจะไร้ลูกสิ้นหลานแล้ว”

“นายทำฉันตายอีก ตระกูลเจี่ยงไม่มีทายาทแล้ว พวกนายรับผิดชอบเรื่องนี้ไหวงั้นเหรอ?”

“รีบยอมแพ้ไปซะ ไม่งั้นฉันจะไม่ป้องกันอะไรเลย ปล่อยให้นายตีตายจบๆ ไป นายครุ่นคิดผลที่ตามมาเอาเองเถอะ!”

“แดนศักดิ์พระพุทธเจ้าอย่างพวกนาย บอกว่าเป็นพระ ในบ้านกลับมีทายาทเป็นกอง ตายไปหน่อยไม่ได้เป็นไร ฉันตายแล้ว ให้ทั้งตระกูลนายฝังไปด้วยยังไม่พอด้วยซ้ำ!”

“…”

เจี่ยงเชานั้นเหิมเกริมอย่างแท้จริง เอะอะโวยวาย บอกว่าตัวเองท้าประลองหนึ่งครั้ง นั่นเพียงพอให้ชนะได้แล้ว

หากเจ้าหมอนี้ยังท้าประลองเขาอีก จะเป็นการแสดงว่าไม่ไหวหน้าผู้อาวุโสตระกูลเขา

ปากทางเข้าถ้ำใต้ดินของแดนศักดิ์สิทธิ์พระพุทธเจ้าอยู่ใกล้กับประเทศจีน

นั่นแทบจะเจอกันได้ง่ายๆ หากหาเรื่องเขา คงต้องไปล้างแค้นกับผู้อาวุโสแล้ว

—————

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน