ระบบเจ้าสำนัก นิยาย บท 304

ตอนที่ 304 มิติผันผวน
ท่าเคลื่อนย้ายพริบตา คือสัญลักษณ์ของพวกระดับสูงในทวีป !
การจะเชี่ยวชาญท่านี้ได้ แต่ละคนจะต้องเป็นพวกระดับสูงสุดของ
ทวีปที่อยู่ขอบเขตตุ้นซวน !
อู่ฉิงฉวนและโอวเสินเฟิงมองหน้ากัน และรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา คน
หนึ่งคือปรมาจารย์การหลอม 5 ดาวและอีกคนคือปรมาจารย์กำหนด
อาหาร 6 ดาว ฐานะของพวกเขาในทวีปนี้ไม่ใช่น้อย ๆ คนแข็งแกร่ง
ที่คนทั่วไปไม่เคยได้พบมาก่อนนั้น พวกเขาก็ได้พบมาแล้ว แต่คน
ระดับตำนานที่อยู่ขอบเขตตุ้นซวนขั้นสมบูรณ์นั้น ด้วยสถานะของ
พวกเขาแล้ว พวกเขาก็ไม่มีสิทธิที่จะได้พบ แต่ตอนนี้พวกเขามั่นใจ
แล้วว่า เจ้าสำนักอยู่ในขอบเขตตุ้นซวนขั้นสมบูรณ์ ไม่ได้อ่อนแอไป
กว่าพวกระดับสูงสุดของทวีปเลย !
“บางที เซี่ยเฟิงอาจจะพูดจริงก็ได้ !” พวกเขาจำที่เซี่ยเฟิงเคยพูดได้
“เจ้าสำนักอาจจะก้าวข้ามขอบเขตตุ้นซวนจริง ๆ ก็ได้ !”
การที่ได้อยู่กับตัวตนแบบนั้น ชีวิตของพวกเขาก็ถือว่าไม่น่าผิดหวัง
แล้ว ในทางกลับกันมันถือว่าเป็นเกียรติด้วยซ้ำ !
ศิษย์คนที่เหลือ ไม่เคยได้ยินชื่อทักษะเคลื่อนย้ายพริบตามาก่อน มีแค่
หลินจื้อเป่ ย,โหวเทียนหมาง,หวงฟู่เชิงจื้อและคนอื่น ๆ ที่พอจะได้
ยินมันมาบ้าง ตอนที่คิดถึงทักษะเคลื่อนย้ายพริบตาในตำนาน ก็มี
หลายคนในกลุ่มหลินจื้อเป่ ยที่พอจะคิดออก “เจ้าสำนักคือคนใน
ระดับสูงสุดของมนุษย์งั้นรึ ?”
พวกระดับสูงของทวีป หากมองดูทั้งทวีปแล้ว คนแบบนี้มีอยู่ไม่มาก
พวกเขาคิดไม่ถึงมาก่อนว่า การมาหาอู่ฉิงฉวนพวกเขาจะได้พบกับ
ตัวตนระดับตำนาน !
อู่ฉิงฉวน,โอวเสินเฟิงและกลุ่มหลินจื้อเป่ ยต่างก็มองตามจางหยูที่อยู่
สูงกว่าหมื่นฟุต!
คนที่เหลือไม่รู้จักทักษะเคลื่อนย้ายพริบตา พวกเขาแค่คิดว่าจางหยู
เคลื่อนที่ได้เร็วจนไม่อาจจะเห็นการเคลื่อนไหวของจางหยูได้ แต่ถึง
จะเป็นแบบนั้นพวกเขาก็ยังคงตกตะลึง ยังไงซะความเร็วแบบนี้แทบ
จะเรียกได้ว่าเคลื่อนย้ายในพริบตา…
ในหมู่ผู้คนที่อยู่ด้านล่าง กูเฉินเห็นว่าจางหยูหายตัวไปก็ได้หรี่ตาลง
ทันที “เคลื่อนย้ายพริบตา !”
อู่ฉิงฉวนและโอวเสินเฟิงแค่เดา แต่กูเฉินนั้นมั่นใจว่าจางหยูเพิ่งจะใช้
ทักษะเคลื่อนย้ายพริบตาไป เพราะตัวเขาเองก็เป็นพวกระดับสูงสุด
ของทวีปเช่นกัน เขาคือราชาของสัตว์อสูร และก็เชี่ยวชาญท่านี้เช่นกัน
“การผันผวนของมิติไม่เหลือแม้แต่น้อย” สีหน้าของกูเฉินดูเคร่งเครียด
ยิ่งกว่าเดิม สายตาเขาเบิกกว้าง “เป็นไปได้ยังไงกัน !”
เขามั่นใจว่าจางหยูเพิ่งจะใช้ท่าเคลื่อนย้ายพริบตา แต่เขากลับไม่รู้สึก
ถึงมิติที่ผันผวนเลย
เขามองไปยังจุดที่จางหยูเคยอยู่ พร้อมกับใจที่หล่นวูบ สีหน้าเขา
หม่นลง “มันคือท่าเคลื่อนย้ายพริบตาที่ข้าเองก็ใช้ แต่มันกลับไม่มี
การผันผวนของมิติเลย…”
ยากเกินกว่าเขาจะทำได้ !
เท่าที่เขาจำได้ แม้แต่ผู้ที่แข็งแกร่งที่มีความเข้าใจในกฎอย่างลึกล้ำ
เมื่อใช้ท่านี้แล้ว ก็ยังต้องเหลือการผันผวนของมิติเอาไว้บ้าง การ
เคลื่อนย้ายพริบตาคือความสามารถระดับปาฏิหาริย์ที่ไม่น่าเชื่อ แต่
เงื่อนไขที่จะใช้มันได้ก็สูงมากเช่นกัน
แม้ว่าจะเป็นพวกระดับสูง แต่หากจะใช้มัน สภาพแวดล้อมของมิติ
นั้นจะต้องมั่นคงเป็นอย่างมาก ไม่งั้นแล้วมันจะล้มเหลว และผลที่
ตามมาคือบางทีอาจจะหายไปในมิติและเวลา เอาสั้น ๆ คือต้องพบ
กับจุดจบที่น่าอนาถ
ดังนั้นโดยทั่วไปแล้ว พวกระดับสูงจึงไม่ค่อยจะใช้ท่านี้มากนัก หาก
ไม่มีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้นจริง ๆ
อีกอย่างแล้วการใช้ท่านี้จะทำให้อากาศเกิดการการผันผวน บางจุด
จะหายไปและจะเกิดการผันผวนของมิติขึ้นมา ดังนั้นในระหว่างการ
ต่อสู้ของพวกระดับสูง จึงไม่มีการใช้ท่าเคลื่อนย้ายพริบตาออกมา
เพราะหากฝ่ายหนึ่งใช้มัน อีกฝ่ายก็สามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจน และ
สามารถถอยกลับมาได้ง่าย ๆ นอกจากนี้จุดที่พวกระดับสูงต่อสู้กัน
นั้น จะเกิดการผันผวนของมิติได้ง่าย ๆ ดังนั้นท่านี้จึงง่ายที่จะล้มเหลว
เมื่อมันล้มเหลว ผลที่ตามมานั้น….
“เขาทำได้ยังไงกัน !” ความมั่นใจของกูเฉินเริ่มสั่นคลอน “เขาอยู่
ระดับไหนกันถึงสามารถใช้ท่าเคลื่อนย้ายพริบตาแบบนี้ได้ ?”
ไม่มีจุดที่มิติผันผวนเลยแม้แต่น้อย หากไม่เห็นกับตากูเฉินคงไม่เชื่อ
สิ่งที่เกิดขึ้น
เมื่อคิดแบบนั้น กูเฉินก็มั่นใจได้ จากการใช้ท่าเคลื่อนย้ายพริบตาของ
จางหยูว่า อีกฝ่ายต้องอยู่ขอบเขตตุ้นซวนขั้นสมบูรณ์!
อยากหนีรึ ?
กูเฉินรู้สึกลังเล เขามองจางหยูไม่ออก โดยเฉพาะกับการที่จางหยูใช้
ท่าเคลื่อนย้ายในพริบตาออกมา ซึ่งไม่มีการผันผวนของมิติเลย มัน
ยิ่งทำให้เขาหวาดกลัวยิ่งกว่าเดิม
ในฐานะคนที่อยู่ระดับสูงสุด เขาแทบจะเข้าใจกฎพื้นฐานทุกอย่างถึง
ขั้นสมบูรณ์
สิ่งเดียวที่ส่งผลต่อเรื่องนี้คือกฎมิติ !
ยิ่งรับรู้กฎมิติได้สูงเท่าไหร่ ท่านี้ก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากเท่านั้น โดยทั่วไป
แล้วพวกระดับสูงแทบจะเข้าใจกฎมิติพอ ๆ กัน แม้ว่าจะมีความต่าง
แต่ความต่างนั้นก็มีจำกัด ดังนั้นพลังของพวกระดับสูงจึงถือว่า
ทัดเทียมกัน และทุกคนก็ยากที่จะฆ่าอีกฝ่ายได้ แต่ตอนนี้กูเฉินกลับ
รู้สึกถึงภัยร้ายแรง เพราะการควบคุมท่าเคลื่อนย้ายพริบตาของจางหยู
ซึ่งพิสูจน์ได้ว่าความเข้าใจในกฎมิติของจางหยูนั้นดีกว่าเขาหลายเท่า
เมื่อเข้าใจกฎมิติได้ลึกซึ้งแบบนี้ งั้นความแข็งแกร่งของจางหยูก็ต้อง
น่ากลัวอย่างมาก
มันก็เหมือกับนักหลอม นักหลอม 1 ดาวและปรมาจารย์การหลอม 6
ดาว แม้ว่าจะเป็นนักหลอมที่สามารถสร้างอาวุธได้เหมือนกัน แต่
อาวุธที่พวกเขาสร้างขึ้นมาจะมีความต่างกันในระดับที่คาดไม่ถึง
ในอีกความหมายก็คือ การใช้ท่าเคลื่อนย้ายพริบตาของกูเฉิน เป็นแค่
ระดับนักหลอม 1 ดาวและจางหยูถือว่าเป็นปรมาจารย์หลอม 6 ดาว
มันต่างกันคนละระดับเลยทีเดียว !
เมื่อคิดแบบนั้นกูเฉินก็เริ่มคิดจะถอยกลับ
“ทำแบบนั้นไม่ได้ !” กูเฉินตัดสินใจ
อีกฝ่ายเองก็เป็นพวกระดับสูงเหมือนกับเขา ความเข้าใจกฎมิติของ
อีกฝ่ายลึกซึ้งกว่าเขามาก หากคิดจะหนี มันก็มีโอกาสสูงที่จะโดนฆ่า!
แต่ตอนที่เขากำลังคิดจะยอมแพ้ จางหยูที่อยู่สูงขึ้นไปนับหมื่นฟุตก็
กล่าวขึ้นมาว่า “ทำไมยังไม่เริ่มอีก ? กลัวรึ ?”
กลัว ?
กูเฉินกลัวจริง ๆ แต่ต่อหน้าผู้คนมากมายแบบนี้ เขาจะยอมรับว่าเขา
กลัวได้ยังไง
ในฐานะราชาสัตว์อสูร เขาจะยอมรับแบบนั้นได้ยังไง
ทันใดนั้นร่างของกูเฉินก็หายไปเหมือนกับตอนที่จางหยูหายตัวไป
ตอนที่เขาปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง เขาก็อยู่ตรงกันข้ามกับจางหยู
เมื่อเห็นแบบนั้น อู่ฉิงฉวน,โอวเสินเฟิงและคนอื่น ๆ ต่างก็ตกตะลึง
“พระเจ้า ชายคนนี้…ใช้ท่าเคลื่อนย้ายพริบตาได้ด้วย” อู่ฉิงฉวนกลืน
น้ำลาย “คนระดับสูงสุดอีกคนรึ ?”
สีหน้าของโอวเสินเฟิงบิดเบี้ยวไป “ขอบเขตตุ้นซวนขั้นสมบูรณ์
แน่นอนว่าต้องเป็นขอบเขตตุ้นซวนขั้นสมบูรณ์ !”
ตอนแรกพวกเขาคิดว่าคงมีแค่เจ้าสำนักที่เป็นตัวตนระดับสูงสุดของ
ทวีป แต่พวกเขาไม่คิดเลยว่าชายที่มาคัดค้านเจ้าสำนัก จะเป็นพวก
ระดับสูงสุดอีกคน เรื่องนี้มันดูซับซ้อนยิ่งกว่าเดิม
พวกเขาที่เคยมั่นใจในตัวเองกลับรู้สึกอายขึ้นมา ใจของพวกเขาเต็ม
ไปด้วยความกังวล
หลินจื้อเป่ ยและคนอื่น ๆ ตะลึง “คนระดับสูงสุดในตำนานถึงสอง
คนงั้นหรือ?”
พวกเขาไม่รู้ว่าตัวเองโชคดีหรือโชคร้าย ที่ได้พบกับคนระดับสูงสอง
คนในคราวเดียว…แม้ว่าจะอยู่ห่างออกมาถึงหมื่นฟุต แต่ใช่ว่าพวก
เขาจะปลอดภัย
“ไม่ต้องกังวล ชายคนนี้ไม่ใช่คู่มือของเจ้าสำนักหรอก” เซี่ยเฟิงยังคง
ยิ้มออกมาราวกับผู้ชนะ “แม้ว่าระดับการบ่มเพาะของอีกฝ่ายจะอยู่
ขั้นสูงสุดของขอบเขตตุ้นซวน แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะเจ้า
สำนัก ข้าเคยเห็นกับตาตัวเองมาแล้ว เจ้าสำนักเอาชนะคนที่มีความ
แข็งแกร่งในระดับเดียวกันนี้ได้อย่างง่ายดาย !”
สายตาทุกคู่มองมาที่เขาด้วยความประหลาดใจและทึ่ง เซี่ยเฟิงรู้สึก
ภูมิใจ แม้ว่าเขาจะเข้าร่วมสำนักคังเฉียงเป็นคนสุดท้าย แต่ไม่มีใคร
เคยเห็นพลังของเจ้าสำนักเหมือนกับเขา
คนอื่น ๆ รู้แค่ว่า เจ้าสำนักนั้นน่าทึ่ง แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าเจ้าสำนัก
แข็งแกร่งถึงเพียงใด
พลังแบบนี้ไม่มีใครในโลกนี้ที่เทียบได้ !
บอกได้ว่าในหมู่คนนับไม่ถ้วน รวมไปถึงคนของสำนักคังเฉียงนั้น
เซี่ยเฟิงคือคนที่ใจเย็นที่สุด
เมื่อนึกถึงอดีตที่เจ้าสำนักเคยเอาชนะคนที่อยู่ขั้นสูงสุดของขอบเขต
ตุ้นซวนมาแล้ว แค่คิดถึงฉากนั้นก็ทำให้เขาพลุ่งพล่านขึ้นมา !
“เอาเลย ไม่ต้องลังเล !” เซี่ยเฟิงตะโกนในใจ
เขาแทบรอไม่ไหวที่จะให้กูเฉินลงมือ
….
สูงขึ้นไปกว่าหมื่นฟุตจางหยูและกูเฉินอยู่ห่างกันไม่ถึง 100 ฟุต
ความคิดของจางหยูนั้นเรียบง่าย เขาควรดึงกูเฉินขึ้นมาด้านบน เพื่อ
หลีกเลี่ยงไม่ให้ผู้บริสุทธ์ิได้รับผลกระทบไปด้วย แต่เขาไม่เคยคิดว่า
กูเฉินคิดจะหนี หากเขารู้ว่าเพราะคำพูดของเขา ทำให้กูเฉินเปลี่ยน
ความคิดและต้องการจะลงมือ ท่าทางนิ่งสงบในตอนนี้ก็คงแตก
สลายไปมีชิ้นดี
“ข้ารู้ว่าเจ้าแข็งแกร่ง แต่เจ้าไม่ควรดูถูกข้าเช่นนี้ !” กูเฉินมองไปที่
จางหยูด้วยท่าทีเฉยเมย คำพูดของเขาแฝงไปด้วยความโกรธ
ดูถูก ?
จางหยูเริ่มสงสัยขึ้นมา เขาไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาพูดไปนั้นทำให้กูเฉินโกรธ
แค่ไหน
เขาเอียงหัวและไม่คิดอะไรมากกับคำถามที่ไร้ความหมายนี่
“กูเฉิน” จางหยูพูดขึ้น
“หุบปาก !” ตอนนั้นกูเฉินเหมือนกับคลั่ง กล้ามเนื้อเขากระตุกพร้อม
กับดวงตาที่แดงก่ำ “ข้าบอกแล้วว่าอย่าพูดชื่อนี้อีก !”
จางหยูตกตะลึงไปกับการทำให้อีกฝ่ายโกรธขึ้นมาอีกรอบ เขาครุ่นคิด
และพูดขึ้นมา “งั้นจะให้ข้าเรียกท่านว่าอะไร? ราชาสัตว์อสูรรึ ?”
กูเฉินใจเย็นลงเล็กน้อย เขามองไปที่จางหยูและพูดขึ้น “บอกมาว่า
เจ้าต้องการอะไร !”
เขามองออกว่าต่อหน้าเจ้าสำนักผู้นี้ เขากลัวว่าจางหยูจะแข็งแกร่ง
กว่าเขาอย่างมาก หากสู้กันจริง ๆ เขาคงไม่ใช่คู่มือของจางหยู เขา
อาจจะตายเพราะเรื่องนี้ ตอนแรกเขาคิดจะยอมแพ้และกลับไป อีก
ฝ่ายกลับทำให้เขาโกรธและทำให้เขาไม่มีทางเลือก การที่หยุดเขาไว้
แบบนี้แน่นอนว่ามีจุดประสงค์แอบแฝง
อีกฝ่ายอาจจะต้องการสังหารเขา หรืออาจจะมีเหตุผลอื่น
จางหยูตะลึง “ท่านหมายความว่าอะไร ?”
เขาสับสน ชัดแล้วว่ากูเฉินเป็นคนหาเรื่อง แต่ท่าทางของอีกฝ่ายกลับ
กลายเป็นว่าคนที่หาเรื่องคือเขา!
“โอ้ ไม่ต้องเสแสร้งไป เจ้าจงใจพูดถึงเสินเซียว เพื่อทำให้ข้าโกรธ
และบังคับให้ข้าต้องอยู่ต่อ เจ้ากล้าบอกหรือไม่ว่าเจ้าไม่ได้จงใจพูด
เรื่องนี้ออกมา ?” กูเฉินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ข้ายอมรับว่าข้าไม่
อาจที่จะเป็นคู่มือของเจ้าได้ แต่อย่าคิดว่าข้าจะยอมแพ้ ! ข้ากูเฉิน
ตั้งแต่เกิดมา ก็ผ่านการต่อสู้ที่เสียเปรียบมานับไม่ถ้วน แต่ไม่เคยก้ม
หัวให้ใคร แม้ว่าเจ้าจะแข็งแกร่งกว่าข้า แต่ข้าก็ไม่ยอมก้มหัวให้กับ
เจ้า !”
ตอนที่จางหยูใช้เคลื่อนย้ายพริบตา กูเฉินก็เข้าใจว่าเขาไม่อาจจะเป็น
คู่มือของจางหยูได้
เขาถึงกับรู้สึกว่านี่คือแผนการที่จางหยูล่อเขามาโดยเฉพาะ ตั้งแต่การ
ก่อตั้งสำนักคังเฉียง, ก่อตั้งชั้นเรียนสัตว์อสูร, เผยแพร่ข่าวเรื่องการ
กระตุ้นสายเลือดสัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิ, เปิดสอนสาธารณะ, บังสวรรค์
และเรื่องอื่น ๆ ทุกอย่างก็เพื่อให้เขาปรากฏตัวออกมาและเขาก็
ปรากฏตัวออกมาจริง ๆ
“เป็นแผนการที่ดี !” กูเฉินยิ่งคิดยิ่งมั่นใจ
เขาไม่คิดว่าผู้แข็งแกร่งระดับสูง ที่ควรหยิ่งทะนงกลับมาสร้างสำนัก
และมาสั่งสอนพวกมดปลวก
นี่คือแผนการที่มีไว้เพื่อเรียกเขาที่เป็นราชาสัตว์อสูรออกมา!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบเจ้าสำนัก