ระบบเจ้าสำนัก นิยาย บท 310

ตอนที่ 310 ความสงสัยของมังกรแดง
มันผ่านมาเกือบปีแล้วตั้งแต่ที่เขามายังโลกนี้ จนตอนนี้ จางหยูถึงได้
รู้สึกโล่งอก
“ต่อไปข้าจะต้องทุ่มเทสมาธิไปกับการเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเอง”
เมื่อไม่มีความกังวลใด ๆ อารมณ์ของจางหยูก็ดีขึ้น แรงกดดันที่เขา
แบกรับไว้ตลอดมานี้อยู่ ๆ ก็หายไป
ด้วยการที่มีกูเฉินอยู่กับสำนักคังเฉียง จางหยูก็รู้สึกไร้ความกดดัน
เมื่อเห็นสีหน้าที่ดีใจของจางหยู กูเฉินก็สงสัยขึ้นมา “ไม่ใช่ว่าข้าแค่
เข้าร่วมสำนักคังเฉียงหรือไง ? ทำไมถึงต้องดีใจนัก ?”
กูเฉินพูดขึ้นต่อ “งั้นเจ้าสำนัก ข้าไปได้หรือยัง ?”
เขาไม่อยากอยู่ต่อที่นี่นานนัก
“แม้ว่าท่านต้องการจะไป แต่จะรีบไปตอนนี้เลยรึ?” จางหยูพูดขึ้นมา
ด้วยรอยยิ้ม “มากับข้าสิ ข้าจะพาท่านไปรู้จักคนที่เหลือของสำนักคัง
เฉียง”
กูเฉินยังไม่ทันปฏิเสธ ร่างของจางหยูก็หายไปและกลับไปที่พื้น
กูเฉินถอนหายใจออกมา และได้แต่อดกลั้นความต้องการที่จะออก
จากที่นั่นไว้ แล้วกลับลงไปที่พื้น เขาไม่ได้อยากรู้จักคนอื่น ๆ ของ
สำนักคังเฉียง แต่เขาไม่กล้าที่จะหักหน้าจางหยู
….
ที่ด้านล่าง
อู่ฉิงฉวนและคนอื่น ๆ พากันคาดเดาตัวตนของกูเฉิน มันมีพวกระดับ
สูงแบบนี้ไม่กี่คนในทวีป เผ่ามังกร, เผ่าสัตว์อสูรและพวกมนุษย์ กู
เฉินเป็นคนของฝ่ายไหน ?
“เจ้าจำปราณสัตว์อสูรที่น่ากลัวเมื่อครู่ไม่ได้รึ?” เสียงของโหวเทียน
หมางดังขึ้นมา “พวกระดับสูงของมนุษย์ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมี
ปราณสัตว์อสูรได้ เขาต้องเป็นคนของเผ่ามังกรหรือไม่ก็คนของเผ่า
สัตว์อสูร !”
อู่ฉิงฉวนพยักหน้า “เขาน่าจะเป็นราชาสัตว์อสูร”
เผ่ามังกรนั้นอยู่ที่ทะเล โดยทั่วไปแล้วจะไม่เข้ามาในทวีป ส่วนราชา
สัตว์อสูรก็มีรังอยู่ที่ป่าหวงหยวน
อู่ฉิงฉวนไม่กล้าเข้าไปในป่าหวงหยวน คนที่เขากลัวก็คือราชาสัตว์
อสูร !
มีแค่ตัวตนระดับตำนานที่จะทำให้ปรมาจารย์กำหนดอาหาร 6 ดาว
หวาดกลัวได้ !
หลินจื้อเป่ ยถามขึ้นมาด้วยความสงสัย “แปลก เท่าที่ข้ารู้มา ราชาสัตว์
อสูรมีอคติต่อมนุษย์อย่างมาก แล้วทำไมเขาถึงได้มาที่นี่ได้?”
หวงฟู่เชิงจื้อ,หนิงไท่ชูและคนอื่น ๆ มองหน้ากัน
“เขาตั้งใจจะฝ่าฝืนข้อกำหนดกับท่านเป้ยหลง และฆ่ามนุษย์อีกครั้ง
รึ?” หนิงไท่ชูกลืนน้ำลายด้วยความกังวล ใบหน้าเขาสะท้อนความ
กลัวออกมา
การต่อสู้เมื่อแปดพันปีก่อน และข้อตกลงระหว่างราชาสัตว์อสูรกับ
เป้ยหลงที่เป็นตัวตนระดับสูงสุดของมนุษย์โด่งดังไปทั่ว หวงฟู่
เชิ่นจื้อและคนอื่น ๆ ไม่ได้อยู่ร่วมในสงครามครั้งนั้น แต่ก็พอเข้าใจ
รายละเอียดได้อยู่
อู่ฉิงฉวนลังเลและพูดขึ้นมา “ไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น ราชาสัตว์อสูรนั้น
แข็งแกร่ง แต่เราเองก็มีคนระดับสูงถึง 4 คนในหมู่มนุษย์ หากทั้งสี่
คนร่วมมือกัน ราชาสัตว์อสูรอาจจะไม่ใช่คู่มือของพวกเขา หากไม่มี
ความมั่นใจราชาสัตว์อสูรคงไม่มีทางเปิดฉากสร้างความบาดหมาง
จนเกิดสงครามระหว่างมนุษย์กับสัตว์อสูรขึ้น”
ในวันนี้พวกระดับสูงแบบนั้นมีอยู่ถึง 6 คน ราชามังกรคืออันดับ
หนึ่ง อันดับสองคือราชาสัตว์อสูร ตามด้วยคนของมนุษย์อีก 4 คน
แม้ว่ามนุษย์จะมีจำนวนมากที่สุด แต่ไม่มีใครทัดเทียมกับราชามังกร
และราชาสัตว์อสูรได้
ยังไงซะราชาสัตว์อสูรอย่างกูเฉิน ก็ไม่ใช่กูเฉินที่เพิ่งจะก้าวเข้ามาใน
ระดับนี้เมื่อ 8,000 ปีก่อน
หลังจากที่บ่มเพาะมาถึง 8,000 ปี ความแข็งแกร่งของเขาก็เพิ่มขึ้นมา
จนถึงระดับไร้เทียมทาน นอกซะจากว่าเป้ยหลงจะฟื้นคืนชีพขึ้นมา
ไม่งั้นแล้วก็ไม่มีใครสามารถปกป้องเผ่ามนุษย์ได้ มีแค่คนระดับสูง
ทั้งสี่คนของมนุษย์ร่วมมือกันถึงจะรับมือกับอีกฝ่ายได้ แน่นอน
แม้ว่ากูเฉินจะแข็งแกร่งแต่ก็ไม่อาจจะเป็นคู่มือของราชามังกรได้
ไม่ใช่แค่ราชามังกรยุคนี้ แต่ราชามังกรทุกยุคทุกสมัยต่างก็แข็งแกร่ง
อย่างมาก บอกได้ว่ามันเป็นแบบนี้แทบทุกยุค !
“หากท่านเป้ยหลงยังมีชีวิตอยู่ !” อู่ซูหยางที่เป็นหัวหน้าสมาคมนักฝึก
สัตว์อสูรคือคนที่หวาดกลัวมากที่สุด เขาเคยได้ยินความบาดหมาง
ระหว่างราชาสัตว์อสูรกับสมาคมนักฝึกสัตว์อสูรมาก่อน แม้เขาจะ
ไม่เข้าใจว่าทำไมราชาสัตว์อสูรถึงได้โกรธแค้นสมาคมนักฝึกสัตว์
อสูร แต่แน่นอนว่าความเกลียดชังที่ราชาสัตว์อสูรมีนั้นไม่ใช่น้อย ๆ
“หากท่านเป้ยหลงยังมีชีวิตอยู่ ราชาสัตว์อสูรคงไม่ใช่คู่มือของท่าน
เป้ยหลงได้แน่ !”
เป้ยหลงเป็นแค่คนเดียวในรอบหลายพันปี ที่กล้าเผชิญหน้ากับราชา
สัตว์อสูร เขาแข็งแกร่งอย่างมากและครองอันดับหนึ่งของมนุษย์มา
กว่าหมื่นปี !
บางทีเขาอาจจะเป็นรองแค่ราชามังกร และมีช่องว่างที่น้อยนิด
ระหว่างพวกเขา!
“ไม่จำเป็น” ตอนนั้นโอวเสินเฟิงได้มองไปที่อู่ซูหยางและส่ายหน้า
“แม้ว่าเขาจะตายไปแล้วแต่ก็ใช่ว่าท่านเป้ยหลง จะเป็นคู่มือของราชา
สัตว์อสูรได้ เมื่อแปดพันปีก่อนราชาสัตว์อสูรทัดเทียมกับท่านเป้ย
หลง การต่อสู้นั้นแม้ว่าราชาสัตว์อสูรจะบาดเจ็บแต่เวลาที่ผ่านมาถึง
8,000 ปีนั้น เขาจะแข็งแกร่งขึ้นขนาดไหน ใครจะไปรู้ได้ ?”
แม้ว่าขอบเขตตุ้นซวนขั้นสมบูรณ์จะถือว่าเป็นขีดจำกัดของการบ่ม
เพาะ แต่ตราบใดที่รับรู้กฎมิติได้ ความแข็งแกร่งก็จะเพิ่มขึ้นมาช้า ๆ
แม้ว่ามันจะยากมากก็ตาม เวลาถึง 8,000 ปีนั้นเพียงพอที่จะทำให้
ราชาสัตว์อสูรแข็งแกร่งขึ้นไปถึงระดับที่น่าทึ่งได้
หากไม่พัฒนาตัวเองขึ้นมา ก็คงเป็นไปไม่ได้ที่เป้ยหลงจะเป็นคู่มือ
ของราชาสัตว์อสูร !
ตอนที่โอวเสินเฟิงพูดแบบนั้นออกมา อู่ซูหยางก็หวาดกลัวยิ่งกว่าเดิม
เขามองไปโดยรอบและแอบกระซิบบอกกับอู่ฉิงฉวน “ผู้อาวุโสอู่ ข้า
คิดว่าข้าควรขอตัวกลับก่อน เพื่อจะได้ไม่ให้ทุกคนมีปัญหาไปด้วย…”
ราชาสัตว์อสูรเกลียดนักฝึกสัตว์อสูร และเขาไม่ใช่แค่เป็นนักฝึกสัตว์
อสูร แต่ยังเป็นถึงหัวหน้าสมาคมฝึกสัตว์อสูรเขตเหนืออีกด้วย!
หากราชาสัตว์อสูรล่วงรู้ฐานะของเขา….เขาก็ไม่คิดว่าตัวเองจะมี
โอกาสรอดไปจากที่นี่ได้
แม้ว่าเขาจะบอกว่ากลัวสร้างปัญหาให้กับทุกคน แต่อันที่จริงแล้วเขา
กังวลว่าเขาจะรอดออกจากที่นี่ไม่ได้ แต่เขายังไม่ทันได้ก้าวออกไป
ร่างของจางหยูกับกูเฉินก็โผล่มาข้างกายเขา
จากสีหน้าของกูเฉินแล้ว อู่ซูหยางถึงกับตัวแข็งทื่อและหายใจหอบถี่
ออกมาด้วยความกังวล ในตอนนั้นเขารู้สึกว่าแขนขาของเขาอ่อนแรง
กูเฉินเหมือนจะรับรู้ได้ว่าอู่ซูหยางหวาดกลัว และรับรู้ได้ถึงกลิ่นของ
นักฝึกสัตว์อสูร จากตัวของอู่ซูหยาง กูเฉินคิ้วขมวด “นักฝึกสัตว์อสูร
รึ ?” เขามองไปที่อู่ซูหยางและคิ้วขมวดขึ้นมาเล็กน้อย เขารับรู้ได้ถึง
อันตราย
อู่ซูหยางสีหน้าสลดลง “ราชาสัตว์อสูร” ตอนที่พูดนั้นเขาถึงกับปาก
สั่น คำพูดของเขาฟังดูติดขัด ชัดแล้วว่าเขากลัวมากแค่ไหน
หัวหน้าสมาคมฝึกสัตว์อสูรเขตเหนือที่อยู่ขอบเขตหลี่ซวนขั้นต่ำ
เมื่ออยู่ต่อหน้าราชาสัตว์อสูรแล้วก็ไม่ต่างอะไรจากมดปลวก แต่
หลินจื้อเป่ ย, หวงฟู่เชิงจื้อและคนอื่น ๆ ก็ไม่ได้หัวเราะเยาะเขา ต่อ
หน้าราชาสัตว์อสูรแล้ว ไม่มีใครใจเย็นอยู่ได้ นี่ไม่ต้องนับพวก
ขอบเขตหลี่ซวนเลย แม้แต่พวกขอบเขตตุ้นซวนที่อยู่เขตกลางก็มี
น้อยคนนักที่กล้าเผชิญหน้ากับราชาสัตว์อสูร การที่อู่ซูหยางไม่กลัว
จนเข่าทรุดไปกองกับพื้นก็ถือว่าทำได้ดีแล้ว
ทุกคนต่างก็มองไปที่กูเฉินด้วยสีหน้าเคร่งเครียด สายตาของพวกเขา
ไม่อาจจะปกปิดความกลัวได้ คนของสำนักคังเฉียงที่เหลือต่างก็ดูไม่
มั่นใจ ซึ่งไม่เข้าใจว่าทำไมคนอื่น ๆ ถึงได้แสดงท่าทีหวาดกลัวแบบ
นี้ออกมา
พวกนี้พูดคุยกันผ่านจิต ดังนั้นนอกจากอู่ฉิงฉวนและโอวเสินเฟิง
แล้ว คนอื่น ๆ ก็ไม่รู้ตัวตนของกูเฉินเลย ไป่หลิง, มังกรแดง, อินทรีย์
ปีกฟ้าและสัตว์อสูรตัวอื่น ๆ ต่างก็ไม่แน่ใจว่าชายหนุ่มคนนี้คือราชา
สัตว์อสูรหรือไม่
“ใจเย็น ๆ ไว้” จางหยูเห็นสีหน้าของกูเฉินแบบนั้นก็ได้พูดขึ้นมา
“นักฝึกสัตว์อสูรไม่ได้มีอะไรหนักหนา อย่าสนใจมากนัก”
กูเฉินเงียบไปและกลับไปแสดงสีหน้าเฉยเมยอีกครั้ง
อู่ซูหยางเหมือนกับวิญญาณออกจากร่าง ตัวเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อ
เขามองไปที่จางหยู “ขอบคุณท่านเซียน !”
หากไม่ใช่เพราะจางหยูเป็นคนพูดออกมา เขาอาจจะตายด้วยน้ำมือ
ของกูเฉินไปแล้ว
แต่ในฐานะนักฝึกสัตว์อสูร หลังจากที่ได้พบกับกูเฉินแล้ว และยังมี
ชีวิตรอดมาได้นั้น ก็ถือว่าชีวิตเขาคุ้มค่าแล้ว !
จางหยูยิ้มออกมา เขาไม่ได้สนใจคำขอบคุณจากอู่ซูหยาง เขามองไป
ที่คนของสำนักคังเฉียงแล้วพูดขึ้นมา “ข้ามีเรื่องจะบอกพวกเจ้า นี่คือ
อาจารย์คนใหม่ของสำนักคังเฉียง และตั้งแต่นี้เป็นต้นไปเขาจะรับ
หน้าที่สั่งสอนในชั้นเรียนสัตว์อสูร จำไว้ว่าเขาชื่อกูเฉินพวกเจ้าเรียก
เขาว่าอาจารย์กูก็ได้”
เมื่อได้ยินจางหยูพูดถึงชื่อกูเฉิน เขาก็คิ้วขมวด แต่สุดท้ายก็ไม่ได้
โวยวายอะไรออกมา
“อาจารย์กู ?” ไป่หลิงมองไปที่กูเฉินด้วยสีหน้าสงสัย “อาจารย์ของ
ชั้นเรียนสัตว์อสูรรึ ?”
มังกรแดงกับอินทรีย์ปีกฟ้ามองไปที่กูเฉิน ในฐานะเจ้าแห่งเขตมืด
แล้ว พวกเขาต่างก็มีเกียรติของตัวเอง การที่จะได้รับการยอมรับจาก
พวกเขานั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ
มังกรแดงพึมพำออกมา “เขาเป็นใครกันถึงมาสั่งสอนพวกเราได้
พิสูจน์ความสามารถของตัวเองก่อนสิ ! ไม่งั้นแล้วมาทางไหนก็
กลับไปทางนั้นซะ !” เขาพูดขึ้นโดยไม่มีความสุภาพแม้แต่น้อย
อินทรีย์ปีกฟ้ามองไปที่กูเฉินด้วยสีหน้าเฉยเมย สายตาของเขาถึงกับ
แสดงความมีอคติออกมา
เจ้าแห่งเขตมืดทั้งสองได้แสดงมุมมองของตัวเองออกมาแล้ว มันเป็น
ธรรมดาที่สัตว์อสูรตัวอื่น ๆ จะเข้าข้างพวกเขา มีแค่ไป่หลิงกับพวก
เทียนฮงเท่านั้นที่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“ความสามารถรึ ?” กูเฉินหัวเราะและมองไปยังมังกรแดง, อินทรีย์
ปีกฟ้ากับสัตว์อสูรตัวอื่น ๆ เขาพบสายตาอคติและสงสัยจากสัตว์
อสูรเหล่านั้น นี่มันเรื่องตลกชัด ๆ “เจ้าต้องการให้ข้าพิสูจน์ความ
สามารถ ฮ่าฮ่า พวกเด็กน้อยพวกนี้ถึงกับต้องการให้ราชาอย่างข้า
พิสูจน์ความสามารถ…”
มังกรแดงโกรธขึ้นมาและฮึดฮัดออกมาด้วยความไม่พอใจ “ตลก
อะไรกัน !”
เขารู้สึกว่าเขาถูกยั่วยุ
ศิษย์สัตว์อสูรต่างก็มองไปที่กูเฉิน
พวกเขาเป็นถึงสัตว์อสูรขอบเขตตันซวน แต่อาจารย์คนใหม่ผู้นี้กลับ
เรียกพวกเขาว่าเด็กน้อย นี่เท่ากับดูถูกพวกเขา !
เรื่องนี้ไม่อาจจะรับได้ !
“พวกโง่เขลา หุบปากไปซะ !” ทันใดนั้นเองก็มีเสียงชายวัยกลางคน
ตะโกนขึ้นมา พร้อมกับร่างของเขาที่บินเข้ามายังประตูสำนัก
เมื่อเห็นหน้าตาของชายวัยกลางคน สีหน้าของเจ้าแห่งเขตมืดทั้งสาม
ต่างก็เปลี่ยนไป
“เป็นเขานี่เอง” ไป่ หลิงเคยเจอชายวัยกลางคนนี้มาเมื่อสองร้อยปีก่อน
นางจำเขาได้ดี เขาคือคนที่สั่งสอนบทเรียนกับนาง เขาถึงกับขู่นางว่า
หากนางทำผิดกฎ เขาจะฆ่านางซึ่งทำให้นางเสียหน้าเป็นอย่างมาก
นางพยายามอย่างหนักจนก้าวขึ้นมาเป็นเจ้าแห่งเขตมืดได้ เพื่อหวัง
ว่านางจะได้มีโอกาสแก้แค้นอีกฝ่าย
อินทรีย์ปีกฟ้าถึงกับตกตะลึง “ราชา !”
ชายวัยกลางคนผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่น เขาคือเจ้าแห่งเขตมืดคนเก่า ราชา
ของอินทรีย์ปีกฟ้า สัตว์อสูรที่อยู่ขอบเขตหลิงซวนในป่าหวงหยวน
เขตลึก
มังกรแดงโกรธอย่างมาก แต่เมื่อเห็นชายวัยกลางคนปรากฏตัวขึ้นมา
เขาก็ตะลึง “ผู้อาวุโส ท่านมาได้ยังไงกัน ?”
ตอนที่ชายวัยกลางคนสั่งสอนไป่ หลิง เขาก็อยู่ที่นั่นด้วย เขาไม่มีทาง
ลืมเลือนว่าชายวัยกลางคนนี่จะน่ากลัวเพียงใด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบเจ้าสำนัก