ระบบเจ้าสำนัก นิยาย บท 312

ตอนที่ 312 ผู้ช่วยสอนและผู้ช่วยพ่อครัว
หลังจากที่เตือนมังกรแดงกับสัตว์อสูรตัวอื่น ๆ แล้ว จางหยูก็มองไป
รอบ ๆ และพูดด้วยท่าทีเฉยเมย “เอาล่ะ การเปิดสอนสิ้นสุดแล้ว เรื่อง
บังสวรรค์ข้าจะพูดถึงมันทีหลัง เอาล่ะทุกคนแยกย้ายกันได้แล้ว”
เมื่อพูดจบร่างของจางหยูก็หายไปช้า ๆ
หลังจากที่ราชาสัตว์อสูรปรากฏตัว เขาก็ไม่คิดจะพูดเรื่องบังสวรรค์
ต่อ
ผู้บ่มเพาะคนอื่น ๆ ต่างก็พากันเสียดาย แต่ไม่มีใครโวยวายอะไร
ออกมา หลังจากที่เห็นว่าจางหยูกลับไปแล้ว พวกเขาก็พากันแยกย้าย
กันอย่างเป็นระเบียบ
พวกเขาไม่ได้ลืมที่จางหยูบอกไว้ว่าคนที่ไม่ได้ลงทะเบียนกับเมือง
จะต้องออกจากเมืองทะเลทรายภายใน 1 ชม. ไม่งั้นแล้วพวกเขาจะ
ไม่มีสิทธิมาฟังการเปิดสอนครั้งหน้า
ทุกคนต่างก็ได้รับประโยชน์จากการเปิดสอนครั้งนี้ และเป็นธรรมดา
ที่ไม่อยากจะทิ้งสิทธิในการฟังการเปิดสอนครั้งหน้า
ด้านนอกสำนักคังเฉียง โจวถิง เฉาซย๋งและทุกคนพากันแยกย้ายกัน
กลับ ยกเว้นแค่พวกหัวหน้าสมาคมและผู้นำตระกูลใหญ่ ยังไงซะ หาก
พวกเขาคิดจะอยู่ต่อ คนในสำนักคังเฉียงคงไม่กล้าที่จะออกปากไล่
โหวเทียนหมางพูดขึ้นมา “ผู้อาวุโสอู่ ข้าเข้าร่วมสำนักคังเฉียงได้ด้วย
รึไม่ ?”
เมื่อได้ยินแบบนั้น คนฝั่งหลินจื้อเป่ ยก็มองไปที่โหวเทียนหมางด้วย
สีหน้าตกตะลึง
ตามที่เขาเข้าใจโหวเทียนหมาง โหวเทียนหมางเป็นคนรักอิสระ เขา
ไม่คิดจะอยู่ภายใต้กรอบแต่อย่างใด แต่ตอนนี้โหวเทียนหมางกลับ
ออกปากว่าจะเข้าร่วมกับสำนักคังเฉียง พวกเขาจะไม่แปลกใจได้
ยังไง ?
“เจ้าต้องการเข้าร่วมสำนักคังเฉียงงั้นรึ ?” อู่ฉิงฉวนแปลกใจนิด ๆ
โหวเทียนหมางพยักหน้าและมองไปที่อู่ฉิงฉวน
อู่ฉิงฉวนครุ่นคิดและพูดขึ้นมาช้า ๆ “ข้าจะลองถามเจ้าสำนักดูว่าจะ
รับเจ้าเข้าสำนักคังเฉียงได้หรือไม่ แต่เจ้าควรเตรียมใจเอาไว้ก่อน
ยังไงซะด้วยความสามารถของเจ้า หากคิดถึงฐานะอาจารย์แล้ว ข้า
คิดว่าคงไม่เพียงพอ อาจารย์ชั้นเรียนสัตว์อสูรว่างมานาน เจ้าสำนัก
ยังไม่คิดจะหาสัตว์อสูรขอบเขตหลี่ซวนมาเป็นอาจารย์เลย จนกระทั่ง
ราชาสัตว์อสูรโผล่มาแล้วค่อยรับเขาเข้าเป็นอาจารย์ จากจุดนี้ก็เห็น
ได้ชัดว่าเกณฑ์ในการรับอาจารย์ของเจ้าสำนักนั้นสูงอย่างมาก และ
บางทีคงมีแค่พวกขอบเขตตุ้นซวนเท่านั้นที่จะผ่านเกณฑ์นี้ได้”
“งั้นเขา…” โหวเทียนหมางสงสัยขึ้นมา “ทำไมอาจารย์โอวถึงเป็น
อาจารย์ได้ ?”
เขาไม่ได้ดูถูกโอวเสินเฟิง แต่ความแข็งแกร่งของโอวเสินเฟิงอยู่ที่
ขอบเขตหลิงซวน ห่างจากขอบเขตตุ้นซวนเป็นพัน ๆ เท่า
ตามที่อู่ฉิงฉวนบอกมา งั้นโอวเสินเฟิงมีสิทธิเป็นอาจารย์ได้รึ ?
หลินจื้อเป่ ยและคนอื่น ๆ มองไปที่โอวเสินเฟิง พวกเขาไม่เคยเจอกับ
โอวเสินเฟิงมาก่อน แต่พวกเขารู้สึกได้ว่าโอวเสินเฟิงนั้นไม่ธรรมดา
“ตอนที่สำนักคังเฉียงยังไม่โด่งดัง อาจารย์โอวได้เข้าร่วมสำนักคัง
เฉียงมาก่อน ไม่ใช่ว่านี่คือสิทธิพิเศษรึ?” อู่ฉิงฉวนไม่รู้ว่าจะหัวเราะ
หรือร้องไห้ดี “เจ้าจำตอนที่เจ้าสำนักแนะนำอาจารย์โอวได้หรือไม่ ?
ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ เขาเป็นปรมาจารย์การหลอม 5 ดาว เขาอยู่ขอบเขต
หลี่ซวนขั้นสูง เพราะเหตุผลบางประการตอนนี้เขาจึงเป็นแค่ร่าง
วิญญาณและความแข็งแกร่งถดถอยลงมาเหลือขอบเขตหลิงซวน เจ้า
คิดว่าตัวเองดีกว่าอาจารย์โอวงั้นรึ ?”
โหวเทียนหมางยิ้มออกมา เขาหยิ่งทะนงแต่ไม่ได้มากมายจนดูถูก
ผู้อื่นได้
หลินจื้อเป่ ยและคนอื่น ๆ มองไปที่โอวเสินเฟิง และพากันเดาว่าโอว
เสินเฟิงเป็นใครกัน
ในทวีปนี้ปรมาจารย์หลอม 5 ดาวมีอยู่หลายคน หากเป็นเมื่อหลาย
พันปีก่อน พวกเขาอาจจะไม่รู้จัก แต่หากภายในพันปีมานี้ แน่นอน
ว่าพวกเขาต้องจำได้ แม้ว่าจะไม่เคยเห็นแต่ก็ต้องเคยได้ยินชื่อมาบ้าง
“มันผิดปกติ…” หนิงไท่ชูตัวแข็งทื่อ และมองไปที่โอวเสินเฟิงด้วยสี
หน้าแปลกใจ “ท่านคือ…เทพสายลมงั้นรึ ?”
น้ำเสียงของเขาดูไม่มั่นใจ
เพราะสมาคมนักหลอมมีข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับโอวเสินเฟิง แต่
ไม่ได้พูดถึงชื่อโอวเสินเฟิง ดังนั้นเขาจึงไม่มั่นใจว่าโอวเสินเฟิงคือ
เทพสายลมจริงหรือไม่ แต่จากเบาะแสต่าง ๆ และสถานการณ์ของ
โอวเสินเฟิงนั้นเหมือนกับเทพสายลมผู้โด่งดัง
ทุกคนต่างก็มองไปที่โอวเสินเฟิงด้วยความสงสัย
เซียวเหยียนเบิกตากว้าง “เทพสายลม ? อาจารย์ นี่คือชื่อของท่านรึ?”
โอวเสินเฟิงยิ้มออกมา เขาไม่ได้ยอมรับหรือปฏิเสธ
“ฮ่าฮ่า ดูเหมือนว่า อาจารย์โอวตายมาหลายปีแล้ว แต่ก็ยังมีคนจำเขา
ได้ !” อู่ฉิงฉวนหัวเราะออกมา “ใช่ อาจารย์โอวคือเทพสายลม” เมื่อ
เห็นว่าผู้คนยังจำโอวเสินเฟิงได้ อู่ฉิงฉวนก็ดีใจแทนเพื่อนเก่าของตน
เมื่อได้ยินคำพูดของอู่ฉิงฉวน หลินจื้อเป่ ย,หวงฟู่เชิงจื้อกับคนอื่น ๆ
ต่างก็แปลกใจ “เป็นเขาจริง ๆ !”
เสียงของหนิงไท่ชูสั่น “ตามบันทึกในสมาคมแล้ว เทพสายลมเป็น
ปรมาจารย์หลอม 5 ดาวระดับสูง เขาเป็นอันดับหนึ่งของระดับ 5
ดาว ! หากท่านไม่โชคร้ายโดนฆ่า ท่านอาจจะขึ้นเป็นปรมาจารย์
หลอม 6 ดาวได้ในอนาคต อาจารย์ ! ข้าคิดไม่ถึงจริง ๆ เลยว่าข้าจะ
โชคดีได้พบกับเทพสายลมด้วยตัวเองในวันนี้ !” เขาดูตื่นเต้นและพูด
ด้วยเสียงที่สั่น
“อันดับหนึ่งของระดับ 5 ดาว ?” เซียวเหยียนเบิกตากว้าง “อาจารย์
ท่านเก่งจริง ๆ !”
อู่โม่, หลินหมิง, เติ้งชิวฉาน, โจวซินเอ๋อร์และศิษย์คนอื่น ๆ ต่างก็
มองโอวเสินเฟิงด้วยสายตาที่ตกตะลึง
พวกเขาเข้าร่วมสำนักคังเฉียงมาตั้งแต่ต้น และก็เพิ่งรู้ว่าอาจารยโอวมี
ฐานะที่สูงส่งขนาดนี้ !
ไป่ หลิงเองก็แปลกใจ “ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเจ้าสำนักถึงได้บอกว่า
ตอนที่อาจารย์โอวยังมีชีวิตอยู่ แม้แต่พ่อข้าก็ไม่อาจจะทำให้เขาไม่
พอใจได้”
ปรมาจารย์หลอมระดับ 5 ดาว บางทีอาจจะไม่ใช่แค่นั้น โอวเสินเฟิง
นั้นต่างออกไป เขาคือปรมาจารย์หลอม 5 ดาวระดับสูง เขาเป็น
อันดับหนึ่งของระดับ 5 ดาว ปรมาจารย์หลอมระดับ 5 ดาวไม่ได้
ด้อยไปกว่าพวกขอบเขตตุ้นซวน นี่ยังไม่รวมกับความแข็งแกร่งของ
โอวเสินเฟิงที่อยู่ขอบเขตหลี่ซวนขั้นสูง ในทางกลับกันแล้วบางที
ราชาจิ้งจอกก็ยังต้องเคารพเขา
ตอนนั้นทุกคนของสำนักคังเฉียง รวมถึงพวกสัตว์อสูรต่างก็มองไป
ที่โอวเสินเฟิงด้วยสายตาเคารพ
ปรมาจารย์หลอม 5 ดาวคู่ควรกับการเคารพ !
เซียวเหยียนภูมิใจอย่างมาก อาจารย์ของเขาเป็นถึงปรมาจารย์หลอม
5 ดาว แม้แต่หัวหน้าสมาคมนักหลอมเขตเหนืออย่างหนิงไท่ชูก็ยัง
ต้องเคารพ การที่ได้เป็นศิษย์คนแบบนี้ช่างน่าภูมิใจจริง ๆ !
แม้ว่าอู่ฉิงฉวนจะเปิดเผยตัวตนของโอวเสินเฟิง แต่โอวเสินเฟิงก็ไม่
ถือสาอู่ฉิงฉวน
เขาแสดงท่าทีใจเย็นออกมา “แค่ฐานะเล็กน้อย ทำไมต้องดีใจด้วย ?
ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็เป็นแค่อาจารย์ของสำนักคังเฉียง ข้าแค่ต้องการสั่ง
สอนศิษย์ ไม่ต้องพูดถึงชื่อนี้อีกหรอก”
เขาหันไปมองโหวเทียนหมางและพูดขึ้นมา “หากเจ้าต้องการจะเข้า
ร่วมสำนักคังเฉียง ข้ากลัวว่ามันคงยาก น้องอู่พูดถูก เจ้าสำนักนั้นต่าง
ออกไป ข้าโชคดีที่ได้เข้าร่วมสำนักคังเฉียงตอนแรก ๆ ดังนั้นข้าจึง
ได้ตำแหน่งนี้มา แต่ตอนนี้ ด้วยความสามารถของเจ้าแล้ว การจะเข้า
ร่วมสำนักคังเฉียง เอาจริง ๆ แล้วมันยังไม่เพียงพอ”
หลังจากที่อยู่กับจางหยูมานาน โอวเสินเฟิงก็รู้สึกว่าจางหยูไม่ธรรมดา
แม้ว่าจางหยูจะไม่ได้แสดงท่าทีพิเศษออกมา แต่โอวเสินเฟิงก็มั่นใจ
ว่า คนธรรมดาไม่ได้อยู่ในสายตาของจางหยู
หลินจื้อเป่ ยและคนที่มากับเขา คงไม่อยู่สายตาของจางหยู
โอวเสินเฟิงเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะพูดขึ้นมาอีกครั้ง “ข้าไม่ได้พูดไร้
สาระ พวกเจ้าลองคิดดูดี ๆ เจ้าสำนักเรียกพวกเจ้าว่ายังไงตอนที่พวก
เจ้ามาในตอนแรก ?”
เด็กน้อย !
ถูกต้อง นี่คือคำเรียกที่จางหยูเรียกพวกหลินจื้อเป่ ย !
จากคำพูดนี้ก็เห็นท่าทีของจางหยูได้แล้ว โหวเทียนหมางจำได้อย่าง
ชัดเจน เขาได้แต่ก้มหน้าและแสดงสีหน้าหม่น ๆ
ตอนแรกหลินจื้อเป่ ยและคนอื่น ๆ ก็คิดจะเข้าร่วมสำนักคังเฉียง พวก
เขาไม่ได้ดีไปกว่าโหวเทียนหมางเลย พวกเขารู้สึกว่าตัวเองไม่มีหวัง
“หาก…หากข้ายอมเป็นผู้ช่วยของผู้อาวุโสอู่ล่ะ ?” โหวเทียนหมางยัง
ไม่ยอมแพ้ เขาพูดออกมาด้วยเสียงที่แหบแห้ง
“ข้าไม่คิดจะเป็นอาจารย์สำนักคังเฉียง ตราบใดที่ข้าเข้าร่วมสำนักคัง
เฉียงได้ แม้ว่าจะเป็นได้แค่พ่อครัว ข้าก็พอใจแล้ว” สำนักคังเฉียงมี
พ่อครัวแล้วซึ่งคืออู่ฉิงฉวน แม้ว่าโหวเทียนหมางจะเป็นปรมาจารย์
กำหนดอาหาร 5 ดาว แต่ก็ยังต่างชั้นกับอู่ฉิงฉวนอย่างมาก การที่เขา
จะอยู่ในสำนักคังเฉียงต่อได้ก็มีแค่ตำแหน่งในครัวเท่านั้น
อู่ฉิงฉวนยักคิ้ว “ผู้ช่วยทำอาหาร ?”
ปรมาจารย์กำหนดอาหาร 5 ดาว เพื่อจะเข้าร่วมสำนักคังเฉียง เขา
ถึงกับต้องลดฐานะของตัวเองลงมาเป็นผู้ช่วยรึ ?
ต้องรู้ก่อนว่าในสายตาของคนทั่วไปนั้น ผู้ช่วยพ่อครัวคือตำแหน่ง
ต้อยต่ำ มันแค่งานง่าย ๆ ที่คอยใช้แรงงาน
“หากเป็นเช่นนั้นเจ้าสำนักก็ไม่น่าจะปฏิเสธ” อู่ฉิงฉวนเงียบไปและ
ถามขึ้นมา “แต่เจ้าเต็มใจจริง ๆ รึ ?”
เมื่อได้ยินคำถามจากอู่ฉิงฉวน โหวเทียนหมางก็ถอนหายใจออกมา
ด้วยความโล่งอก ก่อนจะพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “แน่นอน ข้าเต็มใจจะ
เข้าร่วมสำนักคังเฉียง ข้าไม่สนว่าจะต้องอยู่ตำแหน่งไหน” เขารู้แค่
ว่าการอยู่ที่สำนักคังเฉียงต่อ จะมีโอกาสมากกว่าที่จะได้รับการสั่ง
สอนจากอู่ฉิงฉวน และอาจจะมีสิทธิพิเศษในการฟังการสอนจาก
ท่านเซียน หากเทียบกับผลประโยชน์เหล่านี้แล้ว การเป็นผู้ช่วยพ่อ
ครัวก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
เมื่อเห็นสีหน้ามุ่งมั่นของโหวเทียนหมางแล้ว อู่ฉิงฉวนก็พยักหน้า
ตอบรับ “ได้ งั้นเรื่องนี้ข้าจะลองถามให้เจ้า สำหรับผลลัพธ์นั้นข้าคง
รับรองไม่ได้”
โหวเทียนหมางพูดด้วยท่าทีซึ้งใจ “ขอบคุณมาก ผู้อาวุโสอู่ !”
ยังไงซะมันก็ยังมีหวัง
ตอนนั้นหลินจื้อเป่ ยได้กัดฟันแน่นและพูดขึ้นมา “ผู้อาวุโสอู่ ข้า….”
หวงฟู่เชิงจื้อ,หนิงไท่ชูและคนอื่น ๆ มองไปที่อู่ฉิงฉวน เหมือนมี
บางอย่างจะพูด แต่พวกเขาก็ไม่กล้าจะพูดมันออกมา “ทำไม พวกเจ้า
เองก็อยากเข้าร่วมสำนักคังเฉียงด้วยรึ ?” อู่ฉิงฉวนเห็นว่าหลินจื้อเป่ ย
และคนอื่น ๆ ต่างพากันลังเล เขายักคิ้วแล้วถามขึ้นมา “สำนักคังเฉียง
ไม่ได้กว้างใหญ่อะไร ดูจากตำแหน่งแล้วหากพวกเจ้าอยากจะเข้าร่วม
สำนักคังเฉียง มันอาจจะยังไม่ว่าง ไม่สิ บางทีพวกเจ้าอาจจะช่วยสอน
ได้ และฐานะก็ทัดเทียมกับผู้ช่วยพ่อครัว พวกเจ้าลองคิดทบทวนกัน
ดูเอง”
เขาไม่คิดว่าหลินจื้อเป่ ยและคนอื่น ๆ จะเต็มใจรับตำแหน่งแบบนี้
หัวหน้าสมาคมไม่มีทางยอมมาเป็นอาจารย์ผู้ช่วยสอน ที่มีฐานะ
ทัดเทียมกับพวกคนงานแน่นอน
หากเป็นเช่นนั้นจริงคงเป็นเรื่องตลก
แต่เขาไม่คิดว่า ตอนที่เขาพูดจบนั้น หลินจื้อเป่ ยและคนอื่น ๆ ต่างก็
ดวงตาเป็นประกายกันทันที
“หือ ?” อู่ฉิงฉวนแปลกใจ “พวกนี้บ้าไปแล้วรึ ?”
“ผู้ช่วย จริงสิ ทำไมข้าคิดไม่ถึงกัน !” หลินจื้อเป่ ยตื่นเต้นขึ้นมา “ผู้
อาวุโสอู่ ผู้น้อยเต็มใจจะรับตำแหน่งผู้ช่วยสอน ขอให้ผู้อาวุโสอู่
ลองถามเจ้าสำนักให้ด้วย !”
หวงฟู่เชิงจื้อหัวหน้าสมาคมปรุงยาเขตเหนือพูดขึ้นมาทันที “ไม่ ไม่
ไม่ ผู้อาวุโสอู่ หลินจื้อเป่ ยไม่เคยรับศิษย์ เขาไม่มีประสบการณ์ใน
การสอน ผู้น้อยต่างออกไป ข้ามีศิษย์อยู่ถึง 6 คน ข้ามีประสบการณ์
ในการสอน ข้ามีสิทธิที่จะเป็นผู้ช่วยสอน !”
อู่ซูหยางหัวหน้าสมาคมนักฝึกสัตว์อสูรพูดขึ้นมา “ผู้อาวุโสอู่ อย่าไป
ฟังหวงฟู่เชิงจื้อ เขารับศิษย์ถึง 6 คนแต่ศิษย์ทั้งหกล้วนไร้ความสามารถ
ศิษย์เองก็ไม่ได้พัฒนาได้ดีนัก เห็นได้ชัดว่าการสอนของเขาไม่ได้
เรื่อง ผู้น้อยรับศิษย์แค่คนเดียวแต่ศิษย์ของผู้น้อยดีกว่าศิษย์ของเขา
ทั้งหกคน ตำแหน่งผู้ช่วยสอนนี้ ผู้น้อยเหมาะสมกว่า !”
หนิงไท่ชูหัวหน้าสมาคมนักหลอมเขตเหนือก็รีบพูดขึ้นมา “ไม่ ผู้
อาวุโสอู่ พวกเขาไม่เหมาะ มีแค่ผู้น้อยที่เหมาะ ผู้น้อยเป็นปรมาจารย์
หลอม 4 ดาว อาจารย์โอวเองก็เป็นนักหลอม ดังนั้นผู้น้อยจึงเหมาะ
เป็นผู้ช่วยสอนและทำงานกับอาจารย์โอวมากกว่า”
อู่ฉิงฉวนรู้สึกประหลาดใจ
สำหรับตำแหน่งผู้ช่วยสอน ทุกคนต่างก็พากันเสนอตัว !
ด้วยตำแหน่งที่ต่ำต้อยแบบนี้ พวกหัวหน้าสมาคมพากันสนใจได้ยังไง?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบเจ้าสำนัก