ระบบเจ้าสำนัก นิยาย บท 314

ตอนที่ 314 กงล้อชีวิต
ไม่นานกลุ่มของหลินจื้อเป่ ยก็ตามอู่ฉิงฉวนเข้ามาในสำนัก หลังจาก
ที่ได้รับอนุญาตจากจางหยูแล้ว พวกเขาก็เข้าไปในบ้านพักเล็ก ๆ
ของจางหยู
“ท่านอู่คงบอกพวกท่านแล้วใช่หรือไม่?” จางหยูพูดด้วยสีหน้าเฉยเมย
“ผู้อาวุโสอู่ได้บอกพวกเราแล้ว” โหวเทียนหมางตอบกลับ
จางหยูพยักหน้าและพูดขึ้นมา “พวกท่านอยากเข้าร่วมสำนักคังเฉียง
งั้นรึ ? ต้องรู้ก่อนว่าหากพวกท่านบ่มเพาะไม่ถึงขอบเขตตุ้นซวนหรือ
ระดับอาชีพไม่ถึง 6 ดาว ท่านก็ไม่มีทางที่จะขึ้นเป็นอาจารย์อย่างเป็น
ทางการได้ บางทีท่านอาจจะเป็นได้แค่ผู้ช่วยไปตลอดชีวิต ถึงจะเป็น
เช่นนั้น แต่พวกท่านยังจะเต็มใจอยู่อีกรึ ?”
โหวเทียนหมาง,หลินจื้อเป่ ยและคนอื่น ๆ ต่างก็มองหน้ากัน ก่อนจะ
ตอบกลับด้วยความเคารพ “ข้าเต็มใจ !”
แทบจะพร้อมกันนั้น จางหยูก็สะบัดมือก่อนที่สัญญานภาจะปรากฏ
ออกมา “ลงนามของพวกท่านลงไปซะ หลังจากนี้จะถือว่าพวกท่าน
เข้าร่วมสำนักคังเฉียง !”
หลินจื้อเป่ ยและคนอื่น ๆ พากันลงชื่อลงไป จนคนสุดท้ายลงชื่อเสร็จ
จางหยูก็โบกมือก่อนที่สัญญาจะเปลี่ยนเป็นแสงสีขาวแล้วหายไป
“ยินดีด้วยกับการเข้าร่วมสำนักคังเฉียง !” จางหยูอดกลั้นความตื่นเต้น
ไว้ในใจ และยิ้มออกมาเพียงเล็กน้อย
หลินจื้อเป่ ย,โหวเทียนหมางและคนอื่น ๆ พูดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
“ขอบคุณท่านเซียน !”
“เนื่องจากพวกท่านเข้าร่วมสำนักคังเฉียงแล้ว พวกท่านควรเรียกข้า
ว่าเจ้าสำนัก !”
“ได้ เจ้าสำนัก !” โหวเทียนหมางรีบเปลี่ยนคำพูดทันที
เมื่อเห็นท่าทีเคารพจากคนเหล่านั้นจางหยูก็รู้สึกถึงความสำเร็จ หก
เดือนก่อน พวกขอบเขตตันซวนสามารถสังหารเขาได้ง่าย ๆ แต่
ตอนนี้พวกขอบเขตหลี่ซวนกลับนอบน้อมต่อเขา นี่เป็นความก้าวหน้า
ขนาดไหนกัน ?
จางหยูพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย “ต่อไปข้าจะแต่งตั้งตำแหน่ง
ของพวกท่าน”
ทุกคนต่างก็พากันกลั้นหายใจ
“โหวเทียนหมางรับผิดชอบช่วยที่ครัว”
“สำหรับคนที่เหลือ เนื่องจากสำนักคังเฉียงมีแค่ชั้นเรียนสัตว์อสูรกับ
ศิษย์มนุษย์ ดังนั้นจึงไม่ได้มีตำแหน่งอะไรว่างนัก ตอนนี้พวกท่านคง
เป็นได้แค่ผู้ช่วยสอน”
“หลังจากนี้สำนักคังเฉียงจะเป็นสำนักใหญ่ หลินจื้อเป่ ยจะทำหน้าที่
ผู้ช่วยสอนหลักสูตรทั่วไป หวงฟู่เชิงจื้อเป็นผู้ช่วยสอนเรื่องปรุงยา
หนิงไท่ชูเป็นผู้ช่วยสอนเรื่องการหลอม เฟิงซวนเป็นผู้ช่วยสอนเรื่อง
ค่ายกล อู่ซูหยางเป็นผู้ช่วยสอนฝึกสัตว์อสูร เฉินโม่เป็นผู้ช่วยสอน
เรื่องทักษะภาพลวงตา โหยวฉวนเป็นผู้ช่วยสอนเรื่องดนตรี”
นักปรุงยา, นักหลอม, ค่ายกล, ฝึกสัตว์อสูร, ภาพลวงตา คำสาป กาย
วิภาค ดนตรี อาหาร สิ่งเหล่านี้คือ 9 อาชีพพิเศษของทวีปป่ าแห่งนี้!
นักปรุงยา, นักหลอม, นักวางค่ายกล คือสามอาชีพที่ได้รับความเคารพ
มากกว่า !
นักฝึกสัตว์อสูร, ผู้ใช้ภาพลวงตาและดนตรี มันคือสายอาชีพที่ด้อย
ลงมา อาหาร, กายวิภาคและคำสาป คือสายอาชีพที่ต่ำลงมาอีก
อาชีพพิเศษทั้งเก้า ไม่ได้มีจุดแข็งจุดอ่อนแบบเห็นได้ชัด อย่างคำสาป
แม้ว่าจะเป็นสายอาชีพพิเศษที่อยู่ระดับต่ำ แต่แน่นอนว่าแม้แต่พวก
สายอาชีพพิเศษในระดับสูง ๆ ก็ยังกลัวผู้ใช้คำสาปที่แข็งแกร่ง กระทั่ง
พวกขอบเขตตุ้นซวนก็ไม่กล้าที่จะไปหาเรื่องคนแบบนั้น ไม่งั้นแล้ว
บางทีอาจจะไม่ใช่แค่โชคร้าย แม้แต่รุ่นลูกหลานอาจจะได้รับผลกระทบ
ไปด้วย
ปรมาจารย์กำหนดอาหาร 6 ดาวก็เช่นกัน แม้ว่าจะไม่ได้ดีเท่ากับ
ปรมาจารย์ปรุงยา 6 ดาว แต่ก็ถือว่ามีอำนาจมากกว่าปรมาจารย์ปรุง
ยาระดับ 5 ดาว
สายอาชีพไม่มีอะไรแข็งแกร่งหรืออ่อนแอกว่ากัน มนุษย์นั้นแตกต่าง
กัน พรสวรรค์ก็ไม่เหมือนกัน และความสำเร็จที่ต่างกันก็จะนำไปสู่
สถานะที่ต่างกัน !
ตราบใดที่มีพรสวรรค์และความขยัน แม้ว่าจะอยู่ในสายอาชีพระดับ
ต่ำ แต่เมื่อขึ้นไปถึงระดับ 6 ดาวได้ พวกเขาก็จะถือว่าทัดเทียมกับ
สายอาชีพอื่น ๆ ได้อยู่ !
“พวกท่านมีความคิดเห็นยังไงกับการจัดการของข้า?” จางหยูมองไป
ยังพวกขอบเขตหลี่สวนทั้ง 8 คน
ความคิดเห็น ?
พวกเขาจะกล้าแสดงความเห็นได้ยังไง
แค่ได้เข้าร่วมสำนักคังเฉียงและรับหน้าที่ผู้ช่วยสอน พวกเขาก็รู้สึก
พอใจแล้ว แล้วอย่างนี้เขาจะไปขออะไรได้อีก ?
“เจ้าสำนักช่างปราดเปรื่อง!” หลินจื้อเป่ ยโค้งให้และพูดขึ้นมาอย่าง
สุภาพ
จางหยูพูดด้วยท่าทีเฉยเมย “เมื่อไม่มีความเห็นใด ๆ งั้นพวกท่านก็
ไปหาอาจารย์โอว เขาจะดูแลเรื่องราวต่าง ๆ ให้พวกท่านเอง”
….
ในเสี้ยวพริบตาท้องฟ้าก็มืดลง ลมหนาวเริ่มพัดผ่าน ความอบอุ่นใน
ผืนดินเริ่มหายไปช้า ๆ
แม้ว่าการเปิดสอนจะจบลงแล้ว แต่เมืองทะเลทรายก็ยังคงมีชีวิตชีวา
ถนนทุกเส้นเต็มไปด้วยเสียงพูดคุย ผู้บ่มเพาะทุกคนต่างก็กลายเป็น
สาวกของจางหยู ระหว่างที่พูดคุยกันนั้นพวกเขาพากันชื่นชมและยก
ย่องจางหยู
ผู้บ่มเพาะทุกคนที่ได้รับฟังการสอนต่างก็ยังไม่รู้สึกพอใจ แม้แต่
พวกที่ถือว่าโชคร้ายซึ่งทะลวงผ่านไม่ได้ก็ยังก้าวหน้าขึ้นมาอย่างมาก
ผู้คนพูดถึงสำนักคังเฉียงด้วยความตื่นเต้น พวกเขาพูดถึงเซียนและ
การเปิดสอนสาธารณะ ซึ่งกินเวลาอยู่นานกว่าที่พวกเขาจะสงบกันได้
ในบ้านแห่งหนึ่ง โจวถิงและเฉาซย๋งนั่งอยู่ในบ้านด้วยสีหน้าจริงจัง
“เสี่ยวเฉา เจ้ารับรู้ได้ถึงกงล้อชีวิตรึไม่ ?” โจวถิงถามด้วยสีหน้า
จริงจัง
เฉาซย๋งส่ายหน้าและพูดด้วยรอยยิ้มขมขื่น “ผู้น้อยลองมาหลายรอบ
แล้ว ทุกวิธีต่างก็ถูกเอามาใช้หมด แต่ข้าก็ไม่อาจจะรับรู้ได้ถึงกงล้อ
ชีวิตที่ท่านเซียนบอกได้ ข้าถึงกับสงสัยว่ากงล้อชีวิตนี้มีจริงรึไม่….”
โจวถิงคิ้วขมวดและยืนยัน “กงล้อชีวิตต้องมีอยู่จริง นี่คือความจริง
ไม่อาจจะสงสัยได้ !”
“แต่…”
“หากกงล้อชีวิตไม่มีอยู่จริง แล้วทำไมท่านเซียนถึงบอกอายุของข้า
ได้?” โจวถิงเบิกตากว้าง “เนื้อหาของบังสวรรค์ก็ยืนยันแล้วว่าเป็น
ความจริง การที่พวกเราไม่อาจจะรับรู้ได้ถึงกงล้อชีวิต มันก็มีแค่สอง
เหตุผล หนึ่งคือเราไม่ได้มีพรสวรรค์ในด้านนี้ และไม่เหมาะที่จะบ่ม
เพาะตามวิธีโบราณ อย่างที่สองคือเราไม่มีวิธีบ่มเพาะที่ถูกต้อง จึง
เป็นธรรมดาที่เราไม่อาจจะรับรู้ได้ถึงกงล้อชีวิตได้”
โจวถิงเงียบไปชั่วครู่และพูดต่อ “สำหรับที่ว่าเหตุผลแบบไหนนั้น
บางทีคงมีแค่ท่านเซียนที่รู้”
เฉาซย๋งนิ่งไปก่อนจะถามขึ้นมา “พวกเราจะทำอะไรกันต่อ ?”
“ส่งข่าวนี้กลับไปที่เมืองหลวง ให้ซื่อเหรินหาคนมาทดสอบ” โจวถิง
คิดและพูดขึ้นมา “กฎของการบ่มเพาะ ท่านเซียนไม่ได้บอกละเอียด
นัก เราได้แต่ค่อย ๆ ตรวจสอบในเรื่องนี้ ข้าเชื่อว่าตราบใดที่มีคน
มากพอ มันต้องมีสักคนที่ทำสำเร็จ ตราบใดที่มีคนทำสำเร็จ มันก็
พิสูจน์ได้ว่าวิธีการบ่มเพาะนี่มีอยู่จริง”
เฉาซย๋งพยักหน้า “งั้นผู้น้อยขอตัวก่อน”
โจวถิงพูดขึ้นมา “เจ้ารีบไปได้แล้ว เรื่องนี้ห้ามล่าช้า”
ตอนแรกพวกเขามาเพื่อยืนยันเรื่องบังสวรรค์ว่าเป็นความจริงรึไม่ นี่
คือโอกาสสำหรับพวกเขา หากพวกเขาไม่คว้ามันไว้ โอกาสนี้ก็จะ
ตกไปอยู่ในมือของศัตรู
“ได้ !” เฉาซย๋งลุกขึ้นยืนทันที
พระจันทร์เฉิดฉายพร้อมกับแสงจันทร์ที่ส่องประกายให้แสงสว่าง
กับเนินเขา มันยากที่จะได้เห็นว่าดวงจันทร์ที่ขึ้นสูงในหมู่ดาวนั้น
สว่างยิ่งกว่าอดีต โลกนี้เปลี่ยนไปอย่างเงียบ ๆ การเปลี่ยนแปลงนี้
เล็กน้อยจนแทบไม่มีใครรับรู้ได้ ด้วยเวลาที่ผ่านพ้นไปกับการ
เปลี่ยนแปลงไปทีละนิด ๆ สุดท้ายมันจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก !
ในโรงแรมแห่งหนึ่ง
ชายหนุ่มที่นั่งขัดสมาธิอยู่ ๆ ก็ลืมตาขึ้นบ่นพึมพำออกมา “ข้า ข้ารับรู้
ได้ถึงกงล้อชีวิต !”
เขาลุกขึ้นยืนและรีบออกจากห้องไปด้วยความตื่นเต้น “ข้ารับรู้ได้ถึง
กงล้อชีวิต ! ฮ่าฮ่า…! กงล้อชีวิตมีอยู่จริง ท่านเซียนไม่ได้โกหกเรา
กงล้อชีวิตมีอยู่จริง ๆ !”
ค่ำคืนที่ควรจะเงียบสงบกลับเต็มไปด้วยเสียงตะโกนแห่งความตื่นเต้น
ทันทีที่เสียงตะโกนของชายหนุ่มคนนั้นสิ้นสุดลง ห้องรอบ ๆ ต่างก็
พากันแห่ออกมา
“เจ้ารับรู้ได้ถึงกงล้อชีวิตจริง ๆ รึ ?”
“น้องชาย เจ้าแน่ใจนะว่าไม่ได้เข้าใจผิด ?”
“เร็วเข้า บอกข้ามาว่ากงล้อชีวิตเป็นแบบไหน ?”
คำพูดที่เต็มไปด้วยความสงสัย คาดหวังและช็อกต่างก็ดังเข้ามาในหู
ของชายหนุ่ม ก่อนที่เขาจะรู้ตัวเขาก็โดนผู้คนจำนวนมากห้อมล้อม
เอาไว้
ชายหนุ่มพูดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น “ข้ามั่นใจว่ากงล้อชีวิตมีอยู่จริง
ข้ารับรู้ถึงมันได้ !”
จากนั้นเขาก็อธิบายกงล้อชีวิตที่เขารับรู้ได้ออกมาให้ทุกคนได้ฟัง วิธี
ที่พูดนั้นเหมือนไม่ได้โกหก
“นี่…” ผู้คนพากันตื่นเต้นและตะลึง
ไม่นานโรงแรมนั้นก็อัดแน่นไปด้วยคนนับไม่ถ้วนที่ได้ยินข่าวนี้และ
พากันแห่กันมา ไม่นานเรื่องนี้ก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมือง แม้แต่คน
นอกเมืองจำนวนมากก็รับรู้ข่าวนี้
เมืองทะเลทรายกลับมาคึกคักอีกรอบ
ถึงอย่างนั้นทุกคนก็ยังคงสงสัยในสิ่งที่ชายหนุ่มอธิบาย พวกเขายัง
ไม่เชื่อ
ในตรอกแห่งหนึ่ง โจวถิงตื่นมาเพราะเสียงด้านนอก เขาใส่เสื้อผ้า
และเดินออกมาจากบ้านเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ภายนอก
หลังจากนั้นสักพักร่างของโจวถิงก็โผล่มาที่หน้าโรงแรมยังไม่ทันได้
เดินเข้าไป โจวถิงก็ได้ยินเสียงของชายหนุ่มตะโกนขึ้นมา “ข้าบอกไป
หลายครั้งแล้ว ข้ารับรู้ได้ถึงกงล้อชีวิตจริง ๆ ทำไมเจ้าถึงไม่เชื่อข้า ?”
ชายหนุ่มมีท่าทีสลด เขาเหมือนกับหมดหนทาง เขาแค่อยากมีคน
ร่วมแบ่งปันความสุข แต่ผู้คนกลับไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูด
“น้องชาย” โจวถิงกดความตื่นเต้นที่มีและพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
“พวกเขาไม่เชื่อแต่ข้าเชื่อ !”
ชายหนุ่มมองไปที่โจวถิงด้วยสายตาตกตะลึง
โจวถิงมองไปยังชายหนุ่มและพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้ารู้ว่ากง
ล้อชีวิตต้องมีอยู่จริง คนอื่นไม่อาจจะรับรู้ได้ บางทีพวกเขาอาจจะไม่
มีพรสวรรค์ หรือไม่ก็เป็นเพราะวิธีบ่มเพาะ แต่ข้าเชื่อว่ากงล้อชีวิตมี
อยู่จริงไม่ใช่ภาพลวงตา”
เขารับรู้ได้ถึงพลังชีวิตแปลก ๆ จากตัวของชายหนุ่ม มันคือพลังชีวิต
ที่ต่างจากปราณและจิต ดังนั้นเขาจึงสรุปได้ว่าชายหนุ่มคนนี้ไม่ได้
โกหก
หลังจากที่คิดทบทวนดูแล้ว โจวถิงก็พูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “ข้าเป็น
ตัวแทนของอาณาจักรโจว ข้าขอให้เจ้าเข้าร่วมกับราชวงศ์ ข้าสงสัย
ว่าน้องชายจะเต็มใจรึไม่ ?”
เมื่อได้ยินโจวถิงบอกว่าเป็นคนของราชวงศ์ คนอื่นรอบ ๆ ก็พากัน
ได้สติ
“เขานี่เอง”
“สัตว์ประหลาดเฒ่าที่อยู่มาถึง 800 ปี !”
“เขาคือผู้ก่อตั้งอาณาจักรโจว !”
“มีข่าวลือว่าเขาขึ้นไปถึงขอบเขตหลิงซวนแล้ว !”
มีคนมากมายที่รู้เรื่องนี้ พวกเขาเดาตัวตนของโจวถิงได้จากคำพูด
เพียงไม่กี่คำ
โจวถิงไม่ได้สนใจคำพูดของคนอื่น ๆ รอบตัว เขายังคงยิ้มออกมา
และมองไปที่ชายหนุ่มเพื่อรอคำตอบ
“คนแรกที่รับรู้ถึงกงล้อชีวิตได้แน่นอนว่าจะต้องเป็นอัจฉริยะ !”
โจวถิงตื่นเต้นเป็นอย่างมาก จนไม่สนใจสายตาคนรอบตัวที่มองมาที่
เขาด้วยความประหลาดใจ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบเจ้าสำนัก