ระบบเจ้าสำนัก นิยาย บท 318

ตอนที่ 318 กฎ
ในสวนเล็ก ๆ นั้นไม่ว่าจางหยูจะเรียกยังไงระบบก็ไม่ตอบกลับ ความ
กังวลของจางหยูกลายเป็นจริงขึ้นมา พลังของบังสวรรค์นั้นขัดแย้ง
กับพลังของโลกนี้จริง ๆ
“ให้ข้าแก้ไขความขัดแย้งนี้ด้วยตัวเอง แล้วจะแก้ยังไง ?” จางหยูคิ้ว
ขมวด
นอกซะจากว่าจะมีสองร่าง งั้นก็ไม่มีทางจะแก้ปัญหานี้ได้
เดี๋ยวนะ สองร่าง !
อยู่ ๆ จางหยูก็คิดถึงบางอย่าง ดวงตาของเขาเป็นประกายขึ้นมาทันที
“สร้างร่างเทียม! ใช่ มันคือการสร้างร่างเทียม!” แม้จะไม่รู้ว่าสร้าง
ร่างเทียมคืออะไร แต่ตามชื่อของมันแล้วก็ทำให้จางหยูคิดถึงหลาย
อย่าง
“ภารกิจหลักที่ 27 ให้รางวัลเป็นสร้างร่างเทียม และยกระดับพรสวรรค์
ภารกิจหลักที่ 28 ให้รางวัลเป็นเต๋าอมตะ (ดินแดนทะเลเร้นลับ –
ดินแดนนิพพาน)” ความคิดของจางหยูเริ่มชัดเจนขึ้นมา “ดูเหมือนว่า
รางวัลจากภารกิจหลักที่ 27 จะปูมาเพื่อภารกิจที่ 28 แต่ข้ายังทำภารกิจ
ที่ 27 ไม่สำเร็จ ดังนั้นจึงไม่อาจจะรับรางวัลจากภารกิจที่ 28 ได้”
หากจะบอกว่าการสร้างร่างเทียมนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเต๋าอมตะ
เลย จางหยูคงไม่มีทางเชื่อ หลังจากที่อยู่กับระบบมานาน จางหยูก็
เข้าใจระบบขึ้นมาบ้าง เขาไม่คิดว่าระบบจะทำเรื่องผิดพลาดแบบนี้
ขึ้นมา หากแก้ไขระบบพลังที่ขัดแย้งไม่ได้ ระบบคงไม่ส่งรางวัล
แบบนี้มาให้
“งั้นภารกิจที่ด่วนที่สุดคือแก้ปมในใจกูเฉิน” จางหยูคิด
จางหยูคิดเรื่องนี้มานานแล้ว แต่เขายังหาวิธีที่ดีไม่ได้
“ปมในใจที่ติดมากว่าแปดพันปี กลายเป็นเงาหลอกหลอนกูเฉิน มัน
เป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะแก้ไขได้ด้วยคำพูดไม่กี่คำ หากข้าทำไม่ได้ งั้น
ข้าคงแพ้ภัยตัวเอง” ยิ่งคิดจางหยูก็ยิ่งหมดหนทาง “มันไม่ใช่การป่วย
ทางจิต เรื่องแบบนี้มันยากเกินไปสำหรับข้า”
จางหยูถอนหายใจแล้วพึมพำ “ปมนี้แก้ไขด้วยวิธีธรรมดาไม่ได้”
หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่นาน จางหยูก็ตาเป็นประกายขึ้นมา “ไม่อาจจะ
ใช้วิธีทั่วไปได้…”
ทันใดนั้นเขาก็หัวเราะออกมาพร้อมกับคิ้วที่ขมวดเริ่มคลายออก “ข้า
เข้าใจแล้ว !”
เขาเหมือนจะคิดหาทางแก้ไขปัญหานี้ได้ และดูเหมือนว่าเขาจะ
มั่นใจกับวิธีนี้มากด้วย
“กูเฉินถูกมนุษย์ดูหมิ่น ในฐานะราชาสัตว์อสูรแล้ว ครั้งหนึ่งเขาเคย
เป็นทาสและกลายเป็นสัตว์เลี้ยงเพื่อความสนุกของเจ้าของ เรื่องนี้
มันช่างน่าอับอายจริง ๆ” จางหยูเข้าใจถึงความรู้สึกของกูเฉิน แต่เขา
ก็รู้สึกว่าหากมองในมุมต่างออกไป ผลลัพธ์มันจะต่างจากเดิม “ราชา
สัตว์อสูรครั้งหนึ่งเคยเป็นทาสของมนุษย์ และถูกบังคับให้เป็นสัตว์
เลี้ยง มันเสื่อมเสียเกียรติจริง ๆ สัตว์อสูรที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นทาส ต้อง
พบกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก การเติบโตขึ้นมาเป็นราชาสัตว์อสูรได้
เพราะความแข็งแกร่ง,ขยันและจิตใจที่ไม่ยอมแพ้ของเขา แต่ถึงอย่าง
นั้นก็ต้องมีบางอย่างกระตุ้นเขาด้วย !”
เรื่องเดียวกันแต่หากมองจากมุมอื่นอาจจะมีความหมายต่างกัน การ
จะช่วยกูเฉินแก้ไขปมในใจนี้ เขาต้องบอกว่าอดีตที่ผ่านมานั้นไม่ใช่
เรื่องน่าอับอาย แต่ยังถือว่าเป็นเกียรติในชีวิตอีกด้วย!
สัตว์อสูรตัวน้อย หลังจากที่ผ่านพ้นความลำบากมาได้ สุดท้ายก็ได้
กลายเป็นราชาสัตว์อสูรที่ไร้เทียมทาน เรื่องนี้ไม่น่าทึ่งได้ยังไง?
ตอนนั้นจางหยูอดไม่ได้ที่จะชมตัวเอง ยังไงซะวิธีนี้ก็ไม่ใช่วิธีที่คน
ธรรมดาจะคิดถึง !
“แต่ข้าพูดเรื่องนี้ไม่ได้” จางหยูเข้าใจ “นี่ยังไม่รวมกับการที่กูเฉินไม่
อยากจะพบข้าอีกด้วย แม้ว่าเขายินดีที่จะพบข้า แต่ถ้าหากข้าพูดเรื่อง
นี้ออกไป มันจะดูจงใจมากเกินไป และจะทำให้ผลลัพธ์แย่ลง”
รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ สามารถตัดสินความสำเร็จหรือล้มเหลวได้
จางหยูไม่ต้องการให้ภารกิจนี้ล้มเหลว เพราะความไม่ระวังของเขา
“ดังนั้นข้าจะต้องหาคนมาพูดแทนข้า”
การจะหาคนมาพูดแทนจางหยูมันยากรึไง ?
แน่นอนว่าไม่ !
มีสัตว์อสูรขอบเขตตันซวนหลายสิบตัว รวมไปถึงเจ้าแห่งเขตมืดด้วย
แต่จางหยูก็ไม่ได้รีบร้อนไปหาพวกนั้น หลังจากที่จัดลำดับความคิด
แล้ว เขาก็ได้แผ่การรับรู้ออกไปและค้นหาร่างของสัตว์อสูรอย่าง
มังกรแดง, อินทรีย์ปีกฟ้าและไป่หลิง
“แปลก พวกนั้นไปไหนกัน?” จางหยูสงสัย ทั้งสำนักเขาไม่เห็นร่าง
ของเหล่าสัตว์อสูรเลย พวกนั้นหายไปกันหมด นอกจากพวกสัตว์
อสูรแล้ว จางหยูก็พบว่าหลินจื้อเป่ ย, หวงฟู่เชิงจื้อและคนอื่น ๆ ก็
หายไปด้วย มีแค่โหวเทียนหมางที่ยังอยู่ในสำนักคอยปรึกษาเรื่อง
อาหารกับอู่ฉิงฉวน ตอนที่การรับรู้ของจางหยูแผ่ผ่านตัวไป อู่ฉิง
ฉวนหรือโหวเทียนหมางก็ไม่ได้มีท่าทีอะไรเลย
ชัดแล้วว่าการรับรู้ของจางหยูไม่ถูกตรวจจับได้ จุดนี้ทำให้จางหยู
แปลกใจขึ้นมา เขาจำได้ว่าตอนที่แผ่การรับรู้ออกไปและพบกับโจวถิง
และผังหลง ตอนนั้นโจวถิงรู้สึกได้ แต่อู่ฉิงฉวนกับโหวเทียนหมางที่
อยู่ขอบเขตหลี่ซวนกลับไม่รู้สึกเลยแม้แต่น้อย
หรือว่าโจวถิงแข็งแกร่งกว่าอู่ฉิงฉวนกับโหวเทียนหมาง?
ไม่ใช่ ชัดแล้วว่าโจวถิงนั้นอยู่ขอบเขตหลิงซวนขั้นต่ำ จางหยูมั่นใจ
จากผลลัพธ์ของการมองทะลุ มันไม่มีทางที่จะหลอกเขาแน่
“ดูเหมือนว่าโจวถิงผู้นี้จะมีความลับ !” จางหยูตาเป็นประกายขึ้นมา
กับปัญหาของตัวโจวถิงนี้ จางหยูไม่ได้เร่งรีบคิด ตอนนี้เขาต้องทำ
ความเข้าใจสถานการณ์ในสำนักก่อน ทันใดนั้นร่างของจางหยูก็โผล่
มาที่โรงอาหาร
“เคลื่อนย้ายพริบตานี่มันสะดวกจริง ๆ” จางหยูคิดในใจ
ตอนนั้นทั้งอู่ฉิงฉวนและโหวเทียนหมาง ต่างก็ตะลึงกับการปรากฏ
ตัวของจางหยู เมื่อทั้งสองพบว่าร่างนั่นคือจางหยู พวกนั้นก็รีบเข้ามา
หาและทำความเคารพจางหยู “เจ้าสำนัก !”
“พวกท่านรู้หรือไม่ว่าสัตว์อสูรไปไหนกันหมด ?” จางหยูโบกมือ
ถามขึ้นมา
“เจ้าสำนักลืมแล้วรึ ? พวกนั้นไปยังป่ าหวงหยวน เพื่อฟังการสอน
จากราชาสัตว์อสูร…อาจารย์กู่” อู่ฉิงฉวนรีบพูดขึ้นมา
จางหยูตบหัวตัวเอง “ใช่สิ ตอนนี้พวกนั้นน่าจะยังเรียนอยู่”
หลังจากที่คิดดูดี ๆ แล้ว จางหยูก็ถามขึ้นมาอีกครั้ง “แล้วผู้ช่วยสอน
หลินล่ะ? เขาไปไหนกัน?” หลินที่ว่าคือหลินจื้อเป่ ย
อู่ฉิงฉวนตอบกลับด้วยความเคารพ “จากที่อาจารย์โอวบอกมา พวก
นั้นได้ลาอาจารย์โอว เพื่อกลับไปยังสมาคมเพื่อทำการลาออก ระหว่าง
นั้นก็จะทำการส่งต่อหน้าที่ต่าง ๆ ตอนนี้พวกเขาน่าจะกำลังกลับมา
อยู่” พวกนั้นอยู่ขอบเขตหลี่ซวน และได้ประโยชน์อย่างมากจากการ
สอนของจางหยู ทำให้ระดับการบ่มเพาะพัฒนาขึ้นมาอย่างมาก ด้วย
ความเร็วของพวกเขาแล้วคงใช้เวลาแค่สองวันในการเดินทางไปกลับ
เมื่อได้ยินคำตอบจากอู่ฉิงฉวนจางหยูก็โล่งอกขึ้นมา
เขาพยักหน้าและสั่งออกมา “ท่านอู่ หลังจากที่พวกมังกรแดงกลับ
มาแล้ว ท่านบอกเขาให้มาหาข้าทันที”
“ได้ เจ้าสำนัก” อู่ฉิงฉวนตอบกลับทันที
….
ที่บ้านพัก
จางหยูได้กลับไปนั่งบนเก้าอี้ศิลาในสวน
“จัดการปัญหาแทบทั้งหมดแล้ว ต่อไปข้าควรสนใจเรื่องของตัวเอง”
จางหยูสูดหายใจเข้าลึก ๆ “บ่มเพาะถึงขอบเขตหลิงซวนก็เสร็จสิ้น
แล้ว หลังจากนั้นคือการทำความเข้าใจกฎ”
ตอนนั้นจางหยูก็ต้องเผชิญหน้ากับตัวเลือกที่ยากลำบาก มีกฎถึง 5
อัน เขาควรจะเลือกอันไหนดี ?
โลหะ, ไม้, น้ำ, ไฟและดิน แต่ละอย่างต่างก็มีข้อดีของตัวเอง หากทำ
ได้จางหยูอยากที่จะทำความเข้าใจมันทั้งหมด แต่มันก็เป็นไปไม่ได้
ไม่ว่าจะเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นแค่ไหน ก็ทำความเข้าใจได้เพียงกฎ
เดียว จากนั้นถึงจะทำความเข้าใจกฎสูงสุดอย่างกฎมิติได้
จางหยูเคยเห็นกฎไฟของอู่ฉิงฉวนมาแล้ว เมื่ออาณาเขตนี้ปรากฏ
ขึ้นมา ฉากที่มีเปลวไฟลุกไหม้นั้นดูสุดยอดจริง ๆ พลังของมันน่า
กลัวมาก ดังนั้นตัวเลือกอันดับหนึ่งในใจเขาก็คือกฎไฟ
แต่เมื่อใคร่ครวญถึงร่างยกระดับขั้นที่ 4 และร่างทองคำที่สามารถ
ต้านทานการโจมตีของพวกขอบเขตตุ้นซวนได้ จางหยูก็รู้สึกว่ากฎ
ทองและกฎดินนั้นมีพลังป้องกันที่น่าสนใจ ซึ่งยังเหมาะกับเขาอีก
ด้วย…
กฎไม้และน้ำนั้นมีพลังในการฟื้นฟู โดยเฉพาะกับกฎไม้ แม้ว่าจะ
ได้รับบาดเจ็บหนักมา แต่ก็สามารถฟื้นฟูตัวเองได้ในเวลาอันสั้น
พลังของมันก็พอทำให้จางหยูสนใจอยู่บ้าง
“หากบ่มเพาะมันได้ทั้งหมดล่ะก็” จางหยูคิด
หากบ่มเพาะมันได้ทั้งหมด เขาก็คงไม่ต้องมานั่งตัดสินใจแบบนี้
หลังจากที่คิดอยู่นาน จางหยูก็ตัดสินใจที่จะเลือกกฎไม้ ไม่ใช่เพราะว่า
เขาชอบกฎไม้ แต่เป็นเพราะ…เขากลัวตาย !
กฎไม้คือกฎในการรักษาที่น่ากลัวที่สุด หากกฎไม้บ่มเพาะจนไปถึง
ขีดสุดแล้ว และเขาได้กลายเป็นพวกระดับสูงของกฎไม้ งั้นเขาคง
ตายยาก !
ในหมู่กฎทั้งห้า พวกที่บ่มเพาะกฎไม้นั้นไม่ต้องเดาเลยว่า ฆ่ายาก
ที่สุดและอัตราการรอดก็มากกว่าพวกที่ฝึกฝนกฎอื่น ๆ หลายเท่า !
แน่นอนพวกที่บ่มเพาะกฎไม้ ต่างก็ต้องกังวลเรื่องพลังในการต่อสู้ !
หากอยู่ระดับเดียวกัน คนที่บ่มเพาะกฎไม้ก็ยากจะฆ่าคนอื่น ๆ ได้ !
สำหรับคนที่กลัวตายอย่างจางหยูแล้ว กฎไม้ถือว่าดีที่สุดสำหรับเขา
หากเทียบกับกฎไฟที่ดูเท่, กฎทองและดินที่เด่นเรื่องการป้องกัน
รวมไปถึงกฎน้ำที่เด่นทั้งด้านการโจมตีและป้องกันแบบสมดุลกัน
แล้ว จางหยูรู้สึกว่ากฎไม้นั้นเหมาะกับเขาที่สุด
“การฆ่าฟันอะไรนั่น ข้ารังเกียจที่สุดเลย” จางหยูปลอบใจตัวเอง และ
หาเหตุผลแก้ตัวกับความกลัวตายของเขา “เนื่องจากข้าเป็นเซียน ข้าก็
ต้องรักษาภาพลักษณ์จิตใจที่งดงามและใจกว้างเอาไว้”
เคยเห็นเซียนไปฆ่าใครรึเปล่า ??
นี่เป็นครั้งแรกที่จางหยูรู้สึกว่ามันไม่แย่ ที่ได้เป็นเซียนที่ทุกคนชื่นชม
หลังจากที่ตัดสินใจแล้ว จางหยูก็ได้เคลื่อนย้ายไปที่ป่ าด้านหลังสำนัก
เขานั่งขัดสมาธิใต้ต้นไม้ใหญ่ และเพ่งสมาธิไปที่ตันเถียน ก่อนจะ
เริ่มอัดแน่นเมล็ดพันธุ์ของกฎ
จางหยูตื่นเต้นอย่างมากกับการปรับตัวให้เข้ากับกฎ ใจของเขาเต้นรัว
ยังไงซะเขาก็ได้ข้อมูลนี้มาจากโอวเสินเฟิง แต่เขาไม่เคยรับรู้มันด้วย
ตัวเองมาก่อน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบเจ้าสำนัก