ระบบเจ้าสำนัก นิยาย บท 319

ตอนที่ 319 ล้มเหลว
จางหยูนั่งขัดสมาธิด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด ตอนที่เขาเพ่งสมาธิ เขาก็
ได้เชื่อมต่อตันเถียนเข้ากับโลก
รอบตัวจางหยูในระยะ 300 ฟุตเกิดอาณาเขตประหลาดขึ้นมา
“นี่คืออาณาเขตของขอบเขตหลิงซวนงั้นรึ?” จางหยูตรวจสอบรอบตัว
และรับรู้ได้ถึงหลิงชี่ธาตุที่ทำให้โลกนี้ดูมีสีสัน “ในพื้นที่นี้ ข้าสามารถ
ควบคุมหลิงชี่ธาตุได้ราวกับมันเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย…วิเศษจริง ๆ”
ในการรับรู้ของจางหยู อาณาเขตนี้เต็มไปด้วยหลิงชี่ธาตุ หลิงชี่ธาตุ
เหล่านี้ไม่ได้เหมือนกัน มันมีคุณสมบัติที่ต่างกันอยู่
สีทองคือหลิงชี่ธาตุโลหะ
สีเขียวคือหลิงชี่ธาตุไม้
ปราณไร้สีคือหลิงชี่ธาตุน้ำ
สีแดงคือหลิงชี่ธาตุไฟ
สีเหลืองคือหลิงชี่ธาตุดิน
นี่คือธาตุพื้นฐานทั้งห้าที่ผสมรวมกันจนแทบจะแยกจากกันไม่ได้
จางหยูยังไม่ได้สร้างแกนหลักของกฎขึ้นมา ดังนั้นหลิงชี่ธาตุของ
ธาตุทั้งห้าจึงยังคงเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ หากไม่มีแกนหลักของ
กฎ จางหยูก็ไม่อาจจะใช้พลังของมันได้ แม้แต่พลังเพียง 1 ใน 10 ก็
ไม่อาจจะใช้ได้
มีแค่การอัดแน่นเมล็ดพันธุ์แห่งกฎขึ้นมาถึงจะปล่อยพลังที่แท้จริง
ของมันได้ !
“ช่วยข้าอัดแน่นแกนหลักของกฎขึ้นมาที!” จางหยูสูดหายใจเข้าลึก ๆ
และคิดควบคุมหลิงชี่ธาตุธาตุไม้ให้เข้าไปในตันเถียน “ตามที่โอวเสิน
เฟิงบอกมา การดึงหลิงชี่ธาตุเข้าไปในตันเถียน และหลอมรวมกับวัง
วนขึ้นจนกลายเป็นวังวนวิญญาณ ตอนนั้นมันถึงจะถือว่าสำเร็จ”
สิ่งที่เรียกว่าการเชื่อมต่อกับกฎนั้นไม่ใช่แค่การอัดแน่นแกนหลัก
ของกฎ กลับกันแล้วมันคือการเปลี่ยนหลิงชี่ธาตุต่าง ๆ ให้เป็นธาตุ
เดียวกันหรือแทนที่ด้วยหลิงชี่ธาตุที่ตนควบคุม หากมีวังวนธาตุ
ขึ้นมาในตันเถียน ตอนนั้นถึงจะถือว่าอัดแน่นแกนหลักกฎได้สำเร็จ
นี่เป็นกระบวนการที่ยาวนาน พวกขอบเขตหลิงซวนหลายคนไม่
อาจจะผ่านขั้นตอนนี้ไปได้แม้ว่าจะใช้เวลาทั้งชีวิตก็ตาม
“หือ ?” สุดท้ายจางหยูก็พบหลิงชี่ธาตุธาตุไม้ แต่สีหน้าเขากลับดู
ประหลาดใจ
เขาพบว่าวังวนในร่างกาย หลังจากที่หลอมรวมหลิงชี่ธาตุไม้เข้าไป
มันกลับไม่เปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อย นี่มันอะไรกัน ?
จางหยูไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น
สถานการณ์นี้มันต่างจากที่โอวเสินเฟิงได้บอกเอาไว้ !
จางหยูคิ้วขมวด เขาไม่เชื่อสายตาของตัวเองและต้องทดสอบอีกครั้ง
ต่อมาหลิงชี่ธาตุไม้ก็ถูกจางหยูดึงเข้าไปในตันเถียนอีกรอบ
แต่ตอนที่เขาสังเกตตันเถียนด้วยความคาดหวังนั้น สิ่งแปลกประหลาด
ก็เกิดขึ้นอีกรอบ
หลิงชี่ธาตุไม้ที่ถูกจางหยูหลอมรวมไม่อาจจะทำให้ตันเถียนเกิดการ
เปลี่ยนแปลงใด ๆ ได้
หลิงชี่ธาตุไม้ที่ได้ผ่านเข้าไปในตันเถียน ถูกวังวนดูดซับและหายไป
ในพริบตา แต่ก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย
“นี่เล่นตลกกับข้ารึไง?” จางหยูรู้สึกสลดขึ้นมา
เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ และดึงหลิงชี่ธาตุไม้ทั้งหมดในอาณาเขตของ
ตนเข้าไปในพริบตาไม่เหลือเลยแม้แต่น้อย
หลิงชี่ธาตุไม้ไหลเข้าไปในตันเถียนของเขา ราวกับเขื่อนทะลัก
ในเวลาเดียวกันด้านนอกอาณาเขตก็มีหลิงชี่ธาตุไม้ไหลเข้ามาเติม
เต็มส่วนที่ขาดหายไปในอาณาเขตอย่างต่อเนื่อง
จางหยูคิดถึงหลิงชี่ธาตุไม้ที่ไหลเข้ามาในตันเถียนของเขา “ข้าไม่เชื่อ
ว่าด้วยหลิงชี่ธาตุไม้มากแบบนี้ วังวนจะไม่เกิดการตอบสนอง !”
ภายใต้การจับตาดูของจางหยู วังวนได้สูบกินหลิงชี่ธาตุไม้ราวกับ
เป็นหลุมดำ จากนั้นวังวนที่ไร้สีก็เริ่มส่องแสงสีเขียวออกมา ที่ริม
ขอบของวังวนได้เปลี่ยนเป็นสีเขียวจาง ๆ
“ในที่สุดก็ได้ผล” ในที่สุดจางหยูก็เผยรอยยิ้มออกมา
แต่ต่อมารอยยิ้มของเขาก็ต้องแข็งทื่อไป สายตาเขาแสดงความ
ประหลาดใจออกมาอีกรอบ
วังวนที่ส่องแสงสีเขียวจาง ๆ กลับส่องแสงออกมาแค่ไม่กี่อึดใจก่อน
จะหายไปอีกครั้ง วังวนได้กลับไปไร้สีตามเดิม
“นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้น !” จางหยูแทบทรุด
การอัดแน่นแกนหลักของกฎขึ้นมา คือขั้นตอนที่โหดร้าย หากไม่
อาจอัดแน่นกฎขึ้นมาได้ งั้นฐานการบ่มเพาะของเขาก็จะอยู่ขอบเขต
หลิงซวนไปตลอดชีวิต ไม่มีโอกาสจะพัฒนาได้เลย
จางหยูไม่รู้อะไรมากกับการอัดแน่นแกนหลักของกฎ สิ่งที่เขารู้นั้น
มาจากโอวเสินเฟิงเท่านั้น สถานการณ์ที่แปลกประหลาดที่เกิดขึ้นกับ
เขานี้ ไม่เหมือนกับที่โอวเสินเฟิงได้พูดเอาไว้
วังวนในตันเถียนของเขาราวเป็นกับหลุมดำ ไม่ว่ามันจะดูดซับหลิงชี่
ธาตุไม้ไปมากแค่ไหน ก็ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ขึ้นเลย
เขาไม่รู้ว่าปัญหานี้มันเกิดขึ้นเพราะวิธีการบ่มเพาะของเขาหรือไม่
หรือว่าตัวเขาจะมีปัญหากับตัววังวนเอง เอาสั้น ๆ คือแม้ว่าจะพยายาม
อย่างที่สุด เขาก็ยังไม่อาจอัดแน่นแกนกฎขึ้นมาได้
“ระบบ…” จางหยูคิดจะเรียกระบบ แต่สุดท้ายเขาก็หยุด “ช่างเถอะ”
ตามนิสัยของระบบแล้ว เดาได้ว่าถึงจะเรียกเป็นหมื่นครั้งแต่ระบบ
คงไม่ตอบรับเขา
“โอวเสินเฟิงหลอกข้าหรือเปล่า? ไม่ เขาไม่มีเหตุผลอะไรจะต้องโกหก
ข้า นอกจากนี้เขาก็ได้ทำสัญญานภาแล้ว แม้ว่าเขาต้องการโกหกข้า
แต่มันก็ไม่อาจที่จะเป็นไปได้” จางหยูส่ายหน้า เขาไม่คิดว่าโอวเสิน
เฟิงจะโกหกเขา วิธีการอัดแน่นแกนกฎน่าจะถูกต้องแล้ว ปัญหา
น่าจะเป็นที่ตัววังวนของเขาเอง
ตลอดมานี้จางหยูไม่ได้มีคนคอยชี้แนะ เขามีแต่เรียนรู้ด้วยตัวเอง
ก่อนที่จะขึ้นถึงขอบเขตหลิงซวน ก็มีทักษะจี๋อู่ให้บ่มเพาะ เขาจึง
พัฒนาขึ้นมาได้อย่างราบรื่น ตอนนี้เมื่อบ่มเพาะมาจนสุดทางเขาก็
พบกับปัญหา ตอนนี้เขาหมดหนทางไร้การชี้แนะ
ตอนนั้นจางหยูหวังว่าจะมีอาจารย์มาชี้แนะเขาบ้าง !
มันยากสำหรับคนคนเดียวที่จะทำการบ่มเพาะด้วยตัวเอง !
หากเขาเป็นคนธรรมดา เขาคงไปขอให้คนอื่นช่วย แต่เขาเป็นถึงเจ้า
สำนักของมนุษย์ เขาคือเซียนของผู้คน ด้วยฐานะของเขาแล้ว เขาไม่
อาจจะไปถามใครได้ เขาตัวคนเดียว ไม่ว่าจะเจอปัญหาที่หนักหนา
เพียงใด เขาก็ต้องหาทางแก้ด้วยตัวเอง
หากอยากสวมมงกุฎ ก็ต้องแบกรับความรับผิดชอบให้ไหว หรือว่า
เขาจะทิ้งชื่อเสียงและเกียรติยศของเซียนไป…..
“ทิ้งรึ ?” จางหยูส่ายหน้าและถอนหายใจออกมา “หากข้ากล้าทำ
เช่นนั้น ตำนานของเซียนก็จะพังลงไปด้วย จุดจบของข้าอาจจะไม่ดี
นัก” บอกได้ว่าตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ เขาไม่มีทางที่จะย้อนกลับไป
ได้แล้ว ด้านหลังของเขามีแต่เหวลึก เขาไม่อาจจะถอยได้
ในอีกความหมายก็คือเขาต้องทนรับไว้ และต้องเดินหน้าต่อ ไม่งั้น
แล้วก็มีแต่ความล้มเหลวที่รออยู่ !
จางหยูถอนหายใจและยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “เส้นทางที่ข้าได้เลือก
แล้ว ข้าก็ต้องเดินหน้าต่อไปให้สุด”
ไม่มีที่เขาจะทิ้งมันไปได้ ถึงเขาอยากจะทิ้งมันแต่มันก็ไม่มีทางทำได้
ในเมื่อไม่อาจจะบ่มเพาะต่อได้ ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ จางหยูดึง
สมาธิกลับมาและทำการเดินเล่นในสวนแทน
จนกระทั่งตอนบ่ายอยู่ ๆ จางหยูก็หันไปมองที่ห้องเรียน “เลิกเรียน
แล้ว!”
ฉากของสำนักคังเฉียงและพื้นที่ต่าง ๆ ปรากฏขึ้นมาในหัวของจาง
หยู
“อาจารย์โอว ข้ารบกวนให้ท่านมาที่บ้านข้าที” จางหยูไม่ได้ขยับ ปาก
ของเขาเปิดออกเล็กน้อยและมีเสียงที่ดังตรงเข้าไปในหูโอวเสินเฟิงที่
อยู่ในห้องเรียน
หลังจากขึ้นที่ขึ้นถึงขอบเขตหลิงซวนแล้ว จางหยูก็มีความสามารถ
ส่งผ่านเสียงได้
ในห้องเรียน โอวเสินเฟิงยังไม่ทันได้พูดคุยกับศิษย์ ก็รีบออกมาจาก
ห้องเรียนเพื่อมายังบ้านพักทันที
หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจโอวเสินเฟิงก็ปรากฏตัวขึ้นที่นอกบ้าน เมื่อเขา
เห็นว่าประตูเปิดอยู่ เขาก็เดินตรงเข้าไปในบ้าน หลังจากที่เข้ามาเขาก็
พบว่าจางหยูยืนอยู่ในสวนและกำลังยิ้มให้กับเขาอยู่
“เจ้าสำนัก !” โอวเสินเฟิงรีบเดินเข้าไปหาจางหยู
จางหยูพยักหน้าและยิ้มตอบรับ “ข้ามีเรื่องจะถามท่าน ไม่ต้องเกรงใจ
ไป นั่งลงสิ”
โอวเสินเฟิง นั่งลงและมองไปที่จางหยูด้วยความเคารพ
เนื่องจากหลินจื้อเป่ ยและคนอื่น ๆ ได้เข้าร่วมสำนักคังเฉียงแล้ว โอว
เสินเฟิงจึงรู้สึกได้ถึงวิกฤต กลุ่มผู้ช่วยสอนที่มีขอบเขตหลี่ซวน ทำ
ให้เขากดดันเป็นอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะผ่อนคลาย เขาทำ
หน้าที่ทุกอย่างให้ดีที่สุดเท่าที่ทำได้ ทั้งการสั่งสอนศิษย์และการบ่ม
เพาะเพื่อให้ตัวเองพัฒนา
พวกขอบเขตหลี่ซวนเป็นได้แค่ผู้ช่วยสอน แต่เขาที่เป็นอาจารย์กลับ
อยู่แค่ขอบเขตหลิงซวน
เขากลัวว่าหากเขาประมาท เขาจะโดนแย่งตำแหน่งอาจารย์ไป…
“คนพวกนี้ อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าพวกนั้นคิดอะไร!” โอวเสินเฟิงรู้ดี
“คงอยากใช้ข้าเป็นบันได เพื่อเข้าใกล้เจ้าสำนักล่ะสิ อย่าฝันไปหน่อย
เลย !”
“อาจารย์โอว ข้าเรียกท่านมาเพื่ออยากรู้ความเห็นของท่านในการอัด
แน่นแกนกฎ” จางหยูทำท่าไม่สนใจ สีหน้าของเขายังคงแสดงรอยยิ้ม
ออกมา “หากบ่มเพาะหลิงชี่ธาตุไม้ วังวนกลับไม่เปลี่ยนแปลง มัน
เป็นไปไม่ได้ที่จะอัดแน่นแกนกฎขึ้นมา ท่านคิดว่ามันเป็นเพราะ
เหตุผลอะไรกัน ?”
โอวเสินเฟิงคิดกับตัวเอง “เจ้าสำนักทดสอบข้ารึ ?”
เขาคิดว่าจางหยูมีเป้าหมายบางอย่าง ถึงได้เรียกเขามาที่นี่ ซึ่งนั่นก็คือ
การทดสอบเขา
“โอกาส นี่คือโอกาสที่จะพิสูจน์ตัวเอง อย่าทำให้เจ้าสำนักผิดหวัง !”
โอวเสินเฟิงกลั้นหายใจ
โอวเสินเฟิงไม่ได้รีบตอบ เขาครุ่นคิดและพยายามรวบรวมข้อมูล
“เจ้าสำนัก ฐานการบ่มเพาะของคนผู้นั้นขึ้นไปถึงขอบเขตหลิงซวน
ขั้นต่ำแล้วรึ ?”
มีแค่การขึ้นไปถึงขอบเขตหลิงซวนขั้นต่ำเท่านั้น ถึงจะอัดแน่นแก่น
กฎได้
“ถูกต้อง” จางหยูพยักหน้า
จางหยูทำท่าเหมือนกับไม่สนใจ แต่อันที่จริงในใจกังวลอย่างมาก
“อย่างแรกเลยปราณนั้นไม่ได้บริสุทธ์ิพอ มันอาจจะเกิดขึ้นเพราะ
ทักษะบ่มเพาะหรืออาจจะเพราะพรสวรรค์ของตัวเขาเอง เอาสั้น ๆ
คือหากปราณไม่บริสุทธ์ิพอ วังวนก็จะเปราะบางและไม่อาจจะอัด
แน่นแกนกฎขึ้นมาได้” โอวเสินเฟิงจับตาดูท่าทีของจางหยู เขากลัว
ว่าจางหยูจะไม่พอใจกับคำตอบของเขา
จางหยูแสดงท่าทีเฉยเมยดังเดิม
“เหตุผลที่สองล่ะ ?” จางหยูถามขึ้นมาอีกครั้ง
เขาบ่มเพาะทักษะจี๋อู่มา ปราณเขาบริสุทธ์ิจนหาใครในโลกมาเทียบ
ไม่ได้ ดังนั้นความเป็นไปได้ของเหตุผลแรกจึงตัดทิ้งไปได้เลย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบเจ้าสำนัก