ระบบเจ้าสำนัก นิยาย บท 324

ตอนที่ 324 ชั้นเรียนที่มีการพัฒนาอย่างล่าช้า
ภายในสวน โอวเสินเฟิงเริ่มได้สติกลับมา
“เจ้าสำนักพูดถูก ข้าจะยืมมือคนอื่นได้ยังไง ?” โอวเสินเฟิงพูดด้วยสี
หน้าเคร่งเครียด “สักวันหนึ่งข้าจะไปหาเขาด้วยตัวเอง ข้าทนทุกข์มา
หลายปีแล้ว เรื่องที่สำคัญที่สุดคือข้าต้องการที่จะถามเขาว่า ทำไมถึง
สังหารข้า แทนที่จะเอ่ยปากขอยานั่น”
คำตอบนี้สำคัญสำหรับโอวเสินเฟิงยิ่งกว่าการแก้แค้น เขาเชื่อว่าจั๋วชิว
ไม่ได้ชั่วร้าย ดังนั้นเขาจึงทำใจยอมรับไม่ได้ที่จั๋วชิวหักหลังเขา
จางหยูแอบถอนหายใจและถามขึ้นมา “ท่านยังอยากที่จะขอลาหยุด
อีกหรือไม่ ?”
“ไม่แล้ว” โอวเสินเฟิงส่ายหน้า “เมื่อข้ามั่นใจว่าข้าแก้แค้นได้ ตอน
นั้นข้าถึงจะขอลาไป”
จางหยูยิ้มออกมา “ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ดี” จางหยูเงียบไปชั่วครู่ ก่อนที่จะ
โบกมือ “เอาล่ะ เมื่อไม่มีอะไรแล้วก็แยกย้ายกันได้ ใช่สิ ไป่ หลิง
มังกรแดง, อินทรีย์ปีกฟ้า พวกเจ้าอยู่ต่อก่อน”
“เจ้าสำนัก ข้าขอตัวก่อน” โอวเสินเฟิงเห็นว่าเขาไม่ได้ถูกเรียกรั้งไว้
จึงได้ขอตัว
ไม่นานก็เหลือแค่จางหยูกับเจ้าแห่งเขตมืดทั้งสาม จางหยูมองไปที่
พวกนั้นและยิ้มออกมา “พวกเจ้ารู้สึกยังไงกับการสอนของ อาจารย์กู?
ได้ประโยชน์อะไรหรือไม่ ?”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ทั้งสามก็มองหน้ากัน ก่อนที่ไป่ หลิงจะอธิบาย
ออกมาด้วยความตื่นเต้น “ขอบคุณเจ้าสำนักที่เป็นห่วง อาจารย์กูเป็น
ถึงราชาสัตว์อสูร เขาช่วยพวกเราได้มาก และอาจารย์กูก็ได้พูดถึง
วิธีการบ่มเพาะที่วิเศษมากมาย รวมไปถึงกฎและวิธีบ่มเพาะที่พวก
เราไม่เคยได้ยินมาก่อน ข้าเดาว่ามันอาจจะเป็นวิธีบ่มเพาะที่ส่งต่อกัน
มาในตระกูลเขา”
ในฐานะลูกหลานของหมาป่าละโมบกับสัตว์อสูรกลืนสวรรค์ กูเฉิน
เกิดมาเป็นสัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิ สิ่งที่เขาเรียนรู้มาบางทีอาจจะมีแค่
มังกรสมมุติเทพของเผ่ามังกรที่เทียบได้
“เขาถึงกับไม่หวงแหนสมบัติที่ตนมี” จางหยูแปลกใจนิด ๆ “วิธีบ่ม
เพาะที่ส่งต่อกันมา เขาถึงกับยอมพูดเรื่องนี้ ช่างใจกว้างจริง ๆ”
เรื่องแบบนี้ กูเฉินอาจจะไม่ใส่ใจ แต่สำหรับพวกสัตว์อสูรอย่างไป่ หลิง
แล้ว มันถือว่าเป็นของระดับสูง
จางหยูตรวจสอบระดับการบ่มเพาะของทั้งสาม แม้ว่ามองทะลุขั้นสูง
จะแสดงให้เห็นว่า ระดับการบ่มเพาะไม่ได้เปลี่ยนแปลง แต่จางหยูก็
รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า ระดับการบ่มเพาะของมังกรแดงและอินทรีย์
ปีกฟ้านั้น พัฒนาขึ้นมาเล็กน้อย การเปลี่ยนแปลงนี่เบาบาง ไม่ได้
ถึงกับทะลวงผ่าน แต่สำหรับทั้งสองที่ติดอยู่ขอบเขตตันซวนขั้นสูง
มานานแล้ว นี่ถือได้ว่าเป็นข่าวที่น่าตื่นเต้น
“ดูเหมือนว่าระดับการบ่มเพาะของพวกเจ้า จะพัฒนาขึ้นมาอย่างมาก”
จางหยูพูดด้วยรอยยิ้ม “ยินดีกับพวกเจ้าด้วย”
มังกรแดงหัวเราะออกมา “ข้าไม่คิดว่าเจ้าสำนักจะมองออก ใช่แล้ว
ระดับการบ่มเพาะของข้าได้พัฒนาขึ้นมาถึงขอบเขตตันซวนขั้น
สมบูรณ์แล้ว” ขอบเขตตันซวนขั้นสมบูรณ์นั้นยังไม่ได้แยกขั้น หาก
พูดแท้จริงแล้วมันก็ถือว่าอยู่ขั้นสูง แต่อยู่จุดสูงสุดของขั้นสูง
“ขอบเขตตันซวนขั้นสมบูรณ์โดยยังไม่ได้ปลุกสายเลือดงั้นรึ?”
จางหยูเลิกคิ้ว “แม้ว่าจะไม่มียาช่วย พวกเจ้าก็พึ่งความสามารถของ
ตัวเอง ในการทะลวงผ่านขึ้นไปยังขอบเขตหลิงซวนได้งั้นรึ ?”
ยาก็แค่เพิ่มโอกาสเป็นไปได้ในการทะลวงผ่าน หากมังกรแดงและ
อินทรีย์ปีกฟ้าบ่มเพาะได้ไม่ดีพอ ต่อให้กินยาเข้าไปเป็นกอง ก็ไม่
สามารถทะลวงผ่านขึ้นไปยังขอบเขตหลิงซวนได้
มังกรแดงพูดขึ้นมา “ข้ายังไม่ได้ลอง ข้าไม่รู้ว่าทำได้หรือไม่ แต่ก็มี
หวังอยู่ !”
ชัดแล้วว่าเขาตื่นเต้น พวกเขาเป็นถึงเจ้าแห่งเขตมืด ไป่ หลิงได้ขึ้นถึง
ขอบเขตหลิงซวนขั้นต่ำแล้ว นำหน้าพวกเขาทั้งสอง ตอนนี้เขากับ
อินทรีย์ปีกฟ้าเองก็มีหวังที่จะทะลวงผ่านไปได้ มันไม่แปลกเลยที่เขา
จะตื่นเต้น
“แม้ว่าจะทะลวงผ่านไปได้ แต่ข้าก็ยังเป็นหัวหน้าของพวกเจ้าอยู่ดี”
ไป่ หลิงมองไปที่มังกรแดงและอินทรีย์ปีกฟ้า ก่อนจะพูดขึ้นมาด้วย
ท่าทีเฉยเมย “อย่าลืมว่าพวกเจ้ารับปากข้าไว้แล้ว พวกเจ้าถือว่าข้า
เป็นหัวหน้า แม้ว่าจะทะลวงผ่านมาได้แต่ห้ามฝ่าฝืนที่เราตกลงกัน
เอาไว้ พวกเจ้าจำไว้ว่าพวกเจ้าจะเป็นน้องชายข้าตามเดิม แม้ว่าจะ
ทะลวงผ่านขึ้นมาขอบเขตหลิงซวนได้ แต่พวกเจ้าก็ยังคงเป็นน้องชาย
ของข้า”
มังกรแดงและอินทรีย์ปีกฟ้าถึงกับสลดกันอยู่สักพัก
จางหยูได้ยินแบบนั้นก็พูดขึ้นมา “โอ้ ? เกิดอะไรขึ้นกัน ?”
มังกรแดงพึมพำออกมา “ไป่ หลิง ทะลวงผ่านขึ้นไปยังขอบเขตหลิง
ซวนได้….”
เขาเพิ่งจะพูดออกไปได้ไม่กี่คำ แต่ไป่ หลิงก็ค้านขึ้นมา “เจ้าเรียกข้า
ว่ายังไงนะ ?”
“เฮ้อ…” มังกรแดงถอนหายใจและพูดขึ้นใหม่ “หัวหน้า”
ไป่หลิงพูดออกมาเบา ๆ ว่า “ค่อยเข้าท่าหน่อย”
“เล่าต่อ” จางหยูไม่ได้สนใจไป่หลิง และมองไปที่มังกรแดงด้วย
ความสงสัย
มังกรแดงมองไปที่ไป่ หลิงและพูดขึ้น “หลังจากทะลวงผ่านขึ้นไปยัง
ขอบเขตหลิงซวนได้ นางก็ขู่ข้ากับเจ้านกขนยุ่ง ข้าต้องเรียกนางว่า
หัวหน้าและต้องฟังคำสั่งของนาง ไม่งั้นแล้วนางจะยึดเงินจากการ
เปิดป่ าหวงหยวนเขตมืดทั้งหมด…เพราะความสิ้นหวัง พวกเราจึงได้
แต่ตกลงกับนางในข้อเสนอที่ไม่มีเหตุผลนี่”
พวกเขาหมดหนทาง ไป่ หลิงแข็งแกร่งกว่าพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึง
ไม่อาจที่จะต่อต้านได้
ยิ่งไปกว่านั้น ไป่ หลิงก็รับหน้าที่ในการทำตั๋วและขายตั๋ว ผู้บ่มเพาะ
ภายนอกรู้จักแค่ไป่ หลิง ถึงพวกเขาอยากจะต่อต้าน แต่ก็ไม่อาจจะทำ
ได้
จางหยูมองไปที่ทั้งสองด้วยสีหน้าประหลาดใจ “พวกเจ้าเป็นสัตว์
อสูรขอบเขตตันซวน แต่กลับเห็นเงินของโลกมนุษย์สำคัญงั้นรึ ?”
เพื่อเงินพวกนี้แล้ว พวกเขาถึงกับยอมลดเกียรติของตน และเรียก
ไป่หลิงว่าหัวหน้าเลยรึ ?
เพราะโดนจางหยูมองด้วยสีหน้าแปลก ๆ มังกรแดงกับอินทรีย์ปีก
ฟ้าก็ตะลึง พวกเขาอดไม่ได้ที่จะฟ้องต่อ
“เจ้าสำนัก เราทำอะไรไม่ได้เลย ! ที่โลกมนุษย์ เงินนั้นสำคัญ ! ไม่มี
เงินก็ไม่อาจที่จะซื้ออะไรได้ !” มังกรแดงพูดด้วยสีหน้าปวดใจ “ข้า
พบว่าสินค้าของโลกมนุษย์อยู่ ๆ ก็เพิ่มราคาขึ้น หากไม่มีเงินคงยากที่
จะทำอะไรได้…”
ตั้งแต่มายังโลกมนุษย์ มังกรแดงก็รู้สึกเสมอว่าการใช้ชีวิตแบบมนุษย์
เป็นเรื่องที่ยากลำบาก ในทางกลับกันแล้ว คนอ่อนแอมีแต่เป็นเหยื่อ
ในโลกของสัตว์อสูร แม้ว่าจะอันตรายแต่มันก็ไม่ได้มีกฎเกณฑ์อะไร
มาก
“เอาล่ะ ข้าไม่สนเรื่องส่วนตัวของพวกเจ้า ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะทุ่มเท
กับการบ่มเพาะให้มากกว่านี้” จางหยูส่ายหน้า
“พวกเจ้าเป็นศิษย์ชุดแรกของชั้นเรียนสัตว์อสูร หากพวกเจ้าอ่อนแอ
มันจะทำให้ชั้นเรียนสัตว์อสูรเสียหน้า รวมไปถึงทำให้สำนักคังเฉียง
เสียหน้าไปด้วย !”
มังกรแดงพึมพำออกมา “เจ้าสำนัก ความแข็งแกร่งที่เรามี….มัน
อ่อนแองั้นรึ ?”
หากเทียบกับพวกขอบเขตหลี่ซวนและตุ้นซวนแล้ว พวกเขาไม่อาจจะ
เทียบได้ แต่การที่บอกว่าพวกเขาอ่อนแอนั้น พวกเขาไม่พอใจ
“ก่อนที่จะขึ้นไปถึงขอบเขตหลิงซวนได้ ขอบเขตอื่น ๆ ล้วนเป็น
ขอบเขตขั้นพื้นฐาน ขอบเขตหลิงซวนต่างหากที่จะเป็นการก้าวเข้าสู่
เส้นทางการบ่มเพาะ” จางหยูมองไปที่มังกรแดง “สัตว์อสูรทั้งหมด
ยกเว้นแค่ไป่ หลิง ยังไม่มีใครก้าวเข้ามาในประตูนั้นได้ พวกเจ้ากล้า
บอกว่าพวกเจ้าไม่อ่อนแออีกรึ ?”
เมื่อได้ยินแบบนั้น มังกรแดงก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา ตามที่จางหยูบอก
มา พวกเขาอ่อนแอกันจริง ๆ แม้แต่ประตูแห่งการบ่มเพาะก็ยังไม่
อาจที่จะก้าวผ่านเข้าไปได้
“พวกเจ้าคงไม่คิดว่าตัวเองแข็งแกร่งกว่าศิษย์ในชั้นเรียนของมนุษย์
และยังมองว่าชั้นเรียนของมนุษย์ดูต่ำกว่า ดังนั้นพวกเจ้าเลยไม่รู้สึก
กดดันสินะ ?” จางหยูมองไปที่มังกรแดง
มังกรแดงอ้าปากแต่ไม่กล้าพูดอะไรออกมา เขาคิดแบบนั้นจริง ๆ
“ถ้าเจ้าคิดแบบนั้น ก็พิสูจน์แล้วว่าพวกเจ้าโง่จริง ๆ” จางหยูฮึดฮัด
ออกมา “ศิษย์ในชั้นเรียนมนุษย์ส่วนใหญ่มีอายุเท่าไหร่? นอกจากอู่
เฉินแล้ว คนอื่น ๆ อายุเท่าไหร่กัน? ส่วนใหญ่หากไม่อายุสิบกว่าปีก็
ยี่สิบกว่าปี พวกเจ้ายังมีหน้ามาโอ้อวดเกทับพวกเขาอีกเหรอ? ยิ่งไป
กว่านั้น ศิษย์พวกนั้นแต่ละคนก็พัฒนาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เซียวเหยียน,
อู่โม่, อู่ซินซิน, โจวซินเอ๋อร์และคนอื่น ๆ ต่างก็ขึ้นมาถึงศิษย์ว่อซวน
ได้ ในหมู่พวกเขา บางคงยังสามารถสู้กับขอบเขตตันซวนได้อย่างสูสี
พวกเจ้าคิดว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหนหากอายุเท่ากับพวกเจ้ากัน?”
ตอนแรกอู่ซินซินและคนอื่น ๆ ยังไม่ขึ้นไปถึงขั้นว่อซวน แต่ด้วย
การปรากฏตัวของทะเลหลิงชี่ ทำให้ทุกคนได้รับประโยชน์และ
ทะลวงผ่านขึ้นมาได้ !
ตอนนี้ระดับการบ่มเพาะของศิษย์มนุษย์ ทุกคนในสำนักคังเฉียงไม่
อาจจะประมาทได้ กระทั่งคนที่อ่อนแอที่สุดก็ยังอยู่ขอบเขตฉีซวน
ขั้นที่ 9
ในหมู่คนพวกนั้น เซียวเหยียนได้ขึ้นไปถึงขอบเขตว่อซวนขั้นกลาง
อู่โม่, อู่ซินซิน, โจวซินเอ๋อร์, เติ้งชิวฉาน, หลินหมิง และคนอื่น ๆ
ขึ้นไปถึงขอบเขตว่อซวนขั้นต่ำ
หลังจากที่เหลยเจี้ยนเปลี่ยนมาบ่มเพาะทักษะจี๋อู่ เขาก็ขึ้นมาถึงขอบเขต
ว่อซวนขั้นต่ำ
หลังจากที่เซี่ยเฟิงเปลี่ยนมาบ่มเพาะทักษะจี๋อู่ เขาก็ขึ้นไปถึงขอบเขต
ว่อซวนขั้นกลาง
หนิวซิงไห่ไม่ได้บ่มเพาะทักษะจี๋อู่ แต่การยกระดับร่างกายของเขาก็
ขึ้นไปถึงขั้น 2 ซึ่งทัดเทียมกับขอบเขตว่อซวน
ที่สำคัญที่สุดคือ ยกเว้นแค่หนิวซิงไห่ คนที่เหลือต่างก็บ่มเพาะทักษะ
จี๋อู่แบบดัดแปลง ความแข็งแกร่งที่พวกเขามีน่ากลัวกว่าระดับการ
บ่มเพาะที่เห็น เซียวเหยียนและเซี่ยเฟิงต่างก็อยู่ขอบเขตว่อซวนขั้น
กลาง แต่พวกเขาก็มีความแข็งแกร่งทัดเทียมกับพวกขอบเขตตันซวน
ขั้นต่ำ !
เด็กน้อยพวกนี้ สามารถไปก่อตั้งกองกำลังกันได้เลย !
“เด็กน้อยพวกนั้นแข็งแกร่งกันขนาดนี้เลยรึ ?” มังกรแดงอึ้งไปพักใหญ่
แม้แต่ไป่หลิงและอินทรีย์ปีกฟ้าต่างก็แปลกใจ ชัดแล้วว่าพวกเขาคิด
ไม่ถึงว่าศิษย์มนุษย์ที่พวกเขาไม่เคยสนใจ กลับมีความแข็งแกร่งเช่นนี้
โดยเฉพาะไป่หลิง นางคือคนที่ตะลึงมากที่สุด
นางกับเซียวเหยียนเข้าสำนักคังเฉียงมาพร้อมกัน นางรู้ดีว่าเซียวเหยียน
กับโจวซินเอ๋อร์เพิ่งจะเข้าร่วมสำนักคังเฉียง
“ไม่กี่เดือนก่อนเด็กน้อยนั่นอยู่ขอบเขตฉีซวนขั้นที่ 3 แต่ตอนนี้กลับ
แข็งแกร่งได้ถึงเพียงนี้ !” ไป่ หลิงอึ้ง
เซียวเหยียนกับโจวซินเอ๋อร์ไม่ได้ทำตัวโดดเด่นอะไร จนแทบไม่มี
ใครสนใจการพัฒนาของพวกเขา พวกเขาทำการบ่มเพาะและพัฒนา
อยู่เงียบ ๆ กว่าจะรู้ตัว ความแข็งแกร่งที่พวกเขามีนั้น ก็ไม่อาจจะ
มองข้ามได้อีกต่อไป
“ชั้นเรียนศิษย์มนุษย์ก่อตั้งมาไม่ถึงปี เซียวเหยียนและคนอื่น ๆ เข้า
ร่วมสำนักคังเฉียงไม่ถึง 3 เดือน” จางหยูมองไปที่ไป่หลิง มังกรแดง
และอินทรีย์ปีกฟ้า “หากพวกเจ้าไม่พยายาม บางทีภายในปีเดียว
พวกเขาอาจจะแซงหน้าพวกเจ้าก็เป็นได้…”
โดนก้าวข้ามโดยเด็กน้อยพวกนั้นน่ะรึ ?
มังกรแดงสีหน้าเปลี่ยนไป เขาไม่อาจที่จะทำใจยอมรับเรื่องนี้ได้
ไป่หลิงและอินทรีย์ปีกฟ้าเองก็รู้สึกหนักใจเช่นกัน พวกเขารู้สึกได้
ถึงแรงกดดันมหาศาล !
“ไม่ เราไม่อาจทำให้ชั้นเรียนสัตว์อสูรแพ้ได้ !” เจ้าแห่งเขตมืดมี
ความคิดนี้ในหัวแทบจะพร้อมกัน
ชั้นเรียนสัตว์อสูรประกอบไปด้วยสัตว์อสูร ชั้นเรียนมนุษย์ก็ประกอบ
ไปด้วยมนุษย์ ทั้งสองแบ่งเป็นสองฝ่าย ซึ่งถือว่าเป็นตัวแทนของแต่
ละเผ่าพันธุ์
ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ อายุของเด็กพวกนั้นก็เทียบได้แค่ 10% ของอายุ
พวกสัตว์อสูร !
หากเอามาเทียบกันจริง ๆ พวกสัตว์อสูรจะเอาหน้าไปไว้ไหน ?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบเจ้าสำนัก