ระบบเจ้าสำนัก นิยาย บท 325

ตอนที่ 325 เรื่องเล่า
“ไป่หลิง เจ้าเข้าร่วมสำนักคังเฉียงและอยู่ในชั้นเรียนสัตว์อสูรมานาน
ความเข้าใจในการบ่มเพาะและชั้นเรียนสัตว์อสูร เจ้าคงรู้ดี ดังนั้นเจ้า
คิดว่าชั้นเรียนสัตว์อสูรจะยังสามารถรักษาความยอดเยี่ยมเช่นนี้ได้
นานแค่ไหน?” จางหยูมองไปที่ไป่หลิงด้วยท่าทีเฉยเมย แต่สายตา
ของเขากลับทำให้นางกดดันเป็นอย่างมาก
อยู่ได้นานแค่ไหน ?
ไป่ หลิงยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “หากเป็นแบบนี้ต่อไป แค่ครึ่งปีชั้น
เรียนสัตว์อสูรคงโดนก้าวข้าม”
ครึ่งปี นี่คือสิ่งที่นางคาดเดาเอาไว้ ตามการพัฒนาของเซียวเหยียน
และคนอื่น ๆ แล้ว แน่นอนว่าพวกเขาต้องก้าวข้ามสัตว์อสูรตันซวน
ได้ในเวลาครึ่งปี !
พวกเขาบ่มเพาะทักษะจี๋อู่ แม้ว่าจะอยู่แค่ขอบเขตตันซวน แต่พวกเขา
ก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าพวกขอบเขตหลิงซวนเลย !
ชั้นเรียนสัตว์อสูรตอนนี้ มีแค่ไป่ หลิงคนเดียวที่อยู่ขอบเขตหลิงซวน!
“ครึ่งปีรึ ?” มังกรแดงอึ้งไป
อินทรีย์ปีกฟ้าคิ้วขมวดและสงสัยในคำพูดของไป่ หลิง
“พวกเจ้าไม่รู้หรอก สองเดือนก่อนเด็กน้อยนั่นอยู่แค่ขอบเขตฉีซวน
ขั้นที่ 3 ส่วนคนอื่น ๆ อยู่ขอบเขตฉีซวนขั้นที่ 5 และ 6 แต่ตอนนี้ล่ะ ?
หลายคนขึ้นมาถึงขอบเขตว่อซวนแล้ว !” ไป่ หลิงถอนหายใจออกมา
และพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “สองเดือนก่อน ! แค่สองเดือน พวกเขาก็
ก้าวหน้ากันได้มากขนาดนี้แล้ว พวกเจ้าลองคิดดู หากให้เวลาพวกเขา
สักครึ่งปี พวกเขาจะขึ้นไปได้ถึงระดับไหน ?”
มังกรแดงและอินทรีย์ปีกฟ้าถึงกับตะลึง
พวกเด็กน้อยนั่นน่ะรึ ?
คนที่พรสวรรค์สูงส่งกว่านี้ก็ไม่อาจจะทำแบบนี้ได้ไม่ใช่รึไง ?
ปัญหาคือชั้นเรียนมนุษย์มีคนแบบนั้นมากกว่าหนึ่งคน แต่ละคนพัฒนา
ได้อย่างน่าทึ่ง คนที่โดดเด่นที่สุดคือเซียวเหยียน
มังกรแดงและอินทรีย์ปีกฟ้าต้องรีบ พวกเขาไม่อาจที่จะปล่อยให้เด็ก
น้อยพวกนั้นก้าวข้ามได้ ชั้นเรียนสัตว์อสูร ชั้นเรียนมนุษย์ ต่างก็เป็น
คนของสำนักคังเฉียง ความต่างคือชั้นเรียนสัตว์อสูรมีแต่สัตว์อสูร
และชั้นเรียนมนุษย์ก็มีแต่มนุษย์ เหล่าสัตว์อสูรไม่อาจจะปล่อยให้
มนุษย์ก้าวข้ามได้ โดยเฉพาะกับการที่แข็งแกร่งกว่าอยู่แล้ว ซึ่งมัน
ไม่ใช่เรื่องที่จะยอมรับได้เลย
“เราไม่อาจที่จะทำให้เกียรติของสัตว์อสูรโดนดูหมิ่นได้!” มังกรแดง
แสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมา
สายตาของอินทรีย์ปีกฟ้านั้นมีความกระตือรือร้นออกมา “เราต้อง
พิสูจน์ว่าสัตว์อสูรไม่ได้แย่ไปกว่ามนุษย์ !”
พวกเขาต่างก็มีความหยิ่งทะนง และไม่อาจที่จะยอมก้มหัวให้กับเด็ก
เหล่านั้นได้
“ดีมาก !” จางหยูมองไปที่ไป่ หลิง ก่อนที่จะพูดขึ้นด้วยสีหน้าพอใจ
“ข้าโล่งอกที่เห็นพวกเจ้าคึกคักกันแบบนี้” เขาพูดต่อ “เพื่อจะกระตุ้น
พวกเจ้าในวันนี้ ข้ามีเรื่องจะเล่าให้พวกเจ้าฟัง”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ไป่ หลิง มังกรแดงและอินทรีย์ปีกฟ้าต่างก็ดวงตา
เป็นประกายขึ้นมา
“เจ้าสำนัก ท่านจะเล่าเรื่องบังสวรรค์ให้พวกเราฟังรึ ?” ไป่หลิงแสดง
สีหน้าคาดหวัง
“บังสวรรค์ ข้าจะพูดเรื่องนี้ทีหลัง แต่ข้าต้องการที่จะเล่าอีกเรื่องให้
ฟัง” จางหยูพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “แน่นอน เรื่องนี้มันก็เหมือนกับเรื่อง
บังสวรรค์ มันคือเรื่องที่เกิดขึ้นมานานแล้วในทวีปป่ า”
เมื่อได้ยินจางหยูบอกว่ามันไม่ใช่เรื่องบังสวรรค์ แม้ว่าไป่หลิงจะ
ผิดหวัง แต่นางก็ยังรอด้วยท่าทีคาดหวัง
จางหยูพูดขึ้นมาช้า ๆ “เรื่องนี้เริ่มต้นที่สมาคมนักฝึกสัตว์อสูร สมาคม
นักฝึกสัตว์อสูรนั้นเคยมีช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ ในช่วงเวลานั้นพวกเขา
สามารถทัดเทียมกับสมาคมนักปรุงยา นักหลอมและนักวางค่ายกล
ได้ ต่อมาก็มีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น และทำให้สมาคมนักฝึกสัตว์อสูร
ตกต่ำลง แม้ว่ามันจะฟื้นฟูความแข็งแกร่งกลับคืนมาได้ แต่ก็ด้อย
กว่าในตอนที่รุ่งโรจน์อย่างมาก”
ทวีปป่ านั้นมีสามองค์กรที่มีอำนาจสูงสุด นั่นก็คือสมาคมนักปรุงยา
นักหลอมและนักวางค่ายกล
แม้ว่าอำนาจของพันธมิตรร้อยสำนักจะไม่ได้ด้อยไปว่าสมาคมทั้ง
สาม แต่อิทธิพลและอำนาจนั้นก็เป็นแบบกระจาย ดังนั้นจึงยังไม่ใช่
ขุมกำลังที่เป็นหนึ่งเดียวกันแบบทั้งสามสมาคม
ไป่ หลิงตั้งใจฟังอยู่เงียบ ๆ
“สมาคมนักฝึกสัตว์อสูรตกต่ำลง ทำให้ขุมกำลังระดับสูงทั้งสี่ลดลง
เหลือเพียงสามแห่ง ซึ่งทำให้สัตว์อสูรมากมายในโลกนี้หลุดพ้นจาก
ชะตากรรมการเป็นทาส นี่เพราะคนคนหนึ่ง ไม่สิ ต้องบอกว่าเพราะ
สัตว์อสูรตัวหนึ่ง” เรื่องราวการตกต่ำของสมาคมนักฝึกสัตว์อสูรและ
สัตว์อสูรลึกลับนี้ จางหยูคิดไว้นานแล้ว
8,000 ปีก่อน ประวัติศาสตร์เรื่องนี้มันยาวนาน และแทบจะไม่มีใคร
อื่นรู้ ยกเว้นแค่สัตว์อสูรเฒ่าที่มีอายุมากกว่าพันปี
ไป่ หลิงย่อมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน ตอนที่ได้ยินเรื่องนี้พวกเขาก็
อดไม่ได้ที่จะชื่นชมสัตว์อสูรตนนั้น ผู้ฝึกสัตว์อสูรคือสิ่งที่น่ารังเกียจ
ที่สุด พวกนั้นคือขุมกำลังที่น่ารังเกียจที่สุด
“นานมาแล้ว ป่ าหวงหยวนมีสัตว์อสูรอยู่มากมาย ตอนนั้นทวีปป่ า
ยังคงวุ่นวายและมักจะเกิดการเข่นฆ่ากันอยู่เสมอ แม้แต่มนุษย์ก็มักจะ
ปรากฏตัวขึ้นมาในป่ าหวงหยวน บอกได้เลยว่าที่นั่นคือสรวงสวรรค์
สำหรับผู้ฝึกสัตว์อสูร ที่นั่นพวกเขาจะได้เจอกับอันตรายและความ
ตื่นเต้นที่ไม่มีที่ไหนเหมือน ผู้ฝึกสัตว์อสูรสามารถทำให้สัตว์อสูรที่
ตนเองต้องการตกเป็นทาสได้” เสียงของจางหยูเต็มไปด้วยความ
แค้นเคือง มันเหมือนกับฉากต่าง ๆ ในตอนนั้นโผล่ขึ้นมาในหัวของ
เขา
เมื่อเห็นว่าทั้งสามเคลิบเคลิ้มไปกับเรื่องนี้ จางหยูก็เล่าต่อ “ในส่วน
ลึกของป่ าหวงหยวน มีสัตว์อสูรที่มีพรสวรรค์อยู่ตัวหนึ่งหรือก็คือ
สัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิ บางทีสายเลือดบรรพบุรุษของมันอาจจะเป็น
เหตุผลที่เป็นเช่นนั้น เอาสั้น ๆ คือสัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิตัวนี้คือหมาป่ า
ละโมบ และมีสายเลือดสัตว์อสูรกลืนสวรรค์ นอกจากนี้มันยังมี
พรสวรรค์ที่น่ากลัว”
ไป่หลิง มังกรแดงและอินทรีย์ปีกฟ้าต่างก็แสดงสายตาอิจฉาออกมา
หมาป่ าละโมบกับสัตว์อสูรกลืนสวรรค์ต่างก็เป็นสัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิ
ที่มีชื่อเสียงทัดเทียมกับจิ้งจอกเวทย์และสัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิระดับสูง
ตัวอื่น ๆ !
แม้ว่าไป่หลิงจะมีสายเลือดของจิ้งจอกเวทย์ แต่นางก็ไม่ใช่จิ้งจอกเวทย์
มังกรแดงและอินทรีย์ปีกฟ้าก็ยิ่งด้อยกว่า…
จางหยูบอกว่าสัตว์อสูรลึกลับนี่คือสัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิ มันได้พิสูจน์
แล้วว่าสัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ินี่มีสายเลือดที่สมบูรณ์! และเกิดมาเป็น
สัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิ !
เมื่อเติบโตขึ้นมาแล้วมันจะน่ากลัวขนาดไหน !
“อยู่มาวันหนึ่งก็มีผู้ฝึกสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งมาพบสัตว์อสูรตัวนี้เข้า!”
เมื่อได้ยินแบบนั้นไป่ หลิงก็กังวลขึ้นมาแทน สัตว์อสูรนั่นจะตกเป็น
ทาสรึ ?
ผู้ฝึกสัตว์อสูรบัดซบ !
เผ่าสัตว์อสูรมีสัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิเกิดมาสักตัวในรอบหมื่นปี แต่กลับ
ถูกพบโดยผู้ฝึกสัตว์อสูร และตกเป็นทาส มันพอจะนึกภาพออกว่า
ไป่หลิงและคนอื่น ๆ จะแค้นกันแค่ไหน
แม้ว่าไป่ หลิงและสัตว์อสูรทั้งสองต่างภาวนาไม่ให้สัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิ
โดนจับ จนตกไปเป็นทาส แต่คำพูดต่อมาของจางหยูก็ทำให้สีหน้า
ของพวกเขาเปลี่ยนไป “สัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิ…เรียกตัวเองว่าเฉินกู แม้
ว่าเฉินกูจะต้านทานเพียงใดแต่สุดท้ายก็ต้องทำสัญญาสัตว์เลี้ยงกับ
มนุษย์”
ไป่ หลิงหายใจถี่ขึ้นพร้อมกับหมัดที่กำแน่น นางคิดภาพออกว่าเฉินกู
นั้นจะสิ้นหวังเพียงใดในตอนนั้น !
“หลังจากที่ตกเป็นทาส เฉินกูถึงกับต้องการฆ่าตัวตาย แต่…พลังของ
สัญญานั้นยิ่งใหญ่เกินไป แม้ว่าเขาต้องการจะฆ่าตัวตาย แต่เขาก็ไม่
อาจจะทำแบบนั้นได้” จางหยูถอนหายใจออกมา
“ที่โชคร้ายกว่านั้นคือมนุษย์ที่จับตัวเขาไปนั้นเป็นโรคจิต เขาบังคับ
ให้เฉินกูเป็นหมาให้กับเขาเพื่อความสนุก เฉินกูเกิดมาเป็นสัตว์อสูร
ศักด์ิสิทธ์ิ เขามีสายเลือดที่สูงส่งเพียงใด? เขายอมตายดีกว่าต้องเป็น
หมา และไม่ยอมโดนดูหมิ่น แต่พลังของสัญญาไม่ใช่สิ่งที่เขาจะ
ต่อต้านได้…”
ตอนที่มนุษย์บังคับให้เฉินกูเป็นสัตว์เลี้ยง ไป่ หลิง มังกรแดงและ
อินทรีย์ปีกฟ้าต่างก็หน้าแดงก่ำ หากมนุษย์นั่นอยู่ตรงหน้าพวกเขา
ตอนนี้ เกรงว่าพวกเขาจะฆ่าอีกฝ่ายทันที
นั่นคือสัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิ !
ตัวตนที่สูงส่งที่สุดในหมู่สัตว์อสูร !
เขาเป็นเหมือนกับองค์ชายของสัตว์อสูร แม้ว่าจะยังไม่ขึ้นครองบัลลังก์
แต่เกียรติที่มีอยู่ก็ไม่อาจดูหมิ่นได้ !
สำหรับสัตว์อสูรแล้ว สัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิอาจจะไม่ใช่ตัวตนสูงสุด
แต่สายเลือดที่มีนั้นสูงส่งอย่างแน่นอน !
นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขารู้ว่า มนุษย์กล้าเอาสัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิมาเป็น
ทาส !
หรือไม่ก็นี่ควรจะเป็นสัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิตัวแรก ที่ตกเป็นทาสของ
มนุษย์ในประวัติศาสตร์ของสัตว์อสูร !
มันน่าอับอายแค่ไหนกัน ?
“เฉินกูทนรับการดูหมิ่นเอาไว้ และทำการบ่มเพาะอยู่เงียบ ๆ หลาย
ร้อยปีเขาก็ขึ้นมาถึงขอบเขตตุ้นซวนได้ แต่เขารู้ว่ามนุษย์ที่จับเขามา
นั้นเป็นคนขี้ขลาด หากรู้ว่าเขามีความแข็งแกร่งระดับนี้ มนุษย์จะต้อง
พึ่งพลังจากสัญญาในการทรมานเขา ดังนั้นเขาจึงต้องปิดบังเรื่องนี้
เอาไว้” จางหยูพูดและดูท่าทีของทั้งสาม
“โชคดีที่เขามีความทรงจำจากการสืบทอดและรู้ถึงวิธีปกปิดพลัง
ของตนเอง คนทั่วไปไม่อาจจะมองเห็นพลังของเขาได้ มนุษย์ที่จับ
เขามานั้น เอาแต่ขังเขาเอาไว้ และคิดว่าเขาอยู่แค่เพียงขอบเขตตัน
ซวนเท่านั้น”
เรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจสำหรับสัตว์อสูรทั้งสาม พวกเขา
เองก็มีความทรงจำที่ส่งต่อกันมา เป็นธรรมดาที่สัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิ
จะมีความทรงจำส่งต่อกันมาที่ซับซ้อนกว่า
“หลายร้อยปีผ่านไป เฉินกูปกปิดตัวเองมานาน และในที่สุดโอกาสที่
รอคอยก็มาถึง”
“เขารู้ว่ามนุษย์ที่จับเขามานั้น ต้องการสัตว์อสูรสวย ๆ มาเป็นทาส
และเขาก็รู้จักสัตว์อสูรที่สวย ๆ อยู่ตัวหนึ่ง และที่สำคัญที่สุดคือสัตว์
อสูรตัวนั้นคือลูกหลานของสัตว์อสูรขอบเขตตุ้นซวน…”
“เขาทำสำเร็จ !”
“ด้วยแผนการของเขา มนุษย์นั่นทำให้สัตว์อสูรขอบเขตตุ้นซวน
โกรธเอา และสุดท้ายเขาก็ตกตายไป!”
“เขาที่โดนดูหมิ่นมานาน ในที่สุดก็ได้อิสระกลับคืนมาด้วยความฉลาด
ของตนเอง !”
จากคำอธิบายของจางหยู ภาพลักษณ์ของเฉินกูก็สูงส่งขึ้นมา สัตว์
อสูรศักด์ิสิทธ์ิที่ตกเป็นทาสของมนุษย์ตั้งแต่เด็ก แต่ไม่คิดที่จะยอม
แพ้ เขาเลือกแบกรับการดูหมิ่นเหล่านั้นเอาไว้ และสุดท้ายก็ได้อิสระ
ของตัวเองกลับมา
มันช่างเป็นเรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจได้ดีจริง ๆ !__

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบเจ้าสำนัก