ระบบเจ้าสำนัก นิยาย บท 327

ตอนที่ 327 วิธีพัฒนาอาณาเขต
ไป่หลิง มังกรแดงและอินทรีย์ปีกฟ้าพากันตื่นเต้นขึ้นมา
“ไป ไปตามหาผู้อาวุโสเฉินกูกัน” ไป่ หลิงเสนอขึ้นมา
มังกรแดงดูอายขึ้นมานิด ๆ “หัวหน้า การตามหาผู้อาวุโสเฉินกูนั้น
ข้าไม่ได้คัดค้าน แต่ว่ารอข้าทะลวงผ่านขึ้นไปยังขอบเขตหลิงซวน
ก่อน แล้วค่อยตามหาเขาจะได้หรือไม่?”
การตามหาเฉินกูนั้น แน่นอนว่าเป็นเรื่องสำคัญ แต่มันมีหลายอย่างที่
สำคัญกว่าการตามหาเฉินกู
ขอบเขตหลิงซวน เขาตั้งความหวังกับมันมาหลายร้อยปีแล้ว และ
ตอนนี้ในที่สุดเขาก็สามารถเอื้อมถึงมันได้ ดังนั้นเขาจะทำอย่างอื่น
ได้ยังไง ?
“ทำไม เจ้าคิดว่าการทะลวงขอบเขต มันสำคัญกว่าการตามหาผู้อาวุโส
เฉินกูหรือไง? เจ้าต้องการเป็นลูกน้องข้าจริงรึไม่ ?” ไป่หลิงแสดง
สีหน้าบิดเบี้ยวออกมา “พวกเจ้ามันขี้ขลาด !”
มังกรแดงค้านขึ้นมาทันที “ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากตามหาผู้อาวุโสเฉินกู
แต่ข้าต้องการที่จะทะลวงระดับก่อน…” เขารู้สึกปวดใจอย่างมาก
อินทรีย์ปีกฟ้าพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ข้าคิดว่าการทะลวงผ่าน
นั้นสำคัญกว่าการตามหาผู้อาวุโสเฉินกู”
ไป่หลิงมองไปที่อินทรีย์ปีกฟ้า สายตาของนางเป็นประกายแต่ก็ดู
อันตราย
“หัวหน้าอย่ามองข้าแบบนั้นสิ ข้าแค่พูดความจริง” อินทรีย์ปีกฟ้า
เหมือนไม่ได้กลัวไป่ หลิง เขาพูดขึ้นอย่างใจเย็น “หากข้ากับเจ้าหนอน
ทะลวงผ่านขึ้นไปยังขอบเขตหลิงซวนได้ การตามหาผู้อาวุโสเฉินกู
ไม่ใช่ว่าจะง่ายกว่าเดิมหรือไง เจ้าอยากให้เราทำให้เจ้าล่าช้ารึ ?”
ไป่หลิงมองไปที่อินทรีย์ปีกฟ้าอยู่นานก่อนจะละสายตากลับมา “ข้า
จะให้เวลาพวกเจ้าสามวัน”
หลังจากนั้น ไป่ หลิงก็ไม่ได้สนใจท่าทีของทั้งสอง นางหันหลังแล้ว
เดินออกมาโดยพูดทิ้งท้ายเอาไว้ “หากผ่านสามวันนี้ไป ไม่ว่าพวก
เจ้าจะอยู่ขอบเขตไหน พวกเจ้าก็ต้องไปตามหาผู้อาวุโสเฉินกูกับข้า!”
เทียนฮงและสัตว์อสูรตัวอื่น ๆ รีบตามไป่ หลิงไป สำหรับผู้อาวุโส
เฉินกูที่ไป่ หลิงพูดถึง พวกนั้นไม่รู้ว่าเป็นใครและไม่สนด้วยว่าเป็น
ใคร
เมื่อเห็นว่าไป่หลิงกลับไปแล้ว สัตว์อสูรของมังกรแดงและอินทรีย์
ปีกฟ้าก็ถามขึ้นมาด้วยความสับสน “ราชา ผู้อาวุโสกูเฉินที่ว่านี่เป็น
ใครกัน ?”
เมื่อได้ยินที่เหล่าสัตว์อสูรถามนั้น มังกรแดงก็แสดงสีหน้าจริงจัง
ออกมา “ผู้อาวุโสเฉินกูคือผู้อาวุโสของเผ่าสัตว์อสูร! หากไม่มีเขา ก็
คงไม่มีเผ่าสัตว์อสูรเช่นนี้ ! เจ้าจำไว้ว่าในอนาคต พวกเจ้าต้องเคารพ
เขาในฐานะวีรบุรุษของเผ่าสัตว์อสูร !”
ถึงจะได้ยินคำตอบแบบนั้นแต่เหล่าสัตว์อสูรก็ยังสับสนอยู่ดี มังกร
แดงพูดจาใหญ่โต แต่พวกเขาก็ยังไม่รู้ว่าเฉินกูเป็นใครกัน
….
ภายในสวน จางหยูได้แผ่การรับรู้ออกไป ก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมา
อย่างช้า ๆ
“ดีมาก เรื่องนี้เป็นไปได้ด้วยดี” จางหยูหัวเราะออกมาอย่างพอใจเมื่อ
เห็นผลลัพธ์ “ตราบใดที่พวกเขาออกไปตามหา กูเฉินก็จะได้ยินเรื่อง
นี้ในไม่ช้า ฮ่าฮ่า ข้าล่ะอยากเห็นผลลัพธ์ของมันจริง ๆ !”
จางหยูอยากเห็นท่าทีของกูเฉิน ไม่รู้ว่ากูเฉินจะแสดงท่าทียังไงออกมา
เมื่อได้ยินเรื่องนี้?
ตอนนี้จางหยูเลิกสนใจพวกสัตว์อสูรไปชั่วคราว มังกรแดงกับอินทรีย์
ปีกฟ้ายังไม่ทะลวงผ่านขึ้นไปยังขอบเขตหลิงซวน ดังนั้นพวกเขาจึง
ยังไม่ลงมือในตอนนี้ ฉะนั้นไม่จำเป็นต้องจับตาดูพวกนั้นในตอนนี้
ยังไงซะแผนการก็ทำลงไปแล้ว จางหยูคิดจะทำการศึกษาอาณาเขต
ต่อ
เขาแผ่การรับรู้ออกไปอีกครั้ง พร้อมกับใจที่เต้นรัว ก่อนที่ร่างของ
เขาจะหายไป แล้วโผล่มาที่ป่าด้านหลังสำนัก
“เคลื่อนย้ายพริบตานี่มันสะดวกจริง ๆ ข้าไปที่ไหนก็ได้ !” จางหยู
อดรู้สึกทึ่งไม่ได้ เคลื่อนย้ายพริบตานี้ใช้พลังจิต การที่ใช้มันออกมา
บ้างก็ไม่ได้หนักหนาอะไร
จางหยูมองไปรอบ ๆ และพบว่าต้นไม้ยังคงเขียวชอุ่มอยู่ ไม่มีอะไร
ผิดปกติ ยกเว้นที่ปลายขอบหลุม หลุมนี้คือที่ที่จางหยูได้ทดสอบร่าง
ทองคำ ด้วยการให้ไป่ หลิงโจมตีเขา แม้ว่ามันจะผ่านมาสักพักแล้ว
แต่สภาพแวดล้อมก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป
จางหยูสูดหายใจเข้าลึก ๆ และแสดงสีหน้าจริงจังออกมา การรับรู้
ของเขาแผ่ออกไปกลายเป็นอาณาเขต วังวนในตันเถียนอยู่ ๆ ก็ทำ
การเชื่อมต่อกับโลก
ตอนนี้เขาเหมือนกับเป็นส่วนหนึ่งของโลก ทุกอย่างรอบตัวอยู่
ภายใต้การควบคุมของเขาหมด
“ข้าต้องทำยังไง ถึงจะพัฒนาอาณาเขตได้?” จางหยูคิด พร้อมกับมอง
อาณาเขตของตัวเอง
อาณาเขตนี้คือพื้นฐานของผู้บ่มเพาะ ผู้บ่มเพาะจะต้องทำความเข้าใจ
กฎ จากนั้นอาณาเขตจะเป็นส่วนที่ใช้ปล่อยพลังของกฎออกมา มีแค่
อาณาเขตของตนที่จะสามารถปล่อยพลังของกฎออกมาได้ การใช้
พลังออกนอกอาณาเขตนั้นจะไม่ส่งผลอะไร
“คนอื่นสามารถพัฒนาอาณาเขตของตนได้ด้วยการทำความเข้าใจกฎ
แล้วข้าล่ะ?” จางหยูไม่ได้คิดเกี่ยวกับการบ่มเพาะกฎ เพราะเขาไม่
อาจจะอัดแน่นแกนกฎขึ้นมาได้ แล้วเขาจะบ่มเพาะยังไง ?
ชัดแล้วว่า วิธีในการพัฒนาอาณาเขตผ่านการบ่มเพาะกฎนั้น ไม่ได้
เหมาะกับจางหยู หากไม่มีการชี้แนะจากอาจารย์ เขาก็คงทำได้แค่
ทดสอบด้วยตัวเอง นี่คือเส้นทางที่โดดเดี่ยว ในเมื่อจางหยูเลือก
เส้นทางนี้ เขาก็ได้แต่ต้องเดินหน้าต่อไป ไม่ว่ามันจะยากแค่ไหน เขา
ก็ต้องเดินหน้าต่อ เขาไม่มีทางอื่นให้เลือก
ในป่ านั้นจางหยูนั่งคิดอยู่นาน
“ข้าสามารถควบคุมหลิงชี่ธาตุได้ แต่ข้ายังไม่เชี่ยวชาญ หากว่า…ข้า
ฝึกฝนมันหลายครั้งจนสามารถควบคุมหลิงชี่ธาตุได้อย่างอิสระ มัน
จะพัฒนาอาณาเขตขึ้นมาหรือไม่?”
แม้ว่าความคิดนี้จะตลก แต่จางหยูก็ยังคิดที่จะลอง
เส้นทางนี้รอคอยการสำรวจอยู่ ระบบการบ่มเพาะของทวีปป่ าใน
ปัจจุบัน ไม่ใช่ว่ามาจากการลองผิดลองถูกของคนรุ่นก่อนหรอก
เหรอ? ก่อนที่พวกเขาจะทำสำเร็จ บรรพบุรุษในอดีตไม่รู้ว่าต้องพบ
กับความล้มเหลวไปแล้วกี่ครั้ง สุดท้ายพวกเขาก็ก่อตั้งระบบแบบนี้
ขึ้นมาได้ และหาเส้นทางที่ถูกต้องเจอ
จางหยูไม่คิดว่าเขาจะดีไปกว่าคนในอดีตได้ แต่เขามีอะไรบ้างที่พวก
ในอดีตไม่มี ในเมื่อพวกบรรพบุรุษในอดีตทำได้ ทำไมเขาจะทำไม่ได้?
เขาเชื่อว่าตราบใดที่ไม่ยอมแพ้ เขาจะหาทางพัฒนาอาณาเขตขึ้นมาได้
จางหยูคิดแผนในใจและเริ่มลงมือทันที เขาแผ่การรับรู้ออกไปควบคุม
หลิงชี่ในอาณาเขต และสุดท้ายหลิงชี่ธาตุทั้งห้าก็อัดแน่นเป็นลูกบอล
5 ลูก
บอลสีทองธาตุโลหะ ดูคมกริบราวกับดาบซึ่งสามารถตัดผ่านอากาศ
ได้ง่าย ๆ
บอลสีเขียวธาตุไม้ แผ่พลังชีวิตออกมา หากอยู่ใกล้ ๆ จะรับรู้ได้ถึง
พลังชีวิตที่ยิ่งใหญ่ที่โอบกอดเราอยู่
บอลสีฟ้าธาตุน้ำ แผ่พลังที่สงบออกมา ราวกับหญิงสาวที่นุ่มนวล
เหมือนกับมารดา
บอลสีแดงธาตุไฟ แผ่ความร้อนออกมา ซึ่งทำให้อากาศรอบ ๆ บิด
เบี้ยว ราวกับกำลังถูกเผาไหม้
บอลสีเหลืองธาตุดิน แผ่กลิ่นอายที่หนักหน่วงออกมา ราวกับว่าพลัง
โจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ก็ไม่อาจจะทลายการป้องกันของมันได้
บอลธาตุทั้งห้าลอยอยู่ในอากาศ แยกตัวออกจากกันแต่ก็อยู่ใกล้กัน
หากจางหยูควบคุมให้มันรวมตัวเข้าด้วยกัน มันจะเกิดอะไรขึ้น
จางหยูควบคุมลูกบอลทั้งห้า ให้เปลี่ยนรูปร่างอย่างต่อเนื่อง กลายเป็น
รูปสัตว์แยกเขี้ยวหรือตึก เขาควบคุมมันจนเข้าใจมันได้ลึกซึ้งกว่าเดิม
หลังจากนั้นไม่ว่าเขาจะเปลี่ยนรูปร่างของมันยังไง แค่คิดเพียงแวบ
เดียว ก็ทำให้มันเปลี่ยนรูปร่างได้แล้ว หากพวกระดับสูงของโลกมา
เห็นฉากนี้ พวกนั้นคงตาถลนออกจากเบ้า
“มันเหมือนง่ายมาก!” จางหยูอดสงสัยไม่ได้ “การฝึกแบบนี้มีประโยชน์
จริง ๆ รึ ?”
เขาหยุดและตรวจสอบอาณาเขตของตัวเองอีกรอบ แต่เขาก็ต้อง
ผิดหวัง เมื่อพบว่าอาณาเขตนั้นไม่ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปเลย
แม้แต่น้อย ชัดแล้วว่าวิธีฝึกแบบนี้มันผิด การฝึกควบคุมหลิงชี่ธาตุ
ไม่อาจจะพัฒนาอาณาเขตเขาได้ เพราะว่านี่คือความสามารถของเขา
เอง ความต่างคือแค่เชี่ยวชาญและไม่เชี่ยวชาญ
นี่คือการทดสอบ เขาจึงไม่ได้สลด เขาเตรียมใจมาตั้งแต่แรกแล้ว หาก
การบ่มเพาะมันง่าย แล้วจะมีอาจารย์ไว้ทำไมกัน? หน้าที่ของอาจารย์
คือชี้แนะศิษย์และสอนวิธีการบ่มเพาะที่ถูกต้องให้เพื่อไม่ให้เสียเวลา
โชคร้ายที่สถานการณ์ของจางหยูนั้นพิเศษไปหน่อย จึงไม่มีใครสอน
เขาได้ ไม่มีใครชี้แนะเขาได้ และไม่มีใครมีความสามารถแบบเขา
เวลาผ่านพ้นไปพร้อมกับการทดสอบของจางหยู พระอาทิตย์บน
ท้องฟ้าหายลับไป และถูกแทนที่ด้วยดวงจันทร์
จางหยูทดสอบทั้งคืนโดยไม่หลับไม่นอนและพบกับความล้มเหลว
ทุกครั้ง
จางหยูเก็บบอลธาตุทั้งห้าไว้ในตันเถียน เพื่อดูดซับมันและเตรียมตัว
ที่จะกลับ ต่อมาเขาก็ต้องชะงักและแสดงสีหน้าตะลึงออกมา
“หือ” จางหยูคิดว่าเขาคิดไปเอง เขาลองตรวจสอบอาณาเขตดู แต่ก็
พบว่าอาณาเขตนั้นเพิ่มขึ้นมาจริง ๆ เขาตื่นเต้นขึ้นมาทันที
“เพิ่มขึ้นมาแล้ว !” จากความพยายามนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดเขาก็
เพิ่มขนาดอาณาเขตขึ้นมาได้ เขาหยุดและลองคิดถึงสิ่งที่เพิ่งทำไป
เมื่อสักครู่นี้
“ข้าแค่…” จางหยูคิดย้อนกลับไปถึงสิ่งที่ทำตะกี้ “แค่ดึงหลิงชี่ธาตุ
ทั้งห้าเข้าไปในตันเถียน…”
แค่ดูดซับหลิงชี่ธาตุทั้งห้าก็สามารถพัฒนาอาณาเขตได้รึ ?
“ง่ายดายขนาดนั้นเลยรึ ?” จางหยูคิดไม่ถึงจริง ๆ วิธีในการพัฒนา
อาณาเขตกลับง่ายดายเช่นนี้ มันเหมือนไม่ได้ต่างจากการบ่มเพาะ
ก่อนหน้านี้เลย แต่การบ่มเพาะก่อนหน้านี้ต้องใช้ทักษะบ่มเพาะก่อน
ตอนนี้ด้วยการที่มีอาณาเขต เขาก็ไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะบ่มเพาะ แค่
เพียงคิดในหัว เขาก็สามารถดึงหลิงชี่ธาตุในอาณาเขตเข้ามาใน
ตันเถียนได้อย่างต่อเนื่อง
มีหลายอย่างที่ผู้คนคิดว่ามันซับซ้อน แต่ความจริงแล้วกลับง่ายดาย
เรื่องที่ซับซ้อนคือใจคนเราต่างหาก
จางหยูมัวแต่คิดซับซ้อน จนมองข้ามเรื่องง่าย ๆ ไป ที่แท้วิธีพัฒนา
อาณาเขตก็ง่ายดายแค่นี้เอง ง่ายดายจนคนไม่อยากเชื่อ
จางหยูรวบรวมสติ และทำการดึงหลิงชี่ธาตุในอาณาเขตอีกรอบ และ
จากนั้นก็ดูดซับเข้าไปในตันเถียน
“มันพัฒนาขึ้นอีกแล้ว !” จางหยูตื่นเต้นขึ้นมา “ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าวิธี
พัฒนาอาณาเขต มันจะง่ายดายถึงเพียงนี้ !”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบเจ้าสำนัก