ระบบเจ้าสำนัก นิยาย บท 329
ตอนที่ 329 ตัวตนที่น่ากลัว
“เจ้าอยากกินทันทีที่ตื่น เจ้าไม่คิดอย่างอื่นนอกจากกินเลยรึไง?”
จางหยูไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี จางหยูส่ายหน้าและลูบเขาของ
นาง ก่อนจะบอกกับโหวเทียนหมาง “ท่านโหว ข้าคงต้องรบกวนให้
ท่านทำอาหารให้กับนางด้วย”
โหวเทียนหมางอ้ำอึ้ง “ได้ ได้”
การเรียกของจางหยูเหมือนกับเคารพเขา ทำให้เขาตื่นเต้นจนถึงกับ
ตัวสั่น ต้องรู้ก่อนว่าหลินจื้อเป่ ยและคนอื่น ๆ ก็ยังไม่ได้ถูกจางหยู
เรียกว่าท่านแบบนี้
จากจุดนี้โหวเทียนหมางก็ภูมิใจขึ้นมา
หลินจื้อเป่ ยและคนอื่น ๆ มองโหวเทียนหมางด้วยสายตาอิจฉา
เมื่อเห็นว่าโหวเทียนหมางรีบออกไป จางหยูก็ยิ้มและบอกกับเสี่ยว
หร่าน “เด็กน้อย ไม่ต้องกังวลไป เดี๋ยวเจ้าก็จะได้ของกิน”
เซียวเหยียน โจวซินเอ๋อร์ และคนอื่น ๆ ต่างก็มองหน้ากัน เซียวเหยียน
ถามขึ้นมาเบา ๆ “อาจารย์ ท่านบอกว่ามังกรโลหิตอ่อนแอไม่ใช่รึ ?
แล้วทำไมข้าถึงมองระดับของเสี่ยวหร่านไม่ได้เลย ?”
เมื่อได้ยินแบบนั้น โอวเสินเฟิงก็แสดงท่าทีสงสัยและเคร่งเครียดขึ้นมา
“เจ้ามองนางไม่ออกเป็นเรื่องธรรมดาเพราะระดับการบ่มเพาะของ
นาง…ขึ้นไปถึงขอบเขตตันซวนขั้นสูงแล้ว”
“ขอบเขตตันซวนขั้นสูงรึ ?” เซียวเหยียนตะลึงไป “นี่….”
ใช้เวลานานแค่ไหนกัน กว่าที่เสี่ยวหร่านจะขึ้นมาถึงขอบเขตตันซวน
ได้ ?
น่าเหลือเชื่อ !
ต้องรู้ก่อนว่าความเร็วในการบ่มเพาะของเขาเร็วจนน่าเหลือเชื่อ หาก
มองทั้งทวีปป่ าแล้ว ไม่มีใครทัดเทียมกับเขาได้แต่หากเทียบกับ
เสี่ยวหร่านแล้ว เขายังด้อยกว่ามาก
“อันที่จริงข้าเองก็รู้สึกแปลก ๆ” โอวเสินเฟิงลังเลและคิ้วขมวด
“เท่าที่ข้ารู้มา มังกรโลหิตนั้นเปราะบางและยากที่จะเติบโตได้ แม้ว่า
จะเติบโตขึ้นมา แต่ก็อ่อนแออย่างมาก แม้แต่สัตว์อสูรทั่วไปก็ไม่
อาจจะยกมาเทียบได้ แต่มังกรโลหิตนี่….ไม่ใช่แค่อยู่ขอบเขตตัน
ซวนขั้นสูง แต่ยังมีพลังที่น่ากลัวต่างจากมังกรโลหิตในข่าวลืออย่าง
สิ้นเชิง เจ้าเห็นความเร็วนางหรือไม่? หากเอาก่อนฟื้นฟูพลังของข้า
เทียบ ข้ากลัวว่าข้าคงตามไม่ทัน”
โอวเสินเฟิงอยู่ขอบเขตหลิงซวนก่อนที่จะฟื้นฟูพลังกลับมา แต่เขาถึง
กับพูดออกมาตรง ๆ ว่าเขาไม่อาจที่จะเทียบความเร็วกับเสี่ยวหร่าน
ได้ !
โอวเสินเฟิงมองไปที่จางหยูและกระซิบออกมา “เจ้าสำนัก นี่มันเกิด
เรื่องอะไรขึ้นกัน ? ข่าวลือเป็นของปลอมรึ ?”
เซียวเหยียนและศิษย์คนอื่น ๆ รวมถึงหลินจื้อเป่ ย และคนอื่น ๆ ต่าง
ก็มองไปที่จางหยูด้วยความสงสัย
“พูดให้แม่นยำแล้ว ครึ่งหนึ่งของข่าวลือเป็นความจริง อีกครึ่งนั้น
โกหก” จางหยูยิ้มออกมา “มังกรโลหิตนั้นเปราะบางจริง และไม่ง่าย
ที่จะพัฒนาตัวเอง แต่มันไม่ได้หมายความว่ามังกรโลหิตนั้นอ่อนแอ
ในทางกลับกันแล้ว พลังของมังกรโลหิตนั้นน่ากลัวกว่าที่พวกเจ้า
คิด! มันไม่เกินไปที่จะบอกว่ามังกรสมมุติเทพด้อยกว่ามังกรโลหิต
อย่างมาก”
เมื่อได้ยินแบบนั้นโอวเสินเฟิงก็สงสัยขึ้นมา “จริงรึ ?”
มังกรสมมุติเทพคือมังกรที่สูงส่งที่สุดในเผ่ามังกร ยกเว้นแค่มังกร
บรรพกาลที่มีในเรื่องบังสวรรค์แล้ว ก็ไม่มีสิ่งมีชีวิตไหนในโลกที่
เทียบกับมังกรสมมุติเทพได้ แน่นอนใช่ว่าจะเหนือกว่าทุกอย่าง สัตว์
อสูรศักด์ิสิทธ์ิระดับสูงอย่างหมาป่ าละโมบ สัตว์อสูรกลืนสวรรค์
จิ้งจอกเวทย์ เผิงปี กทองคำเองก็ใช่ว่าจะอ่อนแอกว่ามังกรสมมุติเทพ
แต่สัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิเหล่านั้นหายาก ในแต่ละยุคมันจะมีเพียงตัว
เดียว สัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิไม่อาจจะมีเป็นกลุ่มได้ แม้แต่พวกลูกหลาน
ก็ไม่อาจจะสืบทอดสายเลือดที่สมบูรณ์ได้ มังกรสมมุติเทพนั้นมีอยู่
ทุกยุคสมัย และมันก็อยู่ระดับสูงสุดของเผ่ามังกร
เพราะเหตุผลนี้ เผ่ามังกรจึงแข็งแกร่งเหนือผู้ใดมาตลอดหลายปี และ
นั่นทำให้มนุษย์กับสัตว์อสูรไม่กล้าไปหาเรื่องเผ่ามังกร
“มังกรสมมุติเทพถือว่าเป็นราชวงศ์ของเผ่ามังกร มังกรโลหิตไม่น่าจะ
แข็งแกร่งกว่ามังกรสมมุติเทพไม่ใช่รึ?” หลินจื้อเป่ ยไม่เชื่อ
พวกเขาไม่เคยได้ยินข่าวลือมา และพวกเขาไม่รู้ว่าข่าวลือนั้นจริง
หรือไม่ บางทีมังกรโลหิตอาจจะแข็งแกร่งจริง ๆ แต่การที่แข็งแกร่ง
กว่ามังกรสมมุติเทพนั้นพวกเขาไม่เชื่อ ยังไงซะนั่นก็คือมังกรสมมุติ
เทพ มังกรที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นตัวตนที่สูงส่งที่สุดจากหมู่มนุษย์,
สัตว์อสูรและมังกร ไม่งั้นแล้วคงเป็นไปไม่ได้ที่มังกรสมมุติเทพจะ
ถือว่าเป็นราชวงศ์ของเผ่ามังกรมาหลายยุคสมัย
“ไม่ใช่เช่นนั้น” จางหยูยิ้มออกมา “แต่มันเพราะผู้คนยังไม่รู้ถึงพลัง
ของมังกรโลหิต แม้แต่มังกรโลหิตในอดีตก็ไม่รู้ถึงความสามารถ
ของตัวเอง ในอดีตนั้นไม่เคยมีมังกรโลหิตที่เติบโตขึ้นมา นี่ไม่ต้อง
พูดถึงเรื่องการที่จะแข็งแกร่งเลย…พวกนั้นหาทางเอาตัวรอดยัง
ไม่ได้ด้วยซ้ำ”
เขามองไปรอบ ๆ และพูดต่อ “ข้าแค่โชคดีที่ได้เจอกับเจ้าตัวน้อยนี่
มันบังเอิญที่ข้ารู้ถึงความสามารถของมังกรโลหิต ดังนั้นข้าจึงไม่
อาจจะทิ้งนางได้”
โอวเสินเฟิงและคนอื่น ๆ ไม่คิดสงสัยในสิ่งที่จางหยูพูด พวกเขาแค่
รู้สึกว่าเรื่องนี้มันน่าตกใจและน่าเหลือเชื่อก็เท่านั้น
“เจ้าสำนัก มังกรโลหิตมีความสามารถพิเศษอะไร ?” เซียวเหยียน
ถามด้วยความสงสัย
เมื่อได้ยินคำถามนั้น คนที่เหลือต่างก็มองมาที่จางหยู แต่จางหยูไม่ได้
ตอบคำถาม เขากลับส่ายหน้าแทน “มันมีความสามารถพิเศษของ
มังกรโลหิต หลังจากนี้พวกเจ้าจะรู้เอง ตอนนี้…เพื่อความปลอดภัย
ของเสี่ยวหร่านแล้ว ข้าไม่อาจจะพูดถึงมันได้” ตอนนี้นางเพิ่งจะ
เติบโต นางยังสามารถพัฒนาขึ้นไปได้อีกมาก หากความสามารถ
ของมังกรโลหิตรั่วไหลออกไป จางหยูกลัวว่ามังกรสมมุติเทพ ซึ่งคิด
จะรักษาตำแหน่งของตัวเองเอาไว้ คงไม่ปล่อยนางไป
จากคำตอบของจางหยูนั้น ทุกคนก็พากันผิดหวัง แต่เมื่อจางหยูไม่
พูด พวกเขาก็ไม่อาจจะบังคับอะไรจางหยูได้
“ฮ่าฮ่า ทุกคนไม่ต้องกังวลไป เสี่ยวหร่านจะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
ตอนนั้นทุกคนจะรู้เองว่านางมีความสามารถอะไร พวกเจ้าสบายใจ
ได้ เวลาที่ว่าจะผ่านไปอย่างรวดเร็วและพวกเจ้าคงรอกันไม่นาน”
จางหยูยิ้มออกมา เขามั่นใจในตัวเสี่ยวหร่าน ขนาดมีสายเลือดสัตว์
อสูรศักด์ิสิทธ์ิเพียง 9 ชนิด นางยังแข็งแกร่งได้ขนาดนี้ หากให้เวลา
นางมากกว่านี้เพื่อเก็บสายเลือดสัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิ เสี่ยวหร่านจะ
แข็งแกร่งแค่ไหน นางอาจจะเติบโตเป็นสัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิที่แข็งแกร่ง
ที่สุดในโลกก็ได้
เมื่อถึงตอนนั้นคนทั้งโลกจะรู้ว่า สัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิที่แข็งแกร่งและ
น่ากลัวที่สุดในโลกนั้นคือ….มังกรโลหิต !
ยิ่งจางหยูพูดเท่าไหร่ ผู้คนก็ยิ่งสงสัยมากขึ้นเท่านั้น
“เอาล่ะทุกคนแยกย้ายกันได้ เรื่องนี้พวกเจ้าควรเก็บเป็นความลับ”
จางหยูเตือนอีกรอบ
ตอนที่เสี่ยวหร่านโผล่มา…จางหยูก็รู้ว่าคงไม่อาจปกปิดความลับนี้
จากเผ่ามังกรได้นานนัก ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคือปกปิดข่าวนี้เอาไว้ให้
นานที่สุด เพื่อไม่ให้ดึงเผ่ามังกรมาที่นี่
ทุกคนต่างก็พากันพยักหน้า “ได้ !”
หลังจากนั้นสักพัก ทุกคนก็แยกย้ายกันออกจากบ้าน เหลือทิ้งไว้
เพียงแค่จางหยูและเสี่ยวหร่าน ไม่สิ ยังมีเสี่ยวเฉียงอยู่ด้วย !
“โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง “เสี่ยวเฉียงวิ่งมานั่งตรงเท้าจางหยูและส่ายหางไปมา
เสี่ยวเฉียงคอยดูแลข้างกายเสี่ยวหร่านมาโดยตลอด
“ท่านพี่ ใช้เวลานานแค่ไหนกัน? ท้องของเสี่ยวหร่านหิวแล้ว !”
เสี่ยวหร่านพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าน่าสงสาร
“มันใช้เวลาสักพักกว่าจะทำอาหารเสร็จ เจ้าตัวน้อย รอไปก่อน ไม่
ต้องกังวล” จางหยูอดตลกไม่ได้ เขามองไปที่เสี่ยวหร่านพร้อมกับ
ข้อมูลที่ปรากฏขึ้นมาในหัว
***
เสี่ยวหร่าน
เพศ : หญิง
อายุ : 3 ปี
พรสวรรค์ทางกายภาพ : สายเลือดมังกรกลายพันธุ์ (ทำงาน), สาย
เลือดเผิงปีกทองคำ (ทำงาน), สายเลือดจิ้งจอกเวทย์ (ทำงาน),
สายเลือดมังกรเพลิง (ทำงาน), สายเลือดกิ้งก่าหลากสี (ทำงาน),
สายเลือดอินทรีย์ปีกทอง (ยังไม่ทำงาน)…. 5 ดาวขั้นต่ำ (พัฒนาได้)
พรสวรรค์ในการรับรู้ : ไม่มี
พรสวรรค์พิเศษ : ดูดกลืนสายเลือด (6 ดาว), ควบคุมมิติ (4 ดาว),
ภาพลวงตา (5 ดาว), มังกรเพลิง (5 ดาว), เปลี่ยนร่าง (2 ดาว), ควบคุม
ลม (5ดาว)
ขอบเขต : ตันซวนขั้นสูง
ทักษะ : ดูดกลืนสายเลือด 6 ดาว, ควบคุมมิติ 3 ดาว, ภาพลวงตา 3 ดาว
สถานะ : ช่วงเติบโต
***
“พรสวรรค์ทางกายภาพเพิ่มเป็น 5 ดาวขั้นต่ำ” จางหยูตาเป็นประกาย
ขึ้นมา “5 ดาวขั้นต่ำ ต่อให้ไม่มีดูดกลืนสายเลือด แต่อาศัยแค่พรสวรรค์
ทางกายภาพ เจ้าตัวน้อยก็สามารถบ่มเพาะไปถึงขอบเขตหลี่ซวนขั้น
ต่ำได้”
พรสวรรค์ทางกายภาพไม่ได้เป็นตัวแทนของขีดจำกัด แต่ตัวกำหนด
ความเร็ว หากมีทรัพยากรมากพอ นางก็สามารถบ่มเพาะขึ้นไปยัง
ขอบเขตหลี่ซวนขั้นต่ำได้ หากไม่ได้มีเหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้น ก็ยังมี
หวังที่จะขึ้นไปยังระดับที่สูงกว่านี้ แต่นั่นก็แค่ความหวัง
“ตอนที่ข้าเจอนางครั้งแรก พรสวรรค์ทางกายภาพของนางอยู่แค่ 3
ดาวขั้นสูง การมีสายเลือดสัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิ 9 ชนิด ทำให้พรสวรรค์
นั่นเพิ่มมาเป็น 5 ดาวขั้นต่ำได้” จางหยูอดทึ่งไม่ได้ “ไม่ใช่แค่พรสวรรค์
ทางกายภาพที่พัฒนาขึ้นมา แต่ความสามารถในการควบคุมมิติและ
ภาพลวงตาก็พัฒนาขึ้นมา 1 ดาวด้วย ฐานการบ่มเพาะของนางขึ้น
มาถึงขอบเขตตันซวนขั้นสูงด้วย….”
ตอนนี้แม้ว่าจะมีความฉลาดเท่ากับเด็กน้อย แต่ความแข็งแกร่งของ
นางใช่ว่าจะมองข้ามได้ !
ขอบเขตตันซวนขั้นสูงนี้ เท่าเทียมกับมังกรแดงและอินทรีย์ปีกฟ้า
ในอีกความหมายคือตอนนี้เสี่ยวหร่านคือเจ้าแห่งเขตมืด !
เจ้าแห่งเขตมืดที่อายุแค่ 3 ปี แม้แต่กูเฉินก็ไม่ได้แข็งแกร่งเช่นนี้ตอน
ยังเด็ก !
“ตอนที่ข้าเพิ่มสายเลือดให้กับนาง นางก็จะแข็งแกร่งขึ้น” จางหยูยิ้ม
ออกมา “สายเลือดสัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิ 12 ชนิด ข้าอยากรู้จริง ๆ ว่า
หลังจากที่กระตุ้นสายเลือดทั้งหมดขึ้นมาได้ ความแข็งแกร่งของนาง
จะเพิ่มขึ้นไปถึงระดับไหน !”
ตอนนี้เสี่ยวหร่านไม่ได้อ่อนแอ ด้วยการควบคุมมิติ, ภาพลวงตารวม
ไปถึงขอบเขตการบ่มเพาะของนางแล้ว มีสัตว์อสูรขอบเขตหลิงซวน
ไม่กี่ตัวเท่านั้น ที่จะเป็นภัยต่อนางได้ และตอนที่นางกระตุ้นสายเลือด
สัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิทั้ง 12 ชนิดขึ้นมา แม้แต่มังกรสมมุติเทพก็อาจจะ
ไม่ใช่คู่มือของนาง
สายเลือดของสัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิเริ่มแสดงความน่ากลัวของนางออก
มาแล้ว !
“เจ้าอยากกินทันทีที่ตื่น เจ้าไม่คิดอย่างอื่นนอกจากกินเลยรึไง?”
จางหยูไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี จางหยูส่ายหน้าและลูบเขาของ
นาง ก่อนจะบอกกับโหวเทียนหมาง “ท่านโหว ข้าคงต้องรบกวนให้
ท่านทำอาหารให้กับนางด้วย”
โหวเทียนหมางอ้ำอึ้ง “ได้ ได้”
การเรียกของจางหยูเหมือนกับเคารพเขา ทำให้เขาตื่นเต้นจนถึงกับ
ตัวสั่น ต้องรู้ก่อนว่าหลินจื้อเป่ ยและคนอื่น ๆ ก็ยังไม่ได้ถูกจางหยู
เรียกว่าท่านแบบนี้
จากจุดนี้โหวเทียนหมางก็ภูมิใจขึ้นมา
หลินจื้อเป่ ยและคนอื่น ๆ มองโหวเทียนหมางด้วยสายตาอิจฉา
เมื่อเห็นว่าโหวเทียนหมางรีบออกไป จางหยูก็ยิ้มและบอกกับเสี่ยว
หร่าน “เด็กน้อย ไม่ต้องกังวลไป เดี๋ยวเจ้าก็จะได้ของกิน”
เซียวเหยียน โจวซินเอ๋อร์ และคนอื่น ๆ ต่างก็มองหน้ากัน เซียวเหยียน
ถามขึ้นมาเบา ๆ “อาจารย์ ท่านบอกว่ามังกรโลหิตอ่อนแอไม่ใช่รึ ?
แล้วทำไมข้าถึงมองระดับของเสี่ยวหร่านไม่ได้เลย ?”
เมื่อได้ยินแบบนั้น โอวเสินเฟิงก็แสดงท่าทีสงสัยและเคร่งเครียดขึ้นมา
“เจ้ามองนางไม่ออกเป็นเรื่องธรรมดาเพราะระดับการบ่มเพาะของ
นาง…ขึ้นไปถึงขอบเขตตันซวนขั้นสูงแล้ว”
“ขอบเขตตันซวนขั้นสูงรึ ?” เซียวเหยียนตะลึงไป “นี่….”
ใช้เวลานานแค่ไหนกัน กว่าที่เสี่ยวหร่านจะขึ้นมาถึงขอบเขตตันซวน
ได้ ?
น่าเหลือเชื่อ !
ต้องรู้ก่อนว่าความเร็วในการบ่มเพาะของเขาเร็วจนน่าเหลือเชื่อ หาก
มองทั้งทวีปป่ าแล้ว ไม่มีใครทัดเทียมกับเขาได้แต่หากเทียบกับ
เสี่ยวหร่านแล้ว เขายังด้อยกว่ามาก
“อันที่จริงข้าเองก็รู้สึกแปลก ๆ” โอวเสินเฟิงลังเลและคิ้วขมวด
“เท่าที่ข้ารู้มา มังกรโลหิตนั้นเปราะบางและยากที่จะเติบโตได้ แม้ว่า
จะเติบโตขึ้นมา แต่ก็อ่อนแออย่างมาก แม้แต่สัตว์อสูรทั่วไปก็ไม่
อาจจะยกมาเทียบได้ แต่มังกรโลหิตนี่….ไม่ใช่แค่อยู่ขอบเขตตัน
ซวนขั้นสูง แต่ยังมีพลังที่น่ากลัวต่างจากมังกรโลหิตในข่าวลืออย่าง
สิ้นเชิง เจ้าเห็นความเร็วนางหรือไม่? หากเอาก่อนฟื้นฟูพลังของข้า
เทียบ ข้ากลัวว่าข้าคงตามไม่ทัน”
โอวเสินเฟิงอยู่ขอบเขตหลิงซวนก่อนที่จะฟื้นฟูพลังกลับมา แต่เขาถึง
กับพูดออกมาตรง ๆ ว่าเขาไม่อาจที่จะเทียบความเร็วกับเสี่ยวหร่าน
ได้ !
โอวเสินเฟิงมองไปที่จางหยูและกระซิบออกมา “เจ้าสำนัก นี่มันเกิด
เรื่องอะไรขึ้นกัน ? ข่าวลือเป็นของปลอมรึ ?”
เซียวเหยียนและศิษย์คนอื่น ๆ รวมถึงหลินจื้อเป่ ย และคนอื่น ๆ ต่าง
ก็มองไปที่จางหยูด้วยความสงสัย
“พูดให้แม่นยำแล้ว ครึ่งหนึ่งของข่าวลือเป็นความจริง อีกครึ่งนั้น
โกหก” จางหยูยิ้มออกมา “มังกรโลหิตนั้นเปราะบางจริง และไม่ง่าย
ที่จะพัฒนาตัวเอง แต่มันไม่ได้หมายความว่ามังกรโลหิตนั้นอ่อนแอ
ในทางกลับกันแล้ว พลังของมังกรโลหิตนั้นน่ากลัวกว่าที่พวกเจ้า
คิด! มันไม่เกินไปที่จะบอกว่ามังกรสมมุติเทพด้อยกว่ามังกรโลหิต
อย่างมาก”
เมื่อได้ยินแบบนั้นโอวเสินเฟิงก็สงสัยขึ้นมา “จริงรึ ?”
มังกรสมมุติเทพคือมังกรที่สูงส่งที่สุดในเผ่ามังกร ยกเว้นแค่มังกร
บรรพกาลที่มีในเรื่องบังสวรรค์แล้ว ก็ไม่มีสิ่งมีชีวิตไหนในโลกที่
เทียบกับมังกรสมมุติเทพได้ แน่นอนใช่ว่าจะเหนือกว่าทุกอย่าง สัตว์
อสูรศักด์ิสิทธ์ิระดับสูงอย่างหมาป่ าละโมบ สัตว์อสูรกลืนสวรรค์
จิ้งจอกเวทย์ เผิงปี กทองคำเองก็ใช่ว่าจะอ่อนแอกว่ามังกรสมมุติเทพ
แต่สัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิเหล่านั้นหายาก ในแต่ละยุคมันจะมีเพียงตัว
เดียว สัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิไม่อาจจะมีเป็นกลุ่มได้ แม้แต่พวกลูกหลาน
ก็ไม่อาจจะสืบทอดสายเลือดที่สมบูรณ์ได้ มังกรสมมุติเทพนั้นมีอยู่
ทุกยุคสมัย และมันก็อยู่ระดับสูงสุดของเผ่ามังกร
เพราะเหตุผลนี้ เผ่ามังกรจึงแข็งแกร่งเหนือผู้ใดมาตลอดหลายปี และ
นั่นทำให้มนุษย์กับสัตว์อสูรไม่กล้าไปหาเรื่องเผ่ามังกร
“มังกรสมมุติเทพถือว่าเป็นราชวงศ์ของเผ่ามังกร มังกรโลหิตไม่น่าจะ
แข็งแกร่งกว่ามังกรสมมุติเทพไม่ใช่รึ?” หลินจื้อเป่ ยไม่เชื่อ
พวกเขาไม่เคยได้ยินข่าวลือมา และพวกเขาไม่รู้ว่าข่าวลือนั้นจริง
หรือไม่ บางทีมังกรโลหิตอาจจะแข็งแกร่งจริง ๆ แต่การที่แข็งแกร่ง
กว่ามังกรสมมุติเทพนั้นพวกเขาไม่เชื่อ ยังไงซะนั่นก็คือมังกรสมมุติ
เทพ มังกรที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นตัวตนที่สูงส่งที่สุดจากหมู่มนุษย์,
สัตว์อสูรและมังกร ไม่งั้นแล้วคงเป็นไปไม่ได้ที่มังกรสมมุติเทพจะ
ถือว่าเป็นราชวงศ์ของเผ่ามังกรมาหลายยุคสมัย
“ไม่ใช่เช่นนั้น” จางหยูยิ้มออกมา “แต่มันเพราะผู้คนยังไม่รู้ถึงพลัง
ของมังกรโลหิต แม้แต่มังกรโลหิตในอดีตก็ไม่รู้ถึงความสามารถ
ของตัวเอง ในอดีตนั้นไม่เคยมีมังกรโลหิตที่เติบโตขึ้นมา นี่ไม่ต้อง
พูดถึงเรื่องการที่จะแข็งแกร่งเลย…พวกนั้นหาทางเอาตัวรอดยัง
ไม่ได้ด้วยซ้ำ”
เขามองไปรอบ ๆ และพูดต่อ “ข้าแค่โชคดีที่ได้เจอกับเจ้าตัวน้อยนี่
มันบังเอิญที่ข้ารู้ถึงความสามารถของมังกรโลหิต ดังนั้นข้าจึงไม่
อาจจะทิ้งนางได้”
โอวเสินเฟิงและคนอื่น ๆ ไม่คิดสงสัยในสิ่งที่จางหยูพูด พวกเขาแค่
รู้สึกว่าเรื่องนี้มันน่าตกใจและน่าเหลือเชื่อก็เท่านั้น
“เจ้าสำนัก มังกรโลหิตมีความสามารถพิเศษอะไร ?” เซียวเหยียน
ถามด้วยความสงสัย
เมื่อได้ยินคำถามนั้น คนที่เหลือต่างก็มองมาที่จางหยู แต่จางหยูไม่ได้
ตอบคำถาม เขากลับส่ายหน้าแทน “มันมีความสามารถพิเศษของ
มังกรโลหิต หลังจากนี้พวกเจ้าจะรู้เอง ตอนนี้…เพื่อความปลอดภัย
ของเสี่ยวหร่านแล้ว ข้าไม่อาจจะพูดถึงมันได้” ตอนนี้นางเพิ่งจะ
เติบโต นางยังสามารถพัฒนาขึ้นไปได้อีกมาก หากความสามารถ
ของมังกรโลหิตรั่วไหลออกไป จางหยูกลัวว่ามังกรสมมุติเทพ ซึ่งคิด
จะรักษาตำแหน่งของตัวเองเอาไว้ คงไม่ปล่อยนางไป
จากคำตอบของจางหยูนั้น ทุกคนก็พากันผิดหวัง แต่เมื่อจางหยูไม่
พูด พวกเขาก็ไม่อาจจะบังคับอะไรจางหยูได้
“ฮ่าฮ่า ทุกคนไม่ต้องกังวลไป เสี่ยวหร่านจะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
ตอนนั้นทุกคนจะรู้เองว่านางมีความสามารถอะไร พวกเจ้าสบายใจ
ได้ เวลาที่ว่าจะผ่านไปอย่างรวดเร็วและพวกเจ้าคงรอกันไม่นาน”
จางหยูยิ้มออกมา เขามั่นใจในตัวเสี่ยวหร่าน ขนาดมีสายเลือดสัตว์
อสูรศักด์ิสิทธ์ิเพียง 9 ชนิด นางยังแข็งแกร่งได้ขนาดนี้ หากให้เวลา
นางมากกว่านี้เพื่อเก็บสายเลือดสัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิ เสี่ยวหร่านจะ
แข็งแกร่งแค่ไหน นางอาจจะเติบโตเป็นสัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิที่แข็งแกร่ง
ที่สุดในโลกก็ได้
เมื่อถึงตอนนั้นคนทั้งโลกจะรู้ว่า สัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิที่แข็งแกร่งและ
น่ากลัวที่สุดในโลกนั้นคือ….มังกรโลหิต !
ยิ่งจางหยูพูดเท่าไหร่ ผู้คนก็ยิ่งสงสัยมากขึ้นเท่านั้น
“เอาล่ะทุกคนแยกย้ายกันได้ เรื่องนี้พวกเจ้าควรเก็บเป็นความลับ”
จางหยูเตือนอีกรอบ
ตอนที่เสี่ยวหร่านโผล่มา…จางหยูก็รู้ว่าคงไม่อาจปกปิดความลับนี้
จากเผ่ามังกรได้นานนัก ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคือปกปิดข่าวนี้เอาไว้ให้
นานที่สุด เพื่อไม่ให้ดึงเผ่ามังกรมาที่นี่
ทุกคนต่างก็พากันพยักหน้า “ได้ !”
หลังจากนั้นสักพัก ทุกคนก็แยกย้ายกันออกจากบ้าน เหลือทิ้งไว้
เพียงแค่จางหยูและเสี่ยวหร่าน ไม่สิ ยังมีเสี่ยวเฉียงอยู่ด้วย !
“โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง “เสี่ยวเฉียงวิ่งมานั่งตรงเท้าจางหยูและส่ายหางไปมา
เสี่ยวเฉียงคอยดูแลข้างกายเสี่ยวหร่านมาโดยตลอด
“ท่านพี่ ใช้เวลานานแค่ไหนกัน? ท้องของเสี่ยวหร่านหิวแล้ว !”
เสี่ยวหร่านพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าน่าสงสาร
“มันใช้เวลาสักพักกว่าจะทำอาหารเสร็จ เจ้าตัวน้อย รอไปก่อน ไม่
ต้องกังวล” จางหยูอดตลกไม่ได้ เขามองไปที่เสี่ยวหร่านพร้อมกับ
ข้อมูลที่ปรากฏขึ้นมาในหัว
***
เสี่ยวหร่าน
เพศ : หญิง
อายุ : 3 ปี
พรสวรรค์ทางกายภาพ : สายเลือดมังกรกลายพันธุ์ (ทำงาน), สาย
เลือดเผิงปีกทองคำ (ทำงาน), สายเลือดจิ้งจอกเวทย์ (ทำงาน),
สายเลือดมังกรเพลิง (ทำงาน), สายเลือดกิ้งก่าหลากสี (ทำงาน),
สายเลือดอินทรีย์ปีกทอง (ยังไม่ทำงาน)…. 5 ดาวขั้นต่ำ (พัฒนาได้)
พรสวรรค์ในการรับรู้ : ไม่มี
พรสวรรค์พิเศษ : ดูดกลืนสายเลือด (6 ดาว), ควบคุมมิติ (4 ดาว),
ภาพลวงตา (5 ดาว), มังกรเพลิง (5 ดาว), เปลี่ยนร่าง (2 ดาว), ควบคุม
ลม (5ดาว)
ขอบเขต : ตันซวนขั้นสูง
ทักษะ : ดูดกลืนสายเลือด 6 ดาว, ควบคุมมิติ 3 ดาว, ภาพลวงตา 3 ดาว
สถานะ : ช่วงเติบโต
***
“พรสวรรค์ทางกายภาพเพิ่มเป็น 5 ดาวขั้นต่ำ” จางหยูตาเป็นประกาย
ขึ้นมา “5 ดาวขั้นต่ำ ต่อให้ไม่มีดูดกลืนสายเลือด แต่อาศัยแค่พรสวรรค์
ทางกายภาพ เจ้าตัวน้อยก็สามารถบ่มเพาะไปถึงขอบเขตหลี่ซวนขั้น
ต่ำได้”
พรสวรรค์ทางกายภาพไม่ได้เป็นตัวแทนของขีดจำกัด แต่ตัวกำหนด
ความเร็ว หากมีทรัพยากรมากพอ นางก็สามารถบ่มเพาะขึ้นไปยัง
ขอบเขตหลี่ซวนขั้นต่ำได้ หากไม่ได้มีเหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้น ก็ยังมี
หวังที่จะขึ้นไปยังระดับที่สูงกว่านี้ แต่นั่นก็แค่ความหวัง
“ตอนที่ข้าเจอนางครั้งแรก พรสวรรค์ทางกายภาพของนางอยู่แค่ 3
ดาวขั้นสูง การมีสายเลือดสัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิ 9 ชนิด ทำให้พรสวรรค์
นั่นเพิ่มมาเป็น 5 ดาวขั้นต่ำได้” จางหยูอดทึ่งไม่ได้ “ไม่ใช่แค่พรสวรรค์
ทางกายภาพที่พัฒนาขึ้นมา แต่ความสามารถในการควบคุมมิติและ
ภาพลวงตาก็พัฒนาขึ้นมา 1 ดาวด้วย ฐานการบ่มเพาะของนางขึ้น
มาถึงขอบเขตตันซวนขั้นสูงด้วย….”
ตอนนี้แม้ว่าจะมีความฉลาดเท่ากับเด็กน้อย แต่ความแข็งแกร่งของ
นางใช่ว่าจะมองข้ามได้ !
ขอบเขตตันซวนขั้นสูงนี้ เท่าเทียมกับมังกรแดงและอินทรีย์ปีกฟ้า
ในอีกความหมายคือตอนนี้เสี่ยวหร่านคือเจ้าแห่งเขตมืด !
เจ้าแห่งเขตมืดที่อายุแค่ 3 ปี แม้แต่กูเฉินก็ไม่ได้แข็งแกร่งเช่นนี้ตอน
ยังเด็ก !
“ตอนที่ข้าเพิ่มสายเลือดให้กับนาง นางก็จะแข็งแกร่งขึ้น” จางหยูยิ้ม
ออกมา “สายเลือดสัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิ 12 ชนิด ข้าอยากรู้จริง ๆ ว่า
หลังจากที่กระตุ้นสายเลือดทั้งหมดขึ้นมาได้ ความแข็งแกร่งของนาง
จะเพิ่มขึ้นไปถึงระดับไหน !”
ตอนนี้เสี่ยวหร่านไม่ได้อ่อนแอ ด้วยการควบคุมมิติ, ภาพลวงตารวม
ไปถึงขอบเขตการบ่มเพาะของนางแล้ว มีสัตว์อสูรขอบเขตหลิงซวน
ไม่กี่ตัวเท่านั้น ที่จะเป็นภัยต่อนางได้ และตอนที่นางกระตุ้นสายเลือด
สัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิทั้ง 12 ชนิดขึ้นมา แม้แต่มังกรสมมุติเทพก็อาจจะ
ไม่ใช่คู่มือของนาง
สายเลือดของสัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิเริ่มแสดงความน่ากลัวของนางออก
มาแล้ว !
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบเจ้าสำนัก