ระบบเจ้าสำนัก นิยาย บท 331

ตอนที่ 331 การเปลี่ยนร่างของทั้งคู่
“จากที่เซี่ยเฟิงบอกมา ผู้อาวุโสนั้นเรียกว่าเซียนกระบี่พเนจร เป็น
พวกระดับสูงสุดของมนุษย์” ไป่ หลิงพูดขึ้นและดูท่าทีของกูเฉิน
กูเฉินเลิกคิ้ว “เซียนกระบี่พเนจรรึ ?”
มนุษย์มีระดับสูงสุดแค่ 4 คน เขาเคยเห็นทุกคนมาแล้ว และรู้จักชื่อ
พวกนั้น แต่เขาจำไม่ได้ว่ามีเซียนกระบี่พเนจรอยู่ด้วย
เซี่ยเฟิงโกหก หรือว่า…เผ่ามนุษย์ปิดบังพวกระดับสูงคนอื่น ๆ ไว้
“เซี่ยเฟิงโกหกรึ ?” ไป่หลิงลังเล
“อาจจะไม่เป็นเช่นนั้น” กูเฉินส่ายหน้า “ข้าไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีอยู่จริง มันก็เหมือนเจ้าสำนัก ข้า
เพิ่งจะรับรู้ตัวตนของเขาเมื่อไม่นานมานี้และความแข็งแกร่งของเจ้า
สำนักนั้น…คงได้แต่อธิบายว่าไร้เทียมทาน”
ก่อนที่จะได้เจอกับจางหยู กูเฉินเชื่อว่ามนุษย์มีพวกระดับสูงอยู่แค่ 4
คน แต่ตอนนี้เขาเริ่มไม่มั่นใจแล้ว
ในเมื่อเผ่ามนุษย์ปิดบังตัวตนที่น่ากลัวอย่างจางหยูได้ ก็ไม่แปลก
อะไรที่จะปิดบังยอดฝีมือคนอื่น ๆ ไว้
เซียนกระบี่พเนจร ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นพวกระดับสูงของเผ่ามนุษย์ที่
เร้นกายจากโลก!
“ว่าต่อ” กูเฉินแสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมา
ไป่ หลิงพยักหน้าและพูดขึ้นมา “ตามที่เซี่ยเฟิงบอกมา เซียนกระบี่
พเนจรคือพวกระดับสูงสุด เจ้าสำนักรู้สึกว่าตนโดนเรียกชื่อ จึงได้
ปรากฏตัวขึ้นมาตรงหน้าเซียนกระบี่พเนจร ด้วยวิธีที่น่าเหลือเชื่อ”
“แบบไหนกัน ?”
“เซี่ยเฟิงบอกว่า เจ้าสำนักไม่ได้มาด้วยตัวเอง แต่เป็นการสร้างใบหน้า
ขนาดใหญ่ขึ้นมาบนท้องฟ้า” ไป่ หลิงลังเลและพูดต่อ “ตอนที่เซียน
กระบี่พเนจรเรียกชื่อเจ้าสำนัก เจ้าสำนักก็ไม่พอใจเป็นอย่างมาก
ดังนั้นเจ้าสำนักจึงมาที่นั่น และทำให้เซียนกระบี่พเนจรบาดเจ็บด้วย
การมอง”
“แค่มองรึ ?!” กูเฉินใจเต้นรัว
บางคนคงไม่เชื่อ แค่การมองก็ทำให้พวกระดับสูงสุดบาดเจ็บได้ มัน
จะเป็นไปได้ยังไง ?
เขาอยากให้เซี่ยเฟิงโกหกมากกว่า เพราะเขาไม่อาจจะทำใจเชื่อได้ว่า
จางหยูจะแข็งแกร่งขนาดนั้น
“หากเขาพูดความจริง งั้นเจ้าสำนัก…” กูเฉินอดไม่ได้ที่จะตะลึง
“มันยากที่จะคิดได้ว่าเจ้าสำนักแข็งแกร่งเพียงใด”
ทุกอย่างที่ไป่ หลิงบอกมานั้นทำให้กูเฉินต้องตะลึง เขาอยากจะรู้ว่า
มันเป็นจริงหรือไม่ ที่ว่าเจ้าสำนักมีความแข็งแกร่งถึงระดับนั้น
“ตามที่เด็กนั่นบอก เจ้าสำนักได้ก้าวข้ามขอบเขตตุ้นซวนไปแล้ว!” กู
เฉินยากจะใจเย็นลงได้ “แต่ว่า…พวกระดับสูงไม่ใช่ตัวตนที่แข็งแกร่ง
ที่สุดรึ ?”
แม้แต่ราชามังกรก็ไม่อาจจะก้าวข้ามขอบเขตตุ้นซวนได้ ตามที่เซี่ย
เฟิงอธิบายออกมา วิธีที่จางหยูใช้นั้นแม้แต่พวกระดับสูงก็ไม่อาจจะ
ทำได้ !
“จริงสิ เซี่ยเฟิงก็ยังบอกว่า เซียนกระบี่พเนจรกำลังไปในที่ที่อันตราย
อย่างมาก แม้แต่เซียนกระบี่พเนจรก็ยังไม่มั่นใจว่าตัวเองจะรอด
กลับมา” ไป่ หลิงพูดขึ้น
“พวกระดับสูงที่ไม่มั่นใจว่าตัวเองจะรอดกลับมา เขา…เขาไปยังเขต
หวงห้ามรึ?” กูเฉินเดา
มีแค่เขตหวงห้ามเท่านั้นที่เป็นภัยต่อพวกระดับสูง อยู่ ๆ เขาก็คิดถึง
ตอนที่ว่า เจ้าสำนักต้องการให้เขาเข้าไปยังเขตหวงห้ามเพื่อเอาบาง
อย่าง เซียนกระบี่พเนจรเองก็เช่นกันรึ ?
กูเฉินเริ่มเชื่อว่าเซียนกระบี่พเนจรนั้นคือพวกระดับสูงจริง ๆ !
“ข้าเกรงว่าเซียนกระบี่พเนจรคงถูกบังคับ แต่ข้า…กลับปฏิเสธได้” กู
เฉินคิด
กูเฉินมองไปทางสำนักคังเฉียง และเริ่มสงสัยเรื่องความแข็งแกร่ง
ของจางหยูมากยิ่งขึ้น เขามั่นใจว่าจางหยูแข็งแกร่งกว่าเขา ไม่งั้นแล้ว
คงเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะพวกระดับสูงได้ด้วยการมอง พวก
ระดับสูงที่อ่อนแอแต่ก็ยังถือว่าเป็นพวกระดับสูง แม้ว่าราชามังกรจะ
ต้องการเอาชนะพวกระดับสูงที่ว่า แต่ก็ต้องมีการลงแรงกันบ้าง
“เจ้าสำนักไม่ใช่แค่แข็งแกร่งกว่าข้า แต่ถึงกับแข็งแกร่งกว่าราชามังกร
ด้วยซ้ำ!” กูเฉินคิด “ข้าไม่รู้ว่าเจ้าสำนักทะลวงผ่านเหนือขอบเขตตุ้น
ซวนได้จริงหรือไม่…”
เขาคิดว่าจางหยูก้าวข้ามขอบเขตตุ้นซวนไปแล้ว แต่ยังไม่มีหลักฐาน
มายืนยัน สิ่งเดียวที่เขามั่นใจคือ จางหยูแข็งแกร่งอย่างมาก และแม้แต่
ราชามังกรก็อาจจะไม่ใช่คู่มือของจางหยู
ตอนที่กูเฉินเดาความแข็งแกร่งของจางหยูอยู่นั้น อยู่ ๆ พลังในห้อง
โถงน้ำแข็งสองขุมก็ได้ระเบิดออกมา หลิงชี่รอบ ๆ พุ่งเข้าไปในโถง
น้ำแข็ง และลอยเข้าไปหาร่างของมังกรแดงและอินทรีย์ปีกฟ้า
“ทะลวงผ่านแล้ว” กูเฉินกลับมาได้สติและมองไปยังร่างทั้งสองใน
ห้องโถงน้ำแข็ง ก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมา
แทบจะพร้อมกันนั้น มังกรแดงและอินทรีย์ปีกฟ้า ก็ทะลวงผ่านขึ้น
ไปยังขอบเขตหลิงซวนได้
“ยอดเยี่ยม !” ไป่ หลิงมองไปยังทั้งสองด้วยสีหน้ายินดี
เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น กูเฉินไม่ได้หนีไปไหน
เขายังคงยืนรออยู่ด้านนอก เพื่อคอยดูแลมังกรแดงและอินทรีย์ปีกฟ้า
ยังไงซะเขาก็เป็นอาจารย์ของชั้นเรียนสัตว์อสูร และทั้งสองตัวนั่นก็
เป็นศิษย์ของเขา การที่ศิษย์ทะลวงผ่านขึ้นไปยังขอบเขตหลิงซวนได้
แน่นอนว่าเขาก็ต้องสนใจ
อีกด้านหนึ่ง อินทรีย์หิมะมองไปที่มังกรแดงและอินทรีย์ปีกฟ้าด้วย
สายตาอิจฉา “เจ้าหนูสองตัวนี่อาจจะเป็นสัตว์อสูรที่โชคดีที่สุด ใน
หมู่สัตว์อสูรภายในป่าหวงหยวน !”
ราชาสัตว์อสูรถึงกับคอยดูแลการทะลวงผ่านให้ มันจะเป็นเกียรติแค่
ไหน ?
เดาได้ว่า แม้แต่พวกขอบเขตหลี่ซวนในป่ าหวงหยวน ก็ยังไม่ได้รับ
การดูแลเช่นนี้
ไม่นานมังกรแดงและอินทรีย์ปีกฟ้า ต่างก็ควบแน่นฐานการบ่มเพาะ
ของตัวเอง แต่พวกนั้นยังไม่ลืมตา ร่างกายของพวกนั้นเต็มไปด้วย
ลำแสงอันงดงาม ครอบคลุมไปทั่วยอดเขา สร้างฉากอันน่าอัศจรรย์
ขึ้นมา
“ราชา !” ลูกน้องของมังกรแดงและอินทรีย์ปีกฟ้า ต่างก็ตื่นเต้นและ
มองดูฉากนี้ด้วยความภูมิใจ
หากมังกรแดงและอินทรีย์ปีกฟ้าทะลวงผ่านขึ้นไปยังขอบเขตหลิง
ซวนได้ ก็เป็นธรรมดาที่ฐานะของพวกมันจะเพิ่มขึ้นไปด้วย
เวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ ลำแสงหลากสีนั่นส่องสว่างออกมาอยู่นาน
และครอบคลุมไปทั่วยอดเขา…
ประมาณ 15 นาทีต่อมา ท่ามกลางแสงหลากสี อยู่ ๆ ก็เกิดการระเบิด
ของกลุ่มแสงขึ้นไปบนท้องฟ้า จนกลายเป็นสายรุ้ง ทุกคนต่างก็หันไป
สนใจสิ่งที่เกิดขึ้น แม้แต่กูเฉินก็อดไม่ได้ที่จะเดาะลิ้นด้วยความทึ่ง
“หึหึ ข้าคิดไม่ถึงว่าการเปลี่ยนร่างของทั้งสองจะทำให้เกิดเหตุการณ์
ประหลาดแบบนี้ขึ้น”
น่าเสียดายที่ฉากแบบนี้คงอยู่ไม่นาน หลังจากนั้นแค่อึดใจเดียว แสง
หลากสีนั้นก็หายไปและสายรุ้งเองก็หายไปด้วย
“ฮ่าฮ่า !” เสียงหัวเราะของมังกรแดงดังขึ้นมาจากห้องโถง
“ในที่สุดข้าก็ทะลวงผ่านขึ้นไปยังขอบเขตหลิงซวนได้แล้ว !” เมื่อ
เทียบกับการกลายเป็นมนุษย์ การทะลวงผ่านขอบเขตได้ ดูน่าตื่นเต้น
สำหรับเขามากกว่า “จากวันนี้ข้ามังกรแดงจะเป็นสัตว์อสูรขอบเขต
หลิงซวน !”
ตอนนั้นมังกรแดงได้เปลี่ยนร่างสำเร็จ เขากลายเป็นชายหนุ่มร่างสูง
ใหญ่กำยำ ซึ่งมีส่วนสูงประมาณสองเมตรครึ่ง มีกล้ามเนื้อแข็งแรง
และใบหน้าที่คมคร้ามนั่น ชวนให้ผู้คนต้องหลงใหล
“เจ้านกขนยุ่ง ทำไมเจ้าเป็นแบบนี้?” มังกรแดงคิดถึงอินทรีย์ปีกฟ้า
ขึ้นมา
ตอนนั้นอินทรีย์ปีกฟ้าได้เปลี่ยนร่างเป็นชายวัยกลางคน เขาดูสำรวม
และสายตาดูฉลาด เขาไม่ได้โดดเด่นเหมือนมังกรแดง
ตอนที่ได้ยินคำถามจากมังกรแดง อินทรีย์ปีกฟ้าก็กรอกตาใส่ “เจ้าว่า
ไงนะ”
มังกรแดงหัวเราะออกมา “การเปลี่ยนร่างสำเร็จแล้ว ดูเหมือนว่าเจ้า
เองก็ทะลวงผ่านขอบเขตหลิงซวนได้ ! ไม่เลว จากนี้พวกเราเจ้าแห่ง
เขตมืดทั้งสาม ต่างก็เป็นสัตว์อสูรขอบเขตหลิงซวนแล้ว !”
อินทรีย์ปีกฟ้าอยากจะพูดบางอย่างออกมา แต่เมื่อเห็นกูเฉินรออยู่
ด้านนอก เขาก็อดไม่ได้ที่จะรีบออกมาจากห้องโถงและโค้งให้กับกู
เฉิน “อาจารย์กู !”
เมื่อเห็นท่าทีของอินทรีย์ปีกฟ้า มังกรแดงก็รู้ทันทีว่ากูเฉินอยู่ด้านนอก
เขารีบออกมาทำความเคารพเช่นกัน “อาจารย์กู !”
“ยินดีกับพวกเจ้าด้วย” กูเฉินยิ้มออกมา
ความแข็งแกร่งของชั้นเรียนสัตว์อสูรเพิ่มขึ้นมานี้ เป็นธรรมดาที่เขา
ต้องดีใจในฐานะอาจารย์ ไม่งั้นแล้วเขาจะมีความสามารถเป็น
อาจารย์ได้ยังไง ?
ไป่ หลิงไม่พอใจขึ้นมา “พวกเจ้าสนใจแค่อาจารย์ แล้วหัวหน้าของ
พวกเจ้าล่ะ ?”
มังกรแดงมองไปที่กูเฉินก่อนจะมองไปที่ไป่หลิง
“มองอะไร ?” ไป่หลิงฮึดฮัดออกมาอย่างเย็นชา
“จิ้งจอก….หัวหน้า” มังกรแดงลังเลอยู่นานและสุดท้ายก็ต้องยอมแพ้
แม้ว่าเขาจะทะลวงผ่านขอบเขตหลิงซวนได้แล้ว จนอยู่ระดับเดียวกัน
กับไป่ หลิง แต่เขาก็ยังต้องยอมให้กับนางเพราะเรื่องเงิน
อินทรีย์ปีกฟ้าดูใจเย็นกว่า เขาหันไปหาไป่ หลิงและพูดขึ้นมา
“หัวหน้า !”
เขาไม่ได้คิดมากแบบมังกรแดง เขาไม่ได้สนใจอะไรกับฐานะหัวหน้า
นี่ เขาสนใจผลประโยชน์มากกว่า ตราบใดที่ผลประโยชน์ไม่ได้รับ
ผลกระทบไปด้วย ทำไมเขาจะไม่เรียกไป่ หลิงว่าหัวหน้า ?
ไป่หลิงพอใจอย่างมาก “นี่แหละเหมือนเดิม”
“เอาล่ะ อินทรีย์หิมะ เจ้าไปส่งพวกเขากลับ ข้าควรไปได้แล้ว” กูเฉิน
เห็นว่าทั้งสองทะลวงผ่านเสร็จแล้ว และไม่จำเป็นต้องอยู่ต่อ เขาจึง
โบกมือและบอกกับอินทรีย์หิมะ
อินทรีย์หิมะตอบกลับด้วยความเคารพ “ได้ !”
ไป่ หลิงรีบพูดขึ้นมา “ไม่ อาจารย์ เรามีเรื่องอื่นต้องไปทำ เรายังไม่
คิดกลับไปยังสำนักคังเฉียงในตอนนี้”
กูเฉินและอินทรีย์หิมะต่างก็ตะลึง มังกรแดงรีบพูดขึ้นมา “ใช่ เรา
ต้องไปหาใครบางคน เรายังไม่กลับสำนักคังเฉียงในตอนนี้”
“พวกเจ้าจะไปหาใครกัน ? ข้าจะให้อินทรีย์หิมะส่งเขาไปหาพวก
เจ้า” กูเฉินถาม
“ไม่ คนที่เราตามหาอยู่ในป่ าหวงหยวน ไม่จำเป็นต้องรบกวนผู้อาวุโส
อินทรีย์หิมะ” ไป่หลิงมองไปที่อินทรีย์หิมะและส่ายหน้า
เห็นได้ว่านางยังคงแค้นเคืองอินทรีย์หิมะอยู่ ยังไงซะเมื่อสองร้อยปี
ก่อน อินทรีย์หิมะก็ทำให้นางเสียหน้า
มังกรแดงพูดขึ้นมา “หัวหน้า ป่ าหวงหยวนนี้ใหญ่โต เราไม่รู้ว่าท่าน
เฉินกูอยู่ที่ไหน หากท่านเฉินกูอยู่ในป่าหวงหยวนเขตลึกล่ะ ? ข้าคิด
ว่าให้ผู้อาวุโสอินทรีย์หิมะช่วยเราจะดีกว่า ไม่งั้นแล้วหากเราได้พบ
กับสัตว์อสูรตัวอื่นในเขตลึก และทำให้พวกนั้นโกรธ เราอาจจะตก
อยู่ในอันตรายก็ได้”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบเจ้าสำนัก