ตอนที่ 345 ภัยจากดาวอื่น
เฉินกูไม่เข้าใจเป้าหมายของจางหยู การให้มนุษย์กับสัตว์อสูรอยู่ร่วมกัน
อย่างสงบสุข และทิ้งความโกรธแค้นที่มีมาหลายปีนั้น มันเป็นไปได้ด้วย
รึ ?
มันจะมีประโยชน์อะไรกับการสร้างดินแดนศักด์ิสิทธ์ิ มันมีประโยชน์
อะไรต่อจางหยู ?
อายุขัยของผู้บ่มเพาะนั้นมีจำกัด ผ่านไปพันปี แม้แต่หินก็ยังเป็นทรายได้
มันจะมีความหมายอะไร หากสำนักคังเฉียงขึ้นไปถึงระดับสูงแบบที่
จางหยูบอกไว้ ?
“เจ้าสำนัก ข้ารับปากว่าจะกล่อมพวกนั้นให้เข้าร่วมสำนักคังเฉียง แต่ข้า
รับรองไม่ได้ว่าพวกนั้นจะฟังคำพูดของข้า” เฉินกูเหมือนจะค้านในเรื่องนี้
เขาไม่ต้องการให้สัตว์อสูรขอบเขตตุ้นซวนของเขาเข้าร่วมสำนักคังเฉียง
จางหยูส่ายหน้าและมองไปที่เฉินกู “ไม่ ท่านทำได้ !”
คำพูดของเฉินกูคือคำสั่ง หากเขาพูด สัตว์อสูรขอบเขตตุ้นซวนจะไม่ตกลง
งั้นรึ ?
ดูเหมือนว่าเฉินกูยังคงกังวลอยู่ ไม่งั้นแล้วคงไม่แสดงท่าทีแบบนี้ออกมา
“มันมีประโยชน์อย่างมาก !” ภารกิจในการรับพวกขอบเขตตุ้นซวนหรือ
เหนือกว่ามาเป็นอาจารย์นั้น แน่นอนว่า จางหยูจะไม่ยอมปล่อยเผ่าสัตว์
อสูรไป เขาแสดงสีหน้าจริงจังออกมา
“อาจารย์เฉิน ท่านรู้หรือไม่ว่ามีอะไรอยู่ด้านนอกทวีปนี้?”
เฉินกูไม่เข้าใจ ทำไมจางหยูถึงได้ถามคำถามนี้ออกมา? เขาคิดและตอบ
กลับ “เกาะมังกร”
“ด้านนอกเกาะมังกรล่ะ ?” จางหยูถามต่อ
“ถัดจากเกาะมังกรไป…” เฉินกูลังเลขึ้นมา คำถามนี้มันยากสำหรับเขา
เขาพูดออกมาตรง ๆ “ข้าไม่รู้”
ตั้งแต่โบราณแล้ว ทวีปป่ ากับเกาะมังกรก็คงอยู่มาโดยตลอด ผ่านมา
หลายปี ก็ไม่มีใครเคยคิดถึงส่วนที่นอกจากสองส่วนนี้ไป หรือไม่ก็ไม่มี
ใครรู้คำตอบเลย เพราะสิ่งที่พวกเขาเห็นนั้นไม่ได้มีอย่างอื่นนอกจากทะเล
หลายปีมานี้ ผู้คนพากันคิดว่าถัดจากทวีปป่ าและเกาะมังกรไปนั้น มีแต่
ทะเลที่ไม่มีที่สิ้นสุด
แต่ความจริงล่ะ ?
จางหยูเผยรยอยิ้มลึกลับออกมาและถามขึ้น “อาจารย์เฉิน จำเรื่องบังสวรรค์
ที่ข้าพูดได้หรือไม่ ?”
“แน่นอน” เฉินกูแสดงท่าทีใจเย็นออกมา เขาเคยฟังเรื่องนี้จากไป่ หลิง
ไม่นานมานี้สำนักคังเฉียงได้รับศิษย์ใหม่ที่ชื่อผังหลง เขาไม่เหมือนกับ
คนอื่น ๆ ผังหลงไม่ได้เรียนจากโอวเสินเฟิง แทนที่จะบ่มเพาะทักษะจี๋อู่
แต่เขากลับบ่มเพาะทักษะในบังสวรรค์แทน
ตอนได้ยินข่าวนี้ครั้งแรก เฉินกูนั้นตกตะลึง เพราะมันหมายความว่าจางหยู
ไม่ได้โกหกทุกคน วิธีบ่มเพาะในบังสวรรค์นั้นมีอยู่จริง !
วิธีบ่มเพาะที่ต่างจากวิธีบ่มเพาะในตอนนี้ !
เฉินกูไม่กล้าคิดไปไกลกว่านี้ เพราะความจริงมันน่าตกใจเกินไป ยังไง
ซะการบ่มเพาะในบังสวรรค์ กงล้อชีวิตและเรื่องอื่น ๆ นั้นก็ได้ปรากฏ
ขึ้นมาแล้ว งั้นก็หมายความว่าเรื่องอื่น ๆ ที่บังสวรรค์พูดถึงก็เป็นความ
จริงไม่ใช่รึ ?
บังสวรรค์คือประวัติศาสตร์ของทวีปป่ าเมื่อสามแสนปี ก่อน?
ในยุคนั้น มีมังกรมังกรสมมุติเทพและบรรพบุรุษจระเข้?
มีคนที่สามารถสังหารมังกรสมมุติเทพและสยบบรรพบุรุษจระเข้ได้?
เฉินกูรู้สึกสับสนขึ้นมา เขาไม่อาจจะเชื่อเรื่องนี้ได้ เขาไม่อยากจะเชื่อ แต่
หลักฐานทุกอย่างได้บ่งบอกว่าเรื่องที่พูดถึงในบังสวรรค์ต่างก็มีอยู่จริง
“ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ในห้วงอวกาศที่กว้างใหญ่ไพศาลอันไร้ขอบเขต
ของทั้งสี่ทิศ เจ้าเคยคิดหรือไม่ว่า ทวีปป่ าของเราในจักรวาลที่กว้างใหญ่
นี้เป็นเพียงหยดน้ำเล็ก ๆ ในมหาสมุทร นอกจากสิ่งมีชีวิตในทวีปป่ าแล้ว
ก็ยังมีสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนในห้วงอวกาศ ในบรรดาสิ่งมีชีวิตเหล่านั้น มี
มากมายนักที่แข็งแกร่งกว่ามังกรสมมุติเทพ สิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวเหล่านั้น
สามารถบินข้ามผ่านดวงดาว ทำลายดวงดาวและสิ่งมีชีวิตที่นับไม่ถ้วน
ในดวงดาวนั้นให้แหลกเป็นผุยผงได้” จางหยูแสดงสีหน้าเคร่งขรึมออก
มา ราวกับว่ามองเห็นภาพนั้นอยู่จริง ๆ “ต่อหน้าพวกที่แข็งแกร่งระดับ
นั้น ทวีปป่ าก็ไม่ได้ต่างอะไรจากฝุ่นผงหรือมดเล็ก ๆ แค่คิดพวกนั้นก็
สามารถลบทวีปป่าไปได้แล้ว…”
เฉินกูกลืนน้ำลายพร้อมกับเหงื่อที่ผุดขึ้นมา เขาเงยหน้ามองฟ้าที่เต็มไป
ด้วยหมู่ดาว นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกได้ว่าท้องฟ้าที่งดงามนี้เต็มไปด้วย
อันตราย
เฉินกูไม่คิดว่าจางหยูจะโกหก เพราะเขาเองก็คิดภาพออกว่า ต้องมี
สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งอยู่บนท้องฟ้านี้ บางทีอาจจะแข็งแกร่งกว่าที่จางหยู
อธิบายเอาไว้ และอาจจะอยู่ใกล้กับทวีปป่ าของพวกเขา….
จักรวาลนี้กว้างใหญ่ไร้ซึ่งขอบเขต โลกอย่างทวีปป่ าอาจจะมีเป็นล้าน
ล้านที่ เขาเคยได้ยินเรื่องบังสวรรค์มา และเขาก็เชื่อเรื่องนี้ เขาเองก็พอรู้
อะไรบ้างเกี่ยวกับจักรวาล
ภายใต้การชักนำของจางหยู ความคิดของเฉินกูก็พัฒนาขึ้นไปได้อีก เขา
ยิ่งกลัวมากเท่านั้น ตอนนั้นเฉินกูก็เหมือนคนบนโลกที่คิดว่ามีเอเลี่ยน…
“ทวีปป่ากำลังตกอยู่ในอันตราย !” จางหยูมองไปที่เฉินกู “ไม่มีใครรู้ว่า
ทวีปป่ากำลังจะเผชิญหน้ากับวิกฤต! พวกเราเสี่ยงที่จะโดนกลุ่มดาวอื่น
บุก ในพวกหมู่ดาวที่โดนหมายตา พวกเราอาจจะเป็นเป้าหมายต่อไป
บางทีอีกแค่ไม่กี่อึดใจเราอาจจะโดนโจมตีก็ได้ !”
ทุกครั้งที่จางหยูพูด เฉินกูจะหน้าซีดลงและหายใจถี่ขึ้น
“แม้ว่าตอนนี้พวกเราจะยังปลอดภัย แต่หากผ่านไปสักหมื่นปี ล่ะ?” จางหยู
ไม่ได้ให้เวลาเฉินกูได้คิด คำพูดที่เฉียบคมของเขาจะส่งผลต่อความคิด
ของเฉินกูเป็นอย่างมาก
“เจ้ารับรองได้หรือว่าเราจะปลอดภัยในอนาคต และไม่โดนพบโดย
สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งในจักรวาล ลูกหลานของพวกเราจะไม่ถูกพวกนั้น
พบรึ?”
เฉินกูเหงื่อตก
จางหยูพูดช้าลง “อาจารย์เฉิน ข้าไม่ได้อยากจะบังคับท่าน แต่ข้าไม่คิดจะ
รอ !”
เขาถอนหายใจออกมาและแสดงสีหน้ากังวล
“ลองคิดถึงอันตรายที่แฝงอยู่ในทวีปป่า และคิดถึงภัยจากดวงดาว” จางหยู
พูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ความบาดหมางของมนุษย์กับสัตว์อสูร จะ
เทียบได้กับความปลอดภัยของทวีปป่ าได้รึ? หากทวีปป่ าถูกทำลาย ทั้ง
สัตว์อสูรและมนุษย์เองก็ต้องหายไปด้วย !”
“ในขณะที่เผ่ามนุษย์กับสัตว์อสูรสู้กันเพราะความบาดหมาง บางที
เผ่าพันธุ์ในหมู่ดาวอาจจะลงมือโจมตีก็ได้….”
“ในระยะยาวแล้ว แม้ว่าพวกเราจะโชคดีที่ไม่โดนพวกนั้นพบ แต่สุดท้าย
พวกเราก็อาจจะโดนทำลายโดยดาวอื่นที่มีความแข็งแกร่งทัดเทียมกับ
ทวีปป่าของพวกเราก็ได้!”
“นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมข้าถึงให้ค่าสำนักคังเฉียงมากนัก!”
จางหยูแสดงสีหน้าเศร้าออกมาและพูดขึ้น “หากสำนักคังเฉียงพัฒนาไป
ได้แบบที่ข้าคิด มันจะสามารถบ่มเพาะผู้แข็งแกร่งออกมาได้เป็นจำนวน
มาก ตอนนั้นทวีปป่ าก็จะแข็งแกร่งขึ้น หากใครกล้าบุกรุกเข้ามา อย่าง
น้อยเราก็ปกป้องตัวเองได้”
เขาหันกลับมามองเฉินกูด้วยสีหน้าจริงจัง “อาจารย์เฉิน ข้าไม่ได้ทำเพื่อ
ตัวเอง แต่เพื่อทวีปป่ าเพื่อเผ่าพันธุ์มนุษย์และสัตว์อสูร เพื่อชีวิตมากมาย
เพื่ออนาคต….”
ประโยคกินใจแบบนี้ จางหยูไม่เคยเป็นรองใคร !
เฉินกูมองไปที่จางหยูด้วยความเคารพ
เขาตะโกนออกมา “ขอโทษด้วยเจ้าสำนัก ข้าเข้าใจท่านผิดไป !”
จางหยูโบกมือทำทีไม่คิดถือสา “ข้าไม่โทษท่านหรอก ข้าไม่พูดให้ชัดเจน
เอง”
จากนั้นเขาก็มองไปที่เฉินกูอีกครั้ง “อาจารย์เฉิน ข้ารู้ว่าท่านรู้สึกยังไง
แต่ทุกอย่างที่เราทำ ก็เพื่อทวีปป่ า เพื่อลูกหลานของพวกเรา ข้ารู้ว่ามัน
ยากแค่ไหนที่สำนักคังเฉียงจะพัฒนาตามที่ข้าคิดเอาไว้ แต่เราไม่อาจจะ
ยอมแพ้เพราะความยากลำบากเหล่านี้ได้ เราควรเผชิญหน้ากับมัน หาก
เราไม่ลงมือทำ งั้นเราจะหวังพึ่งใครได้ ? ผู้บ่มเพาะที่ยังไม่ขึ้นถึงขอบเขต
ว่อซวนงั้นรึ ?”
“อาจารย์เฉิน มาร่วมมือกับข้าเถอะ! อาจารย์เฉินที่ข้ารู้จัก ไม่เคยกลัว
ความยากลำบาก เขาเด็ดเดี่ยว, กล้าหาญ, สูงส่งและฉลาด เขาคือคนที่
คู่ควรแก่การยกย่อง ข้าหวังว่าข้าจะไม่มองท่านผิดไป !” จางหยูสูด
หายใจเข้าลึก ๆ แสดงท่าทีคาดหวังออกมา
“เพื่อทวีปป่า !”
เฉินกูมองไปที่จางหยู เขาคิดถึงไป่หลิงและศิษย์คนอื่น ๆ สายตาเคารพ
ของพวกนั้นทำให้เขารู้สึกดี สุดท้ายเฉินกูก็หัวเราะออกมาและแสดง
ท่าทีมุ่งมั่น
“ขอบคุณเจ้าสำนัก เป็นเกียรติของข้าที่จะทำตามที่ท่านคิดเอาไว้!” เฉินกู
เชื่อ ในใจของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“ท่านพูดถูก เผ่าสัตว์อสูรกับมนุษย์ไม่อาจจะสู้กันต่อแบบนี้ได้ ศัตรูที่
แท้จริงของเราคือเผ่าในดวงดาว…ท่านสบายใจได้ว่าเผ่าสัตว์อสูรนั้น ข้า
จะหาทางดึงสัตว์อสูรขอบเขตตุ้นซวนเข้าร่วมสำนักคังเฉียงให้ได้ สำหรับ
มนุษย์แล้ว ท่านคงต้องหาทางเอาเอง”
เฉินกูรู้สึกโชคดีอย่างมาก เขาดีใจที่ได้มีส่วนร่วมในแผนการครั้งนี้ !
เขาไม่สงสัยเลยสักนิด ทุกอย่างที่เขาทำก็เพื่อทวีปป่ า เพื่อที่จะรับมือกับ
ภัยจากดาวอื่น !
ช่างเป็นความคิดที่สูงส่งจริง ๆ กับการสู้เพื่อทวีปป่า !
แค่คิดเฉินกูก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
“อาจารย์เฉิน ท่านไม่ทำให้ข้าผิดหวังจริง ๆ ! ทั้งทวีปป่ า คนที่ดีพอ ๆ กับ
ท่านมีนับนิ้วได้เลย ! แค่จุดนี้พวกระดับสูงสุดทั้งสี่ของมนุษย์ก็ไม่ได้ดี
เท่าท่าน!” จางหยูชมออกมา
“ข้าเชื่อว่าด้วยการที่มีท่านช่วย โอกาสที่แผนนี้จะสำเร็จนั้นคงมีอย่าง
น้อย 30% !”
ด้วยการที่โดนจางหยูชม เฉินกูก็ลนลานขึ้นมา
จางหยูเป็นใคร ?
เขาคือพวกระดับสูงสุดของมนุษย์ เขาคือคนที่น่ากลัวของเผ่ามนุษย์ !
การถูกชมจากคนแบบนั้น เฉินกูจะไม่ตื่นเต้นได้ยังไง ?
มันทำให้เขาเชื่อว่าเขาตัดสินใจได้ถูกต้อง และทุกอย่างที่เขาทำนั้นยิ่งใหญ่
แค่ไหน
“ใช่สิ อาจารย์เฉิน เรื่องนี้นอกจากข้าแล้วมีแค่ท่านที่รู้ หากไม่จำเป็นอย่า
ให้มันรั่วไหลออกไป เพราะจะทำให้ดาวอื่นรู้ตัว” จางหยูพูดด้วยสีหน้า
จริงจัง
“เรื่องนี้ยิ่งคนรู้น้อยยิ่งดี มันจะดีที่สุดหากมีแค่เราที่รู้ เราไม่ได้หวังชื่อเสียง
หรือผลประโยชน์อะไร ที่เราทำก็เพื่อทวีปป่ า แม้ว่าเราจะถูกคนอื่นไม่
เข้าใจและโดดเดี่ยว แต่พวกเราต้องอดทน เพราะสำหรับพวกเราแล้ว นี่
คือเส้นทางที่เป็นโชคชะตาของพวกเรา”
ตามที่จางหยูอธิบายออกมา ทุกอย่างที่พวกเราทำเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ มันก็
เพื่อทวีปป่ า จุดนี้ทำให้เฉินกูคึกขึ้นมาทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบเจ้าสำนัก