ตอนที่ 346 ย้ายเมือง
“เจ้าสำนักไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ข้าจะไปเรียกสัตว์อสูรขอบเขตตุ้น
ซวนในป่าหวงหยวนให้เข้าร่วมสำนักคังเฉียง” เฉินกูพูดขึ้นมา
“ให้เวลาข้า 3 วัน ข้ารับปากว่าจะให้พวกเขาเข้าร่วมสำนักคังเฉียงให้
ได้!”
จางหยูรู้ว่ามันคือความจริง เขาแสดงสีหน้าเคร่งขรึมและพูดขึ้นมา
“อาจารย์เฉิน ข้าขอบคุณท่านแทนคนของทวีปป่าด้วย !”
เมื่อพูดจบ จางหยูก็โค้งให้กับเฉินกู จนทำให้เฉินกูลนลาน
“อย่าทำแบบนี้เลยเจ้าสำนัก มันจะเทียบกับสิ่งที่ท่านทำไปได้ยังไง
กัน?” เฉินกูแสดงท่าทีกระอักกระอ่วนออกมา
หลังจากที่พูดจบเฉินกูก็ทำการเคลื่อนย้ายและหายตัวไปทันที จางหยู
ยืนนิ่งอยู่สักพัก ก่อนที่ร่างของเขาจะหายตัวไป
ในสองวันต่อมา จางหยูรอฟังข่าวจากเฉินกู พร้อมกับทำการบ่มเพาะ
ให้เขาแข็งแกร่งมากกว่าเดิม และเพิ่มระดับการบ่มเพาะ
ในวันที่สาม จางหยูไม่ได้รอเฉินกู แต่รอคนอีกสามคน นั่นก็คือฉิน
เหลียน, เซินถูเส้อและเถิงกวง พวกเขาทั้งสามคนได้มายังสำนักคัง
เฉียงเพื่อเข้าพบจางหยู
เมืองทะเลทราย หรือแม้แต่ทั้งเขตตงโจว ตอนนี้เป็นของสำนักคัง
เฉียงแล้ว จางหยูขี้เกียจจะดูแล ดังนั้นเรื่องนี้จึงส่งให้ฉินเหลียนดูแล
ส่วนเซินถูเส้อและเถิงกวงก็เป็นผู้ช่วยของฉินเหลียน แม้ว่าทั้งสอง
จะไม่ได้ทำสัญญานภา แต่จางหยูก็รับปากว่าจะรับพวกเขาเป็น
สมาชิกของสำนักคังเฉียง พวกเขาเองก็ถือว่าเป็นสมาชิกกึ่งหนึ่งของ
สำนักคังเฉียงด้วย
เมื่อทั้งสามมาถึง จางหยูก็ปรากฏตัวออกมาทันที
“เจ้าสำนัก !” ทั้งสามคนรีบทำความเคารพทันที
“สถานการณ์ของเขตตงโจวเป็นยังไง? มีเรื่องอะไรหรือไม่ ?” จางหยู
โบกมือและถามขึ้นมา
“ทุกคนรู้ว่าพวกเราคือตัวแทนของสำนักคังเฉียง ไม่มีใครกล้าสร้าง
ปัญหา ตอนนี้ทั้งเขตตงโจวมีพวกเราคอยดูแลและทุกอย่างก็เป็นไป
ได้ด้วยดี” ฉินเหลียนตอบกลับด้วยความเคารพ
ครั้งนี้บอกได้เลยว่าเป็นเกียรติสูงสุดในชีวิตของฉินเหลียนก็ว่าได้ !
ในฐานะเจ้าเมืองทะเลทรายแล้ว ไม่ใช่แค่เขาขึ้นมาถึงขอบเขตว่อ
ซวนขั้นต่ำได้ แต่ยังได้รับอำนาจจากจางหยูในการดูแลเขตตงโจว
แม้แต่พวกขอบเขตว่อซวนขั้นกลาง ขั้นสูงหรือแม้แต่พวกขอบเขต
ตันซวนก็ไม่กล้าจะขัดใจเขา อำนาจที่เขามีมากกว่าผู้นำตระกูลฉิน
ซะอีก
ฉินเหลียนดีใจอย่างมาก โชคดีจริง ๆ ที่เขาได้มายังเมืองทะเลทราย
แห่งนี้ และไม่ได้มีเรื่องบาดหมางกับจางหยู ถ้าไม่งั้นแล้วเขาจะได้
ตำแหน่งในตอนนี้มาได้ยังไง และได้ดูแลทั้งเขตแบบนี้ได้ยังไง?
“ทำไมพวกเจ้าถึงมากัน ?” จางหยูสงสัย
ฉินเหลียนมองไปที่เซินถูเส้อและเถิงกวง ก่อนจะตอบกลับ “เจ้า
สำนัก ภาษีของเขตตงโจวถูกนับแล้ว ท่านลองตรวจสอบดู”
ตอนที่พูดนั้นฉินเหลียนก็เดินไปข้าง ๆ เปิดกล่องออก มันมีเอกสาร
อยู่จำนวนมากอยู่ด้านใน “นี่คือเอกสาร ด้านในมีสมุดบัญชีด้วย” ฉิน
เหลียนเอาสมุดที่เขาหนีบไว้ที่รักแร้ออกมา ซึ่งบันทึกบัญชีต่าง ๆ ไว้
อย่างดี
“ไม่จำเป็น” จางหยูโบกมือ “ข้าเชื่อใจเจ้า”
ทันทีที่เห็นหนังสือในกล่องพวกนั้น จางหยูก็รู้สึกมึนหัวขึ้นมาทันที
ให้มาอ่านหนังสือ?
ฝันไปเถอะ !
ฉินเหลียนตื้นตันใจเป็นอย่างมาก เขารู้สึกว่าการได้รับความเชื่อใจ
จากเจ้าสำนักนั้นมีค่ามากแค่ไหน !
“นอกจากสมุดบัญชีแล้ว เรายังเก็บเงินมาด้วย” ฉินเหลียนเดินไปที่
กล่องอีกด้านและเปิดออก
“นอกจากพวกสมาคมใหญ่แล้ว เงินภาษีถูกเก็บมาหมดแล้ว” ใน
กล่องเต็มไปด้วยบัตรเงินที่วางอัดแน่นกันอย่างสงบ มีบัตรเงินตั้งแต่
มูลล่า 1 ล้าน 10 ล้าน หรือแม้แต่ 100 ล้านก็มี “ทั้งหมด 1.63512
พันล้านเหรียญ”
จางหยูแปลกใจ “มากขนาดนี้เลยรึ ?”
ใช้เวลาเก็บนานแค่ไหนกัน ?
เขาได้เงินมาถึง 1.6 พันล้าน !
“เจ้าเก็บภาษีมาจากพวกชาวนารึ?” จางหยูคิ้วขมวด
“ข้าจำได้ว่า ข้าเคยบอกเจ้าไปแล้ว ว่าข้ายกเว้นภาษีให้พวกเขา เจ้า
ไม่ได้ทำตามที่ข้าบอกรึ?”
ฉินเหลียนเกรงกลัวขึ้นมา “เจ้าสำนักเข้าใจผิดไป เมื่อเราได้เข้าดูแล
เขตตงโจว เราได้ยกเลิกการเก็บภาษีจากเกษตรกร พวกนี้ไม่ได้มา
จากพวกเกษตรกร แต่เป็นภาษีการค้า 95% ส่วนที่เหลือนั้นมาจาก
ภาษีทั่วไป”
จางหยูสงสัยขึ้นมา “ภาษีการค้ามากขนาดนี้เลยรึ ?”
“เจ้าสำนัก ท่านไม่รู้หรือว่า ตั้งแต่ที่มีการเปิดป่ าหวงหยวนเขตมืด
จำนวนการค้าขายในเขตตงโจวก็เพิ่มขึ้นมาก โดยเฉพาะที่เมืองเรา
การขายสินค้าของเราถึงกับสูงกว่าเมืองตงโจว มันเป็นตัวเลขที่น่า
ตกใจ หากเทียบกับจุดนี้แล้ว ภาษีการค้าก็ไม่ได้น่าตกใจอะไรเลย”
ฉินเหลียนอธิบาย
“เราดูแลเขตตงโจวมาได้ไม่นานนัก ดังนั้นภาษีธุรกิจจึงไม่ได้มาก
หากให้เวลาเราสักเดือน ภาษีอาจจะขึ้นไปถึงแสนล้านก็ได้!”
ป่ าหวงหยวนคือขุมทรัพย์ แม้ว่าจะเปิดแค่ส่วนเล็ก ๆ แต่ก็เอามาเลี้ยง
ผู้คนได้นับไม่ถ้วน
“เอาตามสบายเถอะ” จางหยูพยักหน้าและมองไปที่ทั้งสามคน ก่อน
จะขอโทษออกมา “ขอโทษด้วยที่ข้าเข้าใจเจ้าผิดไป !”
หลังจากที่เงียบไป จางหยูก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง “หนังสือกับเงินพวกนี้
เจ้าเอากลับไปเถอะ”
ฉินเหลียนไม่เข้าใจ “เจ้าสำนัก ท่านจะไม่เอาเงินไว้รึ ?”
การที่ต้องเอาสมุดกลับไปนั้นเขาพอเข้าใจได้ แต่การเอาเงินกลับไป
มันหมายความว่ายังไง ?
“ตอนนี้ข้ายังไม่ต้องใช้เงิน” จางหยูยิ้มออกมา “ยิ่งไปกว่านั้น หาก
เขตตงโจวต้องการจะพัฒนา เงินคือสิ่งที่จำเป็นต้องใช้ในหลาย ๆ
ส่วน หากข้าเอามันไป เขตตงโจวจะพัฒนาได้ยังไง? สิ่งที่ข้าต้องการ
คือการพัฒนาของเขตตงโจว ข้าไม่ได้คิดอยากให้เขตตงโจวย่ำแย่
ดังเดิม เจ้าเอาเงินกลับไปและเริ่มทำการพัฒนาเขตตงโจวเถอะ”
ฉินเหลียนเงียบไปสักพักก่อนจะพยักหน้า “ได้”
“มีอะไรอีกหรือไม่?” จางหยูถามขึ้นมา
เขาไม่ได้มีเวลามาเสียไปกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ในความเห็นของเขา
แล้ว การบ่มเพาะคือหน้าที่ที่สำคัญกว่าเรื่องนี้ ค่าของการบ่มเพาะนั้น
มีมากกว่าเงินทอง
“ข้าเพิ่งได้รับแบบขอลงทะเบียนเป็นหมื่นฉบับต่อวันมา ทุกคนต่าง
ก็อยากลงทะเบียนเข้าเมืองทะเลทราย แต่เมืองนี้เต็มมานานแล้ว
แม้แต่หมู่บ้านด้านนอกก็ยังเต็มไปด้วยผู้คน มันทำให้การจราจร
ติดขัดและการใช้ชีวิตของคนในเมืองเริ่มแย่ลง คนในเมืองเริ่มอยาก
ขับไล่พวกนั้นออกไป แต่ก็ไม่ได้แสดงออกมาชัดเจนนัก….”
ฉินเหลียนถามขึ้นมา “ข้าควรทำยังไงกับเรื่องนี้ดี ?”
หากผู้คนไม่พอใจขึ้นมา ฉินเหลียนสามารถส่งคนไปไล่พวกนั้น
ออกไปได้ แต่หากพวกนั้นยืนกรานที่จะอยู่บนภูเขาต่อไป ฉินเหลียน
ก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไง
เมื่อได้ยินแบบนั้น จางหยูก็คิ้วขมวดเล็กน้อย เขาแผ่การรับรู้ออกไป
ตรวจสอบสถานการณ์ด้านล่างภูเขา อย่างที่ฉินเหลียนบอกไว้ มีผู้คน
มากมายแออัดกันตามท้องถนนที่ขึ้นมายังยอดเขา ไม่ใช่แค่ทางขึ้น
เขา ใกล้ ๆ กับภูเขาก็ยังเต็มไปด้วยผู้คน
บางคนมาที่นี่ก็เพื่อจางหยู
“สถานการณ์นี้เริ่มตั้งแต่ตอนไหนกัน ?” จางหยูไม่เคยเห็นปัญหานี้
มาก่อน
“ตั้งแต่ที่ท่านเปิดสอนครั้งที่สอง” ฉินเหลียนตอบกลับ
จางหยูคิดสักพักก็ถามขึ้นมา “ท่านมีความเห็นว่ายังไง ?”
เมื่อฉินเหลียนรู้ถึงปัญหานี้ เขาก็ต้องรู้วิธีแก้
“นี่…” ฉินเหลียนลังเล “ความคิดของข้านั้นข้าไม่รู้ว่ามันจะเหมาะรึ
ไม่”
“พูดมา !”
“ทางเดียวคือการย้ายเมือง !” ฉินเหลียนมองไปที่จางหยูและเห็นว่า
จางหยูไม่ได้โกรธ จึงพูดต่อ
“ภูเขาแห่งนี้ถึงจะใหญ่โต แต่ก็มีพื้นที่จำกัด มันจะดีกว่าหากย้าย
เมือง !”
จางหยูตื่นเต้นขึ้นมา “ย้ายไปไหนกัน ?”
ฉินเหลียนตอบกลับด้วยสีหน้าจริงจัง “ที่ตีนเขา !”
ฉินเหลียนสูดหายใจเข้าลึก ๆ และพูดต่อ “ย้ายเมืองทะเลทรายไปยัง
ตีนเขาและสร้างเมืองใหม่ขึ้นมารอบ ๆ ผลก็คือเมืองทะเลทรายจะ
เดินทางไปได้ทุกทิศทาง”
ชัดแล้วว่าเขาคิดแบบนี้มานานแล้ว ตอนที่เขาพูดเรื่องนี้ราวกับเขา
เป็นหัวหน้างาน “ผลก็คือทุกปัญหาจะได้รับการแก้ไข ยิ่งไปกว่านั้น
หลังจากที่เมืองย้ายไปที่ตีนเขาแล้ว บนยอดเขาก็จะว่างเพื่อรองรับ
การขยายตัวของสำนักคังเฉียงในอนาคต และไม่จำเป็นต้องกังวล
เรื่องพื้นที่อีก”
ตามที่ฉินเหลียนบอกมา เมืองทะเลทรายสร้างขึ้นมารอบเขา ส่วน
ยอดเขาเป็นของสำนักคังเฉียง ทั้งสองนั้นอยู่ใกล้ชิดกันแต่ก็แยกกัน
อย่างดี
จางหยูดวงตาเป็นประกายขึ้นมา ยิ่งคิดตามเท่าไหร่เขาก็ยิ่งเห็นด้วย
กับฉินเหลียน เขาคิดจะขยายสำนักคังเฉียงอยู่แล้ว ด้วยข้อเสนอของ
ฉินเหลียนนั้นมันแก้ปัญหานี้ได้อย่างง่ายดาย !
หากทั้งยอดเขาเป็นของสำนักคังเฉียง งั้นเขาก็สามารถขยายสำนัก
เพื่อรองรับผู้คนเป็นจำนวนมากได้ !
ต้องรู้ก่อนว่ายอดเขานี้จุคนได้กว่าสิบล้านคน การสร้างเมืองใหญ่ ๆ
นั้นอาจจะไม่เพียงพอ แต่การสร้างสำนักนั้นมันยิ่งกว่าพอ แม้ว่า
สำนักคังเฉียงจะขึ้นเป็นสำนัก 6 ดาวในอนาคต แต่ก็เพียงพอในการ
รองรับศิษย์ !
ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่ย้ายเมืองออกไปแล้ว ยอดเขาแห่งนี้ก็จะเงียบ
สงบ บรรดาศิษย์จะได้มีสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะที่ดีขึ้น ที่
สำคัญกว่านั้นคือมันแยกโลกออกจากกัน ตำแหน่งที่ตั้งของสำนักคัง
เฉียงจะดูสมกับที่เป็นดินแดนศักด์ิสิทธ์ิ !
“ใช่ วิธีนี้มันดีจริง ๆ !” จางหยูไม่ได้ปกปิดความพอใจที่ตนมี เขา
พบว่าฉินเหลียนนี้มีพรวรรค์ ฉินเหลียนฉลาดกว่าคนทั่วไป
“วิธีที่เจ้าเสนอมาเขาที ข้าจะให้เจ้ารับผิดชอบเรื่องนี้ จากนี้เจ้าต้อง
เตรียมการย้ายเมือง !”
ฉินเหลียนตื่นเต้นขึ้นมา “ขอรับ!”
การสร้างเมืองใหม่ตามความคิดของตัวเอง และเมืองใหม่นี้อาจจะ
เทียบกับเมืองหลวงได้ในอนาคต นี่ถือเป็นเกียรติอันยิ่งใหญ่สำหรับ
ฉินเหลียน!
“เซินถูเส้อ เถิงกวง ภารกิจของพวกเจ้าคือปกป้องความปลอดภัยของ
ฉินเหลียน และฟังการจัดการของเขา หากมีใครสร้างปัญหา ก็จัดการ
ซะ แต่ถ้าหากพวกเจ้าจัดการเขาไม่ได้ก็ไปหาอาจารย์โอว” จางหยู
เห็นว่าเรื่องนี้สำคัญอย่างมากและไม่ยอมให้ใครมาสร้างปัญหา
“ข้าหวังว่าเรื่องนี้จะเสร็จโดยเร็วที่สุด !”
เซินถูเส้อและเถิงกวง ตอบกลับ “ขอรับ!”
จางหยูมองไปที่ฉินเหลียนและพูดขึ้นมา “เจ้าเป็นคนที่มีพรสวรรค์
แต่ระดับการบ่มเพาะนั้นต่ำเกินไป บางทีอาจจะตกอยู่ในอันตรายได้
ในอนาคต ดังนั้นเซินถูเส้อกับเถิงกวง หลังจากที่กลับไปแล้วให้
สอนทักษะจี๋อู่ให้กับเขาด้วย !”
เมื่อสั่งการทั้งสองเสร็จ จางหยูก็หันกลับ “ฉินเหลียนตอนที่เจ้ากลับ
ไป เจ้าไปหาอู่โม่ และให้เขาปรุงยาว่อซวนให้กับเจ้า บอกว่าข้าสั่ง
มา”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ฉินเหลียนก็แปลกใจขึ้นมา “ขอบคุณ ขอบคุณเจ้า
สำนัก !”
“ตอนนี้เจ้าถือว่าเป็นคนของสำนักคังเฉียงกึ่งหนึ่งแล้ว นี่คือสิ่งที่เจ้า
สมควรได้รับ” จางหยูพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“สร้างเมืองใหม่ให้เร็ว นั่นถือว่าเป็นรางวัลที่ยิ่งใหญ่สำหรับข้าแล้ว !”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบเจ้าสำนัก