ตอนที่ 348 ความหงุดหงิดของเฉินกู
จางหยูยังไม่ทันได้ลงมือ กลุ่มสัตว์อสูรขอบเขตตุ้นซวนก็พากันเกรง
กลัวพลังของบอลธาตุทั้งห้า !
เฉินกูรวบรวมความกล้าพูดขึ้นมา “เจ้าสำนัก พวกนี้เพิ่งเข้ามาในโลก
มนุษย์เป็นครั้งแรก กฎของโลกมนุษย์พวกเขาไม่รู้จักดีนักจึงทำให้
เจ้าสำนักไม่พอใจ ข้าขอให้เจ้าสำนักยกโทษให้ด้วย !”
ไม่ว่ายังไงก็ตาม พวกนี้ก็เป็นคนของเขา และเขาก็ไม่อาจจะเมินพวก
นี้ได้
หากจางหยูทำการสังหารสัตว์อสูรขอบเขตตุ้นซวนพวกนี้ เขาจะเป็น
ราชาสัตว์อสูรได้ยังไง ?
โชคดีสิ่งที่เขากังวลนั้นไม่ได้เกิดขึ้น
จางหยูมองไปที่สัตว์อสูรขอบเขตตุ้นซวน สักพักเขาก็ละสายตา
กลับมา และพูดขึ้นด้วยท่าทีเฉยเมย “ครั้งนี้ข้าจะไว้หน้าอาจารย์เฉิน
และปล่อยพวกเจ้าไป หากพวกเจ้าทำผิดพลาดอีก อย่าโทษข้าว่าข้า
ไม่ให้โอกาส”
“ขอบคุณ ขอบคุณเจ้าสำนักที่ไม่สังหารพวกเรา !” สัตว์อสูรขอบเขต
ตุ้นซวนพากันพูดขึ้น พวกนั้นพากันตัวชุ่มไปด้วยเหงื่อ
จางหยูไม่ได้สนใจพวกนั้นอีกต่อไป เขาแผ่การรับรู้ออกไป พร้อม
กับส่งข้อความไปยังผู้คนที่อยู่ในเมือง “ไม่ต้องตื่นตระหนกไป นี่คือ
อาจารย์ใหม่ของชั้นเรียนสัตว์อสูร พวกเขาจะไม่ทำร้ายใคร”
เมื่อผู้คนด้านล่างได้ยินเสียงของจางหยู ทุกคนก็พากันใจเย็นลงทันที
ฉินเหลียน เซินถูเส้อและเถิงกวงที่ยังกลับไปได้ไม่ไกลนัก ต่างก็มอง
หน้ากันด้วยความแปลกใจ พวกเขาจำได้ว่าสำนักคังเฉียงเพิ่งจะรับ
ราชาสัตว์อสูรมาไม่นาน แต่ตอนนี้กลับรับกลุ่มสัตว์อสูรขอบเขตตุ้น
ซวนเข้ามาเพิ่ม !
“อาจารย์ขอบเขตตุ้นซวน…” ฉินเหลียนกลืนน้ำลาย
ในสำนักคังเฉียง อู่ฉิงฉวน, โอวเสินเฟิง,โหวเทียนหมาง, หลินจื้อ
เป่ย และพวกขอบเขตหลี่ซวนคนอื่น ๆ พากันตกตะลึงไปทุกคน
….
จางหยูไม่สนใจผู้คนด้านล่าง และมองไปที่สัตว์อสูรขอบเขตตุ้นซวน
ไม่แปลกใจเลยที่เฉินกูมีลูกน้องขอบเขตตุ้นซวนถึง 6 ตัว และแต่ละ
ตัวต่างก็มีสายเลือดศักด์ิสิทธ์ิ รวมไปถึงมีพรสวรรค์ที่น่าทึ่ง หากมอง
ทั้งทวีปแล้ว ไม่ว่าใครก็สามารถทำให้ทวีปป่ าสั่นคลอนได้
ตอนนี้คนระดับนั้นได้มาเข้าร่วมสำนักคังเฉียงทั้งหมดถึง 6 คน !
จางหยูพอใจอย่างมาก แต่ภายนอกเขาแสดงท่าทีใจเย็นออกมา และ
ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “ข้าบอกเจ้าเกี่ยวกับสำนักคังเฉียงไปแล้ว
เมื่อพวกเจ้ามาที่นี่ พวกเจ้าคงเต็มใจเข้าร่วมสำนักคังเฉียง ข้าไม่มี
อะไรจะพูดมาก ลงชื่อซะแล้วพวกเจ้าจะเป็นคนของสำนักคังเฉียง”
แค่โบกมือก็เกิดแสงสีขาวขึ้นมาและพุ่งไปหาสัตว์อสูรขอบเขตตุ้น
ซวนทั้งหก
สัตว์อสูรขอบเขตตุ้นซวนทั้งหก ต่างก็มองหน้ากันและรับคัมภีร์ไป
ก่อนจะลงชื่อทันที
เฉินกูมองไปที่พวกนั้น “พวกเจ้าว่าง่ายแบบนี้ตั้งแต่ตอนไหนกัน ?”
เฉินกูรู้จักสัตว์อสูรขอบเขตตุ้นซวนพวกนี้ดี แต่ละตัวมีสายเลือด
ศักด์ิสิทธ์ิและอยู่ขอบเขตตุ้นซวน ถึงจะมีสายเลือดไม่ได้แข็งแกร่ง
เหมือนเฉินกู แต่พวกเขาต่างก็แข็งแกร่ง ดังนั้นพวกนี้จึงเย่อหยิ่ง เฉิน
กูต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อจะสยบพวกนี้จนทำให้พวกนี้รับ
ฟังคำสั่งจากเขา
ครั้งนี้เมื่อมายังสำนักคังเฉียงของมนุษย์ สัตว์อสูรขอบเขตตุ้นซวน
เหล่านี้ ตอนแรกก็ต่อต้านเป็นอย่างมาก และเฉินกูถึงกับต้องขู่ฆ่า
พวกนี้ด้วยซ้ำ
เฉินกูต้องใช้เหตุผลเพื่อพูดคุยกล่อมพวกนี้มา แต่เฉินกูเข้าใจว่า ถึง
พวกนี้ตกลง แต่ในใจก็ยังคงต่อต้านอยู่ การปล่อยปราณสัตว์อสูร
ออกมา คือท่าทีที่แสดงออกมาว่าไม่พอใจ
“พวกเจ้า….” เฉินกูคิ้วขมวดและสงสัยอำนาจที่ตัวเองมีต่อสัตว์อสูร
ขอบเขตตุ้นซวนพวกนี้ เขาต้องการจะถามว่าฐานะของเขาคืออะไร?
ไม่เชื่อฟังเขาหรือไง ?
แค่เจ้าสำนักพูดก็ทำให้พวกนี้ลงชื่ออย่างว่าง่ายแล้วรึ ?
ทีเขาต้องกล่อมอยู่นาน แต่ก็ยังไม่เต็มใจ แต่กับเจ้าสำนักพวกนี้กลับ
ลงชื่อกันอย่างว่าง่ายรึ ?
พวกเจ้าฟังคำสั่งใครกัน ?
ใครกันที่เป็นราชาสัตว์อสูร ?
เฉินกูอยากจะพูดบางอย่างกับพวกนี้ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าจางหยู เขาก็
ได้แต่แสดงสีหน้าหม่นหมองออกมา ชัดแล้วว่ามันคือความหงุดหงิด
ที่ไม่อาจจะระบายออกมาได้
เมื่อเห็นสีหน้าหม่นหมองของเฉินกู เหล่าสัตว์อสูรขอบเขตตุ้นซวน
ก็พากันยิ้มออกมา
“ราชาสัตว์อสูร เจ้าสำนักผู้นี้แข็งแกร่งเกินไป…ท่านโทษเราไม่ได้
ไม่ใช่รึ?” สัตว์อสูรขอบเขตตุ้นซวนหัวเราะออกมา พลางส่งเสียง
อธิบาย “หากเราไม่ลงชื่อ บางทีเขาอาจจะฆ่าเราก็ได้ !”
สัตว์อสูรตัวที่เหลือต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย เมื่อคิดถึงสิ่งที่จางหยู
แสดงออกมา พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะกลัวกันขึ้นมา “พวกเจ้ากลัวเจ้า
สำนักฆ่าพวกเจ้า แต่ไม่กลัวว่าข้าจะฆ่าพวกเจ้าสินะ ?” เฉินกูหรี่ตาลง
เขายอมรับว่าเจ้าสำนักนั้นแข็งแกร่งไร้เทียมทาน เขาอาจจะไม่มีพลัง
พอที่จะตอบโต้ได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะอ่อนแอ มันเป็น
เรื่องง่ายสำหรับเขาที่จะฆ่าสัตว์อสูรขอบเขตตุ้นซวนเหล่านี้
สัตว์อสูรตัวเดิมส่ายหน้าและส่งเสียงกลับมา “ไม่เหมือนกัน ! ราชา
สัตว์อสูรบอกว่าจะฆ่าเรานั้นเป็นแค่คำขู่ ไม่ได้ลงมือจริง ๆ ยังไงซะ
เราก็เป็นสัตว์อสูรและเราก็เป็นลูกน้องของท่าน ราชาสัตว์อสูรไม่
อาจจะฆ่าเราได้หากเราไม่ได้ทำความผิดครั้งใหญ่ !”
คำพูดของเขาทำให้ราชาสัตว์อสูรตะลึง เขาพูดต่อ “เจ้าสำนักต่าง
ออกไป เขาเป็นมนุษย์ เขาบอกว่าจะฆ่าเราซึ่งก็คือฆ่าเราจริง ๆ !”
พวกเขาใช้เวลามาหลายปี กว่าที่จะขึ้นมาถึงขอบเขตตุ้นซวนได้ พวก
เขายังไม่ทันได้สนุกกับชีวิต พวกเขาจะตายได้ยังไง ?
พวกเขาต่างก็หวงแหนชีวิตของตัวเอง !
เฉินกูหัวเราะออกมาเพราะความโกรธ “ดูเหมือนว่าข้าจะทำตัว
ใกล้ชิดกับพวกเจ้าไปหน่อย พวกเจ้าเลยคิดว่าข้าไม่กล้าฆ่าพวกเจ้า !”
สัตว์อสูรขอบเขตตุ้นซวนพูดถูก หากไม่จำเป็น เฉินกูคงไม่ฆ่าลูกน้อง
ตัวเองเพราะสัตว์อสูรนั้นบ่มเพาะขึ้นมาได้ยากกว่ามนุษย์ สัตว์อสูรที่
ก้าวขึ้นมาถึงระดับนี้นั้นหาได้ยากมาก พวกเขาล้ำค่าสำหรับเผ่าสัตว์
อสูร ตลอดหลายปีมานี้เผ่าสัตว์อสูรฟื้นฟูขึ้นมาได้เพราะความ
ช่วยเหลือจากเฉินกู แต่จำนวนสัตว์อสูรขอบเขตตุ้นซวนก็ยังมีน้อย
กว่าของมนุษย์
สัตว์อสูรขอบเขตตุ้นซวนมีน้อย การจะเสียใครไปสักตัวคงทำให้
เฉินกูรู้สึกแย่
ดังนั้นเฉินกูจึงดูแลพวกนี้อย่างดี นี่ไม่ต้องพูดถึงเรื่องฆ่าเลย แค่
ลงโทษก็แทบจะไม่เคย แต่เฉินกูไม่คิดว่าการดูแลของเขาจะทำให้
พวกนี้คิดว่า เขาไม่กล้าที่จะฆ่าพวกนี้จริง ๆ !
ราชาสัตว์อสูรใจดีแบบนั้นเลยรึไง ?
“วันนี้ข้าอยากให้พวกเจ้าเข้าใจว่า ข้าเฉินกูกล้าที่จะฆ่าพวกเจ้า !”
เฉินกูตะโกนออกมาในใจ จิตสังหารแผ่ออกมาโดยทีเขาไม่คิดจะ
ปกปิด เขาขี้เกียจจะส่งเสียงออกไปหรือพูด แค่การปล่อยจิตสังหารนี้
ก็เพียงพอที่จะบอกแล้ว
จางหยูที่เห็นบรรยากาศผิดปกติมานานเดาได้หลังจากที่เห็นแบบนั้น
เขาพูดขึ้นอย่างใจเย็น “อาจารย์เฉิน ทั้งหกคนนี้…ตอนนี้เป็นอาจารย์
ของสำนักคังเฉียง ท่านเข้าใจหรือไม่ว่าข้าต้องการจะบอกอะไร ?”
สัตว์อสูรพวกนี้พากันตัวสั่นในตอนแรก แต่เมื่อได้ยินคำพูดของจาง
หยู พวกนั้นก็สงบลงอย่างรวดเร็ว และพากันดีใจกันขึ้นมา
เฉินกูสูดหายใจเข้าลึก ๆ และใบหน้าที่บิดเบี้ยวไป จิตสังหารที่เขาแผ่
ออกมาเมื่อสักครู่นี้ได้หายไปทันที
เขามองไปที่จางหยูด้วยหมัดที่กำแน่น “เจ้าสำนัก ข้า…”
“ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับท่าน แต่ครั้งนี้ข้าหวังว่าท่านจะไม่ถือสา
พวกเขา” จางหยูมองไปที่เฉินกู
“คนของสำนักคังเฉียงห้ามสู้กันเอง แม้ว่าจะออกจากสำนักคังเฉียง
ไปแล้ว แต่ก็ห้ามฝ่าฝืนกฎนี้ แม้ว่าจะเป็นอาจารย์แต่ท่านก็ต้องทำ
ตามกฎ”
สัตว์อสูรทุกตัวต่างก็พากันซาบซึ้งกับคำพูดของจางหยู หากไม่ใช่
เพราะจางหยู ครั้งนี้พวกเขาคงตกที่นั่งลำบาก แม้ว่าจะไม่ตายแต่ก็คง
โดนถลกหนังทั้งเป็น !
สัตว์อสูรพวกนี้ทำให้เฉินกูโกรธโดยไม่ตั้งใจ พวกเขารู้สึกผิดอย่าง
มาก “ข้าพูดความคิดในหัวข้าไปได้ยังไง ?”
บางอย่างได้แค่คิดในใจเท่านั้น เมื่อพูดมันออกมาแล้วอาจจะทำให้
เกิดเรื่องบางอย่างขึ้น ชัดแล้วว่าสัตว์อสูรพวกนี้คุมปากตัวเองไม่ได้
และเกือบทำให้เกิดภัยพิบัติขึ้น
“โชคดีที่มีเจ้าสำนักอยู่ด้วย งั้นพวกเราคงไม่ต้องกังวลอะไรมากนัก”
สัตว์อสูรพากันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
เฉินกูมองไปที่เหล่าสัตว์อสูรและถึงกับโกรธยิ่งกว่าเดิม พวกนี้พากัน
คิดว่าการที่มีเจ้าสำนักอยู่ด้วย แล้วเขาจะไม่กล้าทำอะไรรึ ?
เอ่อ….นั่นก็จริง เขาไม่กล้าจะลงมือกับพวกนี้ !
เฉินกูมองไปที่จางหยู และอดไม่ได้ที่จะสลด ตั้งแต่ที่เข้าร่วมสำนัก
คังเฉียงมา เขาก็เริ่มมีชีวิตชีวามากกว่าเดิม !
ตอนนั้นจางหยูได้พูดขึ้นมา “ใช่สิ ข้าลืมบอกพวกเจ้าทั้งหกไป ใน
อนาคตพวกเจ้าจะเป็นอาจารย์ชั้นเรียนสัตว์อสูร และอาจารย์เฉินจะ
เป็นหัวหน้าอาจารย์ของชั้นเรียนสัตว์อสูร พวกเจ้าเป็นลูกน้องเขา
อย่างที่บอกไป ฐานะของท่านสูงกว่าพวกเขา หากพวกเขาทำอะไร
ผิด ท่านลงโทษเขาได้ตามใจ ตราบใดที่ไม่ฆ่าพวกเขาก็เป็นพอ”
ทันทีที่ได้ยินแบบนั้นใบหน้าของเหล่าสัตว์อสูรต่างก็แข็งทื่อไป
เฉินกูมองไปที่จางหยูด้วยความแปลกใจ เขารู้สึกว่าคำพูดของจางหยู
มีอะไรแอบแฝงอยู่ด้วย !
“ข้าขอถามเจ้าสำนักที หากพวกนี้ไม่เคารพหัวหน้าของตัวเอง มันผิด
หรือไม่ ?” เฉินกูถามและมองไปยังเหล่าสัตว์อสูรทั้งหก
จางหยูยิ้มออกมา “แน่นอนว่าผิด !”
เฉินกูสูดหายใจเข้าลึก ๆ และพยักหน้าให้กับจางหยู “ขอบคุณเจ้า
สำนัก ข้าเข้าใจแล้ว !”
เมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาอาฆาตของเฉินกู สัตว์อสูรทั้งหกก็รู้สึกแย่
ขึ้นมา พวกเขารีบขอความช่วยเหลือจากจางหยู แต่จางหยูไม่ได้
สนใจและพูดขึ้นมาแทน
“เอาล่ะ อาจารย์เฉิน ท่านพาพวกเขากลับไปก่อน ตอนนี้ยังไม่มี
หน้าที่ให้พวกเขาทำ สำหรับช่วงนี้มีอาจารย์คนเดียวก็เพียงพอ
หลังจากที่ท่านแบ่งงานให้พวกนี้ในอนาคต ท่านถึงค่อยให้พวกนี้
มายังสำนักคังเฉียง”
หลังจากนั้นจางหยูก็ไม่ได้อยู่ต่อ ร่างของเขาหายไปทันที
“ฮี่ฮี่ ท่านพูดถูก ข้าจะไม่ฆ่าพวกเขา แต่…” เฉินกูเฉยรอยยิ้มกว้าง
ออกมา แต่รอยยิ้มนั้นทำให้สัตว์อสูรทั้งหกพากันกังวล
“ข้าบอกกับพวกเจ้าเลยว่า พวกเจ้าจะไม่มีทางลืมเรื่องในครั้งนี้ไปได้
ข้ารับรองเลยว่าพวกเจ้าจะลืมไม่ได้แน่ !”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบเจ้าสำนัก