ตอนที่ 350 การกลับมาของไป่หลิง
ด้านล่างภูเขานั้นกำลังมีการสร้างเมืองทะเลทรายแห่งใหม่ขึ้นมา
อย่างเต็มกำลัง มังกรแดงอาสาที่จะเป็นหัวหน้าออกแบบในการสร้าง
เมืองครั้งนี้ กวนชางซินถูกมังกรแดงเรียกตัวมาเพื่อช่วยออกแบบ
เมืองใหม่ ช่างไม้และนักหลอมนับไม่ถ้วนต่างก็พอรู้ความคิดคร่าว ๆ
ของมังกรแดงและกวนชางซิน
จางหยูยังไม่ได้ออกไปไหน เขาคิดจะทุ่มเทสมาธิไปกับการบ่มเพาะ
สักพัก ระหว่างนั้นเขาก็จะตรวจสอบร่างของเจ้าสำนักด้วยว่ามีสิทธิ
ที่จะเป็นเจ้าสำนักต่อหรือยัง ยังไงซะความแข็งแกร่งของเจ้าสำนักก็
ยังน้อยเกินไป และไม่ได้มีท่าเคลื่อนย้ายพริบตา มองทะลุขั้นสูงและ
ทักษะหลอกลวง การจัดการกับเรื่องบางอย่างจึงยุ่งยากอยู่บ้าง
โชคดีที่สำนักดังเฉียงตอนนี้เต็มไปด้วยผู้มีความสามารถ และมีพวก
ขอบเขตหลี่ซวนอยู่หลายคน แม้แต่พวกขอบเขตตุ้นชวนก็ยังมีอยู่
หลายคนด้วย เรื่องทั่วไปไม่จำเป็นต้องมารบกวนเจ้าสำนัก ร่างเจ้า
สำนักแค่ต้องคอยประจำการอยู่ที่นี่
ไม่กี่วันผ่านไป สูงขึ้นไปกว่าหมื่นฟุต จางหยูที่ทำการบ่มเพาะตลอด
ทั้งวัน ในที่สุดก็ขึ้นมาถึงจุดสำคัญของขอบเขตตุ้นซวนขั้นกลางแล้ว
ในวันนั้น จางหยูทำการบ่มเพาะอย่างจริงจัง แต่อยู่ ๆ เขาก็ได้ยินเสียง
ระบบที่หายไปนาน “ภารกิจหลักที่ 22 เสร็จสิ้น โฮสต์จะรับรางวัล
หรือไม่ ?”
จางหยูตกใจและรับตรวจสอบภารกิจ ก่อนจะต้องแปลกใจ
“ไป่ หลิงขึ้นเป็นปรมาจารย์ใช้ภาพลวงตา 4 ดาวแล้วรึ?”
จางหยูพบว่าเรื่องนี้มันแปลก เมื่อลองคำนวณวันเวลาดู ไป่ หลิงเกือบ
ที่จะทะลวงผ่านไปได้ แต่นางต้องไปที่ป่ าหวงหยวนทุกวันเพื่อทำ
การเรียน มันคงใช้เวลาอย่างมากในการฝึกฝน กว่าที่จะขึ้นเป็น
ปรมาจารย์ใช้ภาพลวงตา 4 ดาวได้
จางหยูกลับมาได้สติ และบอกกับระบบ “รับ!”
“รางวัลเทคนิคภาพลวงตา 4 ดาวถูกส่งมอบ โปรดตรวจสอบ
จางหยูเชี่ยวชาญภาพลวงตา 4 ตาวแล้ว แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนจาก
ทักษะชั่วคราว เป็นทักษะถาวร เมื่อภารกิจเสร็จสิ้น การรับรู้ของเขา
กวาดผ่านสำนักคังเฉียงด้านล่าง และร่างของไป่ หลิงก็ปรากฏขึ้นมา
ในหัวของเขา ไป่ หลิงเดินออกมาจากหอพักและบินไปยังบ้านพัก
ไม่นานนางก็มาถึงประตูบ้าน
เจ้าสำนักรับรู้การมาถึงของนางแล้ว เขามองไปที่อู่ซินซินและอ้าว
เสี่ยวหร่าน บอกให้พวกนั้นเล่นกันต่อ ก่อนที่ตัวเองจะเดินออกมา
จากบ้าน
“เจ้าสำนัก !” ไป่ หลิงคำนับให้ด้วยความเคารพ
“มีเรื่องอะไรรึ ?” เจ้าสำนักมองไปที่ไป่หลิงด้วยความสงสัย
ไป่ หลิงดูต่างไปจากเดิม นางตื่นเต้นและเศร้าหมอง ทำให้เจ้าสำนัก
สับสน
ไป่หลิงกัดฟันแน่นและพิมพ์ออกมา “เจ้าสำนัก ทักษะภาพลวงตา
ของข้าขึ้นเป็น 4 ดาวแล้ว !”
เจ้าสำนักยิ้มออกมา “ยินดีด้วย !”
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไม เขาถึงรู้สึกได้ว่าร่างจริงนั้นอารมณ์ดี ที่แท้ก็
เป็นเพราะว่าไป่หลิงได้ยกระดับภาพลวงตาเป็น 4 ดาวแล้ว
“เจ้าสำนัก ข้า ข้าต้องขอลา” ไป่ หลิงพูดขึ้นมาด้วยท่าที่โศกเศร้า
ร่างเจ้าสำนักไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “เจ้าแค่ลากลับบ้าน ไม่ได้
ลาออกจากสำนักดังเฉียงไปตลอดกาล ทำไมต้องคิดมากด้วย?”
ไป่ หลิงพึมพำ “แต่หลังจากที่ข้ากลับไปแล้ว ข้าต้องรับการสืบทอด
ซึ่งจะใช้เวลามาก และด้วยความแข็งแกร่งของข้าแล้ว มันต้องใช้
เวลาอย่างมาก บางทีอาจจะกินเวลาไปหลายเดือนกว่าจะได้มาพบ
ท่าน”
นางมองไปที่เจ้าสำนักด้วยดวงตาที่แดงก่ำ “ข้าไม่อาจจะทนได้!”
สำหรับไป่หลิงในอดีตแล้ว เวลาแค่ไม่กี่เดือนไม่ได้มีค่าอะไร แต่
ตอนนี้นางคิดต่างจากเดิมแล้ว การที่นางไม่ได้เจอกับจางหยูนั้น นาง
คิดไม่ออกเลยว่าจะใช้ชีวิตในช่วงเวลาแบบนั้นได้ยังไง
เจ้าสำนักไม่ได้คิดอะไรมากในเรื่องนี้ เขาพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “หาก
ไม่อยากไปก็จงไปตอนที่พร้อม”
ไป่ หลิงส่ายหน้า “ระดับการปมเพาะของข้าขึ้นไปถึงขอบเขตหลิง
ซวนแล้ว ข้าต้องกลับไปที่ตระกูลเพื่อรับการสืบทอดให้เร็วที่สุด
ยิ่งไปกว่านั้น ผ่านมานานขนาดนี้ ข้าคิดถึงท่านพ่อและท่านแม่ ข้า
คิดถึงตระกูลข้า น้องชาย น้องสาวของข้า…”
นางไม่ต้องการออกจากสำนักดังเฉียง แต่นางก็คิดถึงครอบครัวของ
นาง มันดูขัดแย้งกัน
เมื่อได้ยินแบบนั้นร่างเจ้าสำนักก็พูดอะไรไม่ออก ผู้หญิงเป็นสิ่งที่มี
ชีวิตที่ซับซ้อนที่สุดในโลก แม้แต่สัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิเพศเมียก็ไม่ใช่
ข้อยกเว้น ร่างเจ้าสำนักถึงกับสงสัยว่า เขาอาจจะไม่เข้าใจผู้หญิงไป
ตลอดชีวิตเลยก็ได้
“เจ้าว่าไงล่ะ ?” เจ้าสำนักผายมือและพูดขึ้นมา “อย่าคิดว่าข้าจะไป
เผ่าจิ้งจอกกับเจ้าด้วยนะ สำนักนี้ใหญ่โตและมีเรื่องที่ข้าต้องคอย
จัดการ หากไปสัก 2-3 วัน คงไม่ได้หนักหนาอะไรแต่ 2-3 เดือนคง
จะไม่ได้ !”
เมื่อพูดดักทางแบบนี้ ไป่ หลิงก็หน้าแดงขึ้นมา จนได้แต่กระพริบตา
สักพักไป่ หลิงก็รวบรวมสติ เผยรอยยิ้มออกมา “ข้าแค่ทนไม่ได้ แต่
ข้าไม่ได้หวังว่าเจ้าสำนักจะกลับไปที่เผ่าจิ้งจอกกับข้าด้วย”
ใบหน้าที่งดงามของนาง เผยรอยยิ้มขี้เล่นออกมา “แม้ว่าท่านต้องการ
จะไปกับข้า แต่ข้าคงไม่เต็มใจ!”
ร่างเจ้าสำนักมองไปที่ไป่ หลิงด้วยรอยยิ้ม “งั้นรึ? ดูเหมือนว่าข้าจะ
หลงตัวเองไปหน่อย !”
แม้จะรู้ว่าพูดหยอกล้อ แต่ไป่ หลิงก็ยังดีใจ หากไม่สนฐานะของอีก
ฝ่าย ไป่ หลิงคงจะบอกว่า “เจ้าโง่ ข้านะใบ้ให้เจ้าขนาดนี้แล้วทำไม
เจ้าถึงยังไม่รู้สึกตัวอีก ?”
บางครั้งไป่ หลิงก็อยากจะสารภาพทุกอย่าง แต่เมื่อคิดถึงความต่าง
ระหว่างทั้งสองคนแล้ว สุดท้ายนางก็ได้แต่เก็บมันไว้ในใจ นางกลัว
ว่ามันจะพัง กลัวว่าจะโดนจางหยูปฏิเสธ กลัวว่าแม้แต่ศิษย์สำนักดัง
เฉียงก็ไม่อาจจะรับได้ สำหรับนางแล้ว การได้อยู่กับจางหยูในฐานะ
ศิษย์ก็น่าจะพอใจแล้ว นางไม่อาจจะเสี่ยงเพราะกลัวผลที่จะตามมา
“ข้าขอตัวก่อน!” ไป่หลิงสะกดความเศร้าที่มีลงไป และบอกลาออก
มา
ร่างเจ้าสำนักพูดขึ้น “ไว้ค่อยไปพรุ่งนี้สิ “
ไป่ หลิงดวงตาเป็นประกายขึ้นมา เจ้าสำนักไม่อยากให้นางไปรึ?
แต่คำพูดต่อมาก็ทำให้นางสลด “ พรุ่งนี้ให้ไปบอกลาอาจารย์เฉิน
ด้วย เขาสอนเจ้ามาสักพักแล้ว การที่เจ้าจะกลับบ้าน เจ้าก็ควรไป
บอกเขาด้วย”
ร่างเจ้าสำนักเงียบไปชั่วครู่ และพูดขึ้นมา “นอกจากนี้มันก็ยังเหลือ
เวลาอยู่ ข้าจะสอนทักษะภาพลวงตาชั้น 4 ให้กับเจ้า”
ไป่ หลิงขึ้นเป็นปรมาจารย์ใช้ภาพลวงตา 4 ดาวแล้ว แต่ยังมีอีกหลาย
ส่วนที่ต้องเรียนรู้ ร่างเจ้าสำนักคุ้นกับเนื้อหาของทักษะภาพลวงตา
ชั้น 4 ดี จึงเป็นธรรมดาที่จะไม่กลัวการสอนไป่ หลิง
สายตาของนางแสดงความผิดหวังออกมา แต่การได้อยู่เพียงลำพังกับ
เจ้าสำนักนานแบบนี้ ก็ทำให้นางดีใจแล้ว นางจึงพยักหน้าตอบรับ
“มากับข้า” เจ้าสำนักหันกลับไปและเดินเข้าไปในบ้าน
ไป่หลิงเดินตามไปติด ๆ
ภายในสวน อู่ซินซินกำลังเล่นกับอ้าวเสี่ยวหร่าน เมื่อเห็นว่าไป่หลิง
เดินเข้ามา นางก็หยุดหัวเราะและตะโกนขึ้น “พี่ไป่ หลิง !”
สำหรับเด็กสาวที่น่ารักและฉลาดอย่างอู่ซินซินนั้น ไป่ หลิงค่อนข้าง
ชอบเด็กน้อยคนนี้ นางยิ้มออกมา “ซินซิน เสี่ยวหร่านยังเล็กอยู่ เจ้า
ห้ามรังแกนางนะ”
อ้าวเสี่ยวหร่านนั้นแข็งแกร่ง และอยู่ที่ขอบเขตตันซวนขั้นสูงแม้แต่
ไป่ หลิงที่อยู่ขอบเขตหลิงชวนขั้นกลาง ก็ไม่อาจจะรับรองได้ว่าจะ
เอาชนะอ้าวเสี่ยวหร่านได้ แต่ความคิดของอ้าวเสี่ยวหร่านเท่ากับเด็ก
อายุไม่กี่ปี นางอาจจะโดนอู่ซินซินรังแกก็ได้
“เสี่ยวหร่านทั้งสวยและน่ารัก ซินซิน ไม่คิดอยากจะรังแกนางหรอก”
อู่ซินซินหัวเราะออกมา จากนั้นนางก็ลูบหัวอ้าวเสี่ยวหร่าน “เจ้าตัว
น้อย บอกสิว่าไม่ใช่ ! “
อ้าวเสี่ยวหร่านมองไปที่อู่ซินซิน และมองไปที่ไป่ หลิง จากนั้นนางก็
พูดขึ้นมา “ใช่ พี่ซินซินไม่ได้รังแกอ้าวเสี่ยวหร่าน”
เจ้าสำนักโบกมือ “เอาล่ะ ไปเล่นต่อเถอะ ข้ามีเรื่องต้องพูดคุยกับพี่
ไป่หลิงของเจ้า”
เมื่อได้ยินแบบนั้นทั้งสองก็เดินออกไป เห็นได้ว่านางกลัวเจ้าสำนัก
นิด ๆ ไม่สิควรเป็นกึ่งมากกว่า หากเจ้าสำนักเอาจริงเอาจังขึ้นมานาง
จะกลัวนิด ๆ และนางก็ไม่กล้าจะขัดคำสั่งของเจ้าสำนัก
“นั่งลง” ร่างเจ้าสำนักบอกกับไป่หลิง
หลังจากที่ไป่ หลิงนั่งลงแล้ว เจ้าสำนักก็พูดขึ้นมา “มา แสดงทักษะ
ภาพลวงตาของเจ้าก่อน”
ในตอนเย็น ขณะที่แสงอาทิตย์กำลังรำไรอยู่นั้น ณ ที่ที่เงียบสงบ มี
แค่เสียงของร่างเจ้าสำนักที่ดังขึ้นมาอยู่บ้าง
สูงขึ้นไปกว่าหมื่นฟุต จางหยูได้จับตาดูอยู่สักพักก่อนจะละสายตา
กลับมา ในหัวของเขามีเสียงระบบที่ดังขึ้นมาโดยไม่คาดคิด “โฮสต์
กำลังสั่งสอนทักษะภาพลวงตา ระบบกำลังส่งภารกิจให้”
***
ภารกิจหลักที่ 29 : ฝึกฝนปรมาจารย์ใช้ภาพลวงตาชั้น 5
สำนักที่ยิ่งใหญ่ ควรดึงพรสวรรค์ของศิษย์ออกมา และฝึกฝนศิษย์
ในทางที่ถูกต้อง เพื่อดึงความสามารถของศิษย์ออกมามากที่สุด
รางวัล : ภาพลวงตาชั้น 5 (เพราะการขาดความเข้าใจของโฮสต์ ระบบ
จึงจะส่งทักษะภาพลวงตาชั้น 5 ให้เป็นการชั่วคราว เมื่อภารกิจเสร็จ
สิ้น จึงจะได้ทักษะไปอย่างถาวร)
เวลาจำกัด : 100 ปี
***
ในเวลาเดียวกันที่ได้ภารกิจมานั้น ความรู้เกี่ยวกับทักษะภาพลวงตา
ชั้นที่ 5 ก็โผล่ขึ้นมาในหัวของเขา ไม่นานเขาก็เป็นปรมาจารย์ใช้ภาพ
ลวงตาขั้นที่ 5 แบบชั่วคราว ถึงอย่างนั้นภาพลวงตาชั้นที่ 5 ของเขาก็
ยังแข็งแกร่งกว่าผู้ใช้ภาพลวงตา 5 ดาวทั่วไปซะอีก
จางหยูมั่นใจว่าหากใช้ภาพลวงตาตอนนี้ แม้แต่พวกขอบเขตหลี่ซวน
ก็ไม่อาจจะมองออกได้!
มีแค่พวกขอบเขตตันซวนที่มีสายตาดี ๆ เท่านั้น ที่จะมองจุดอ่อนได้
เพียงเล็กน้อย
“เวลาจำกัดคือ 100 ปี…ตามที่ระบบตัดสินมา หากไม่มีองค์ประกอบ
ภายนอกมาเกี่ยวข้อง ข้าจะต้องสั่งสอนไป่ หลิงไปทีละขั้นอย่างน้อย
หลายสิบปี เพื่อยกระดับนางให้เป็นปรมาจารย์ใช้ภาพลวงตาขั้นที่ 5”
จางหยูคิด ไป่หลิงมีสายเลือดจิ้งจอกเวทย์และพรสวรรค์ภาพลวงตา
ที่ไม่ได้ต่ำ มันต้องใช้เวลาอย่างน้อยหลายสิบปีเพื่อจะเลื่อนขั้นขึ้นไป
ยังขั้นที่ 5 ได้
“ตอนนี้ข้าแค่ต้องฝึกไป่ หลิงให้เป็นปรมาจารย์ใช้ภาพลวงตาขั้นที่ 5
หากเป็นขั้น 6 ล่ะ ? มันจะไม่กินเวลาหลายร้อยปีเลยรึ ? นอกจากนี้
เซียวเหยียน, เหลยเจี้ยน, หนิวซิงไห่, เติ้งชิวฉาน, อูโม่, ผังหลง….
ตอนที่พวกนั้นพัฒนาขึ้นมา มันต้องใช้เวลาหลายสิบปีหรือหลาย
ร้อยปีกัน? กว่าที่พวกเขาจะไปยังอีกขั้นได้ ?”
สำหรับจางหยูที่อายุแค่ 50 ปีในสองชีวิตนี้ เวลา 100 ปี ยาวนานจน
คาดไม่ถึงเลย
ภารกิจนี้เหมือนจะเรียบง่ายและใช้เวลาได้ตามใจ แต่มันกินเวลานาน
เกินไป !
ภารกิจที่ใช้เวลากว่าร้อยปี หากไม่มีความอดทนมากพอ มันก็เท่ากับ
เป็นการทรมานกันชัด ๆ !
แน่นอนว่านี่เป็นแค่ความคิดของจางหยู บางทีหลังจากที่เขาอยู่ไป
หลายร้อยปีหรือหลายพันปี ความคิดนี้อาจจะเปลี่ยนไป บางที
สำหรับเขาในตอนนั้น เวลาหลายสิบปีคงแค่ชั่วครู่
“โชคดีที่ข้ายังมีทักษะถ่ายทอดความรู้ ข้าคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าภารกิจที่
ใช้เวลาหลายร้อยปีจะเป็นยังไง” จางหยูดีใจและขอบคุณโอวเสินเฟิง
เป็นอย่างมาก หากไม่ได้รับโอวเสินเฟิงเข้ามา เมื่อเผชิญหน้ากับ
ภารกิจที่กินเวลาหลายสิบปีหรือหลายร้อยปีจางหยูก็คิดภาพไม่ออก
เลยว่ามันจะทรมานแค่ไหนกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบเจ้าสำนัก