ตอนที่ 353 ปลดทหาร
“พวกเราสาบานว่าจะทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด!” ชายแก่
ทั้งหกคุกเข่าลงไป และตะโกนออกมา
เฉินกูมองไปยังทั้งหกคน และละสายตาไปมองสัตว์อสูรตัวอื่น ๆ
“นอกจากไป่หลิงแล้ว พวกเจ้าเองก็มาเป็นศิษย์นอกของข้าได้ พวก
เจ้าสนใจหรือไม่ ?”
กลุ่มสัตว์อสูรด้านหลังต่างพากันตื่นเต้นขึ้นมา
พวกสัตว์อสูรต่างพากันคุกเข่าลงไปกับพื้นทันที “ผู้น้อยเต็มใจ !”
ฐานะของศิษย์นอกนี้ แม้ว่าจะด้อยกว่าศิษย์สายตรง แต่ไม่ว่ายังไงซะ
พวกเขาก็ได้ชื่อว่าเป็นศิษย์ของราชาสัตว์อสูร ด้วยตัวตนนี้ ไม่ว่าจะ
ไปที่ไหน ก็ไม่มีใครกล้ามองข้ามพวกเขา
บอกได้ว่าสัตว์อสูรขอบเขตตันชวนเหล่านี้ ต่างก็กระสันที่อยากจะ
เป็นศิษย์นอกของเฉินกูด้วยซ้ำ!
ตอนนี้เมื่อเกิดเรื่องดี ๆ แบบนั้นขึ้น พวกเขาจะปฏิเสธได้ยังไง ?
พวกเขาไม่ต้องการของขวัญอันใด การได้เป็นศิษย์ของเฉินกู นั่นคือ
ของขวัญที่ดีที่สุดแล้ว!
ไม่นาน เฉินกูก็สั่งให้ทุกคนแยกย้ายกันกลับ
“พี่ใหญ่ แล้วพบกัน” มังกรแดงเริ่มปรับตัวเข้ากับบทบาทใหม่ได้
แล้ว
“แล้วพบกับ” อินทรีย์ปีกฟ้าพูดขึ้นมาอย่างใจเย็น
หลังจากที่ร่ำลาสัตว์อสูรต่าง ๆ แล้ว ไป่ หลิงก็ไม่ได้มัวอยู่ต่อ นาง
ออกเดินทางไปพร้อมกับชายแก่ทั้งหก
ในเรื่องการขายตั๋วเข้าป่ าหวงหยวนนั้นไป่ หลิงได้พูดคุยกับเทียนฮง
ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เรื่องนี้เทียนยังจะเป็นผู้จัดการเอง
“ฟิ้ว…” ไป่ หลิงและชายแก่ทั้งหกบินขึ้นบนท้องฟ้าและมุ่งหน้าไปยัง
ทิศตะวันตกทันที
มังกรแดงและสัตว์อสูรตัวอื่น ๆ พากันกลับไปที่สำนักคังเฉียง
หลังจากนั้นอินทรีย์ปีกฟ้าและสัตว์อสูรตัวอื่น ๆ ก็กลับไปทำการบ่ม
เพาะที่สำนัก มังกรแดงยุ่งอยู่ที่ตีนเขาเพื่อทำการสร้างเมืองใหม่
ในคฤหาสน์เจ้าเมืองที่สร้างขึ้นมาในเมืองใหม่ ฉินเหลียนค่อย ๆ วาง
พู่กันลงก่อนจะกุมขมับ เขาได้ถอนหายใจออกมา “ในที่สุดก็เสร็จ!”
บนโต๊ะนั้นมีกองเอกสาร หน้าแรกของกองเอกสารพวกนั้นเขียน
เอาไว้ว่า — แจ้งกฎ
หลังจากที่คิดทบทวนมาหลายวัน ในที่สุดเขาก็ได้รายละเอียดของ
กฎเกณฑ์ต่าง ๆ มา เนื้อหาเป็นไปตามที่จางหยูบอกเอาไว้งานของ
เขาคือตั้งเงื่อนไขและกฎเกณฑ์เหล่านั้นให้ชัดเจนไม่ให้มีช่องโหว่
เหตุผลที่ฉินเหลียนเพิ่งจะทำกฎพวกนี้เสร็จ ก็เพราะว่าเขาเพิ่งจะ
จัดการกับใบลงทะเบียนที่กองเป็นภูเขาเหล่ากาเสร็จเมื่อไม่กี่วันก่อน
นี้เอง หากเป็นคนที่มีระดับการบ่มเพาะถึงขอบเขตว่อซวน พวกเขาก็
จะได้การรับรอง หากไม่ถึงก็จะถูกปฏิเสธ มันเหมือนจะเป็นงานง่าย ๆ
แต่กลับน่าเบื่อมาก
“เข้ามา” ฉินเหลียนลุกขึ้นยืนเพื่อยืดกล้ามเนื้อ ก่อนจะตะโกนออกไป
นอกบ้าน
ไม่นานชายวัยกลางคนในชุดเกราะก็เดินเข้ามา “นายท่าน !”
ฉินเหลียนชี้ไปที่กองเอกสารบนโต๊ะ “สั่งการออกไปให้คนคัดลอก
เนื้อหาในกระดาษแผ่นนี้มา 100 ฉบับ แล้วติดประกาศให้ทุกคนได้
เห็น
“ได้ !” ชายวัยกลางคนรับคำสั่ง ก่อนจะเก็บม้วนกระดาษนั้นไป แล้ว
เดินออกจากห้อง
หลังจากนั้นสักพัก ชายวัยกลางคนก็กลับเข้ามา แล้วพูดขึ้น “นาย
ท่าน ข้าน้อยได้สั่งการออกไปแล้ว และน่าจะเสร็จสิ้นใน 1 ชม.”
ฉินเหลียนพยักหน้าและถามขึ้นมา “การก่อสร้างเมืองใหม่เป็นยังไง
บ้าง ?”
หลายวันมานี้เขามุ่งอยู่กับเรื่องเอกสารจนไม่มีเวลาตรวจสอบ
สถานการณ์ด้านนอก เมื่อเขาจัดการเรื่องเอกสารเสร็จแล้ว เป็น
ธรรมดาที่เขาจะสนใจเรื่องการก่อสร้างเมืองใหม่ ยังไงซะ นี่ก็เป็น
งานแรกที่เจ้าสำนักมอบหมายให้กับเขา เขาต้องทำมันให้สำเร็จ
ชายวัยกลางคนตอบกลับ “พื้นฐานถูกวางแล้ว ระบบสาธารณะอย่าง
ลานว่าง และถนนก็เสร็จสิ้นแล้ว บ้านก็ถูกสร้างขึ้นมาแล้ว…”
เมื่อพูดถึงจุดนี้ชายวัยกลางคนก็เงียบไป
“มีปัญหาอะไร ?” ฉินเหลียนถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
“นายท่าน การสร้างเมืองขึ้นมาต้องใช้เงินมากมาย ตอนนี้เงินในคลัง
หมดแล้ว ข้ากังวลว่าหากยังเป็นแบบนี้ต่อไป เมืองคงไม่อาจจะสร้าง
เสร็จได้และเงินในคลังคงหมดแน่” ชายวัยกลางคนพูดต่อ
“บ้านพวกนี้สร้างขึ้นมาเพื่อผู้คน ทำไมไม่คิดเงินกับพวกเขา? วัสดุ
ในการสร้างบ้านเอาถูกกว่านี้ไม่ได้? ข้าจำได้ว่าตอนที่สร้างเมืองเก่า
นั้น เราก็ไม่ได้ใช้วัสดุที่ดีเท่าไหร่…”
หากลดคุณภาพของวัสดุลงแล้ว มันก็จะประหยัดเงินได้อย่างมาก
สำหรับชายที่อยู่กับฉินเหลียนมากว่า 20 ปี ฉินเหลียนนั้นเชื่อใจเขา
และเข้าใจว่าอีกฝ่ายคิดอะไร ดังนั้นเขาจึงไม่โทษอีกฝ่าย
“มันเป็นการตัดสินใจของเจ้าสำนัก ที่จะให้พวกนั้นเข้าไปอยู่ฟรี ๆ”
ฉินเหลียนส่ายหน้าและอธิบายออกมา
“เพราะเมืองทะเลทรายก่อนหน้านี้ จะยกให้กับสำนักคังเฉียง เจ้า
สำนักไม่คิดจะเอาเปรียบพวกชาวบ้าน ดังนั้นข้าจึงได้แต่ตัดสินใจ
แบบนี้”
ชายวัยกลางคนตะลึง เมื่อรู้ว่ามันเป็นการตัดสินใจของเจ้าสำนัก จึง
ไม่แสดงความคิดเห็นอีก
“แล้วปัญหาเรื่องวัสดุล่ะ?” ชายวัยกลางคนถามขึ้นมา “ชาวบ้าน
ไม่ได้ต้องการบ้านที่ราคาแพงอะไร ตราบใดที่พักอาศัยได้ก็พอแล้ว
ท่านจำเป็นต้องใช้วัสดุดี ๆ ด้วยรึ ?”
หากเป็นคนอื่น ฉินเหลียนคงใช้ฐานะของตัวเอง และอำนาจของเจ้า
สำนักบังคับให้เปลี่ยนวัสดุไปแล้ว แต่มังกรแดงไม่ใช่แค่อยู่ขอบเขต
หลิงชาน แต่ยังเป็นศิษย์ของสำนักคังเฉียงอีกด้วย ฐานะศิษย์เมื่อ
เทียบกับเจ้าเมืองอย่างเขาแล้ว ตำแหน่งของมังกรแดงนั้นสูงส่งกว่า
มาก หากสร้างปัญหาขึ้นมาจริง ๆ เขาคงทำให้มังกรแดงไม่พอใจ
เขาจะรับมือกับมังกรแดงไหวได้ยังไง ?
“ถ้าเป็นเช่นนั้น เมื่อไหร่ที่เงินหมดคลังเราจะหยุดสร้างเมืองขึ้นมา
รึ?” ชายวัยกลางคนคิ้วขมวด แสดงสีหน้ากังวลออกมา
“หากเจ้าสำนักจะถือโทษ งั้นสถานการณ์ของท่านคงไม่สู้ดีนัก”
“ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนี้ “อยู่ ๆ ฉินเหลียนก็ยิ้มออกมา
ชายวัยกลางคนมองไปที่ฉินเหลียนด้วยความสงสัย
ฉินเหลียนพูดขึ้น “มังกรแดงรับปากกับข้าแล้วว่า หากเงินในคลังไม่
พอ เขาจะออกค่าใช้จ่ายเอง จนกว่าจะสร้างเมืองสำเร็จ”
“เขานะรึ?” ชายวัยกลางคนสงสัย “เขามีเงินมากเท่าไหร่กัน ?”
ฉินแหลียนหัวเราะออกมา “หลัวซง เจ้าดูถูกเงินที่มังกรแดงมีเกินไป!
หากมองทั้งอาณาจักรโจวแล้ว ไม่มีใครรวยไปกว่าเขาได้ ! เอาจริง ๆ
แล้วจึงจอกพันหน้า, มังกรแดง, อินทรีย์ปีกฟ้า เจ้าแห่งเขตมืดทั้ง
สามน่ะ รวยอย่างมาก ! แม้แต่กรมการค้าและราชวงศ์ก็ยังต้อยกว่า
พวกเขา ! การสร้างเมืองนี้ขึ้นมานั้นสำหรับพวกเขาใช้เงินแค่เพียง
เศษเสี้ยวเท่านั้น”
หลัวซงตกใจขึ้นมา เขาเบิกตากว้างด้วยความสงสัย “พวกเขารวยรึ?”
“ทั้งเขตมืดเป็นของพวกเขา แล้วพวกเขาจะไม่มีเงินได้ยังไง?” ฉิน
เหลียนหัวเราะออกมา “นอกจากนี้เงินที่ได้มาจากการขายตั๋วในแต่
ละวัน ก็เพียงพอที่จะสร้างเมืองเล็ก ๆ ขึ้นมาได้”
เจ้าแห่งเขตมืดทั้งสามเองก็จ่ายภาษี ฉินเหลียนจะไม่รู้ถึงความร่ำรวย
ของทั้งสามได้ยังไง
ฉินเหลียนตบไหล่หลัวซง และพูดขึ้นมา “ในเรื่องเงินแล้ว เจ้าไม่
ต้องกังวลใด ๆ เราแค่ต้องคอยย้ำกับพวกช่างก่อสร้าง เพื่อป้องกัน
ไม่ให้พวกนั้นทำงานผิดพลาด ยังไงซะเจ้าสำนักก็จับตาดูอยู่ เราไม่
อาจที่จะประมาทได้”
หลัวซงพยักหน้า
“ใช่สิ ที่ข้าให้เจ้าไปจัดการก่อนหน้านี้เป็นยังไง?” ฉินเหลียนถาม
“ท่านหมายถึง…การจัดระบบทหารใหม่น่ะรึ?”
“ถูกต้อง”
“ตามที่ท่านบอกมา ทหารเมืองทะเลทรายชั่วคราวที่ยังไม่ได้
เคลื่อนย้ายไปไหน ในหมู่ทหารต่างเมืองที่อยู่ต่ำกว่าขอบเขตฉีซวน
ขั้นที่ 7 ล้วนแยกย้ายกันไปแล้ว แต่ถ้าหากมีปัญหาอะไรก็สามารถ
กลับมารวมตัวกันได้ ปัจจุบันนี้เหลือทหารต่างเมืองทั้งหมด 319คน
ในบรรดาทหารเหล่านั้น เป็นทหารจากเมืองตงโจว 112 คน เมืองจิน
หัว 63 คน เมืองจือโจว 45 คน เมืองนิ่งหยาง 36 คน เมืองเหยียน 21
คน เมืองจ้านซุ๋ย 18 คน เมืองอูซาน 16 คน เมืองอู่ซวง 8 คน ส่วน
เมืองที่เหลือไม่มีทหารเหลืออยู่เลย”
ฉินเหลียนแปลกใจขึ้นมา “ไม่มีเหลือเลยรึ ?”
หลัวซงยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “มีหลายเมืองที่แย่กว่าเมืองของเรา
ทหารที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่ขอบเขตฉีซวนขั้นที่ 6 แม้แต่เจ้าเมืองของ
พวกนั้น ก็ยังอยู่แค่ขอบเขตฉีซวนขั้นที่ 8”
เมืองทะเลทรายค่อนข้างเป็นเมืองที่ล้าหลังและอ่อนแอในเขตตงโจว
แต่หลัวซงกลับคิดไม่เลยถึงว่า ยังมีอีกหลายเมืองที่อ่อนด้อยกว่า
เมืองทะเลทราย
“ข้าคิดว่าเมืองทะเลทรายแห่งนี้ด้อยแล้ว แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่า…”
ฉินเหลียนส่ายหน้าและถอนหายใจออกมา
หลัวซงลังเลและพูดขึ้นมา “นายท่านเราปลดทหารไปมากแบบนี้ใน
คราวเดียว มันไม่ดูเกินไปหน่อยรึ? คนแค่ร้อยกว่าคนแค่นี้ ไม่มีทาง
รักษาความเป็นระเบียบในเขตได้ ยิ่งไปกว่านั้น ทหารที่เหลืออยู่ก็
รู้สึกกังวล ถ้าหากจัดการไม่ดีล่ะก็ เกรงว่าคนเหล่านั้นคงพากัน
ลาออกแน่….”
เขตตงโจวแต่เดิมแล้วมีทหารอยู่ถึง 80,000 คน แต่ตอนนี้กลับถูก
ลดลงเหลือแค่ 300 คนเท่านั้น
80,000 หากเทียบกับ 300 แล้วมันต่างกันอย่างมาก
โชคดีที่ทหารสามร้อยคนที่เหลือนั้นล้วนเป็นทหารที่มีระดับการบ่ม
เพาะอยู่ที่ขอบเขตฉีซวนขั้นที่ 7 ขึ้นไป ซึ่งนับได้ว่าเป็นทหารหัวกะทิ
อย่างแท้จริง!
ทหารที่ปลดออกไป ส่วนใหญ่ก็เป็นทหารที่ไม่มีความสามารถ ไม่ว่า
พวกเขาจะมีพฤติกรรมอย่างไร แต่ถ้าหากไม่แข็งแกร่งพอก็ไม่ผ่าน
เกณฑ์ของฉินเหลียน
ฉินเหลียนเบิกตากว้าง “พวกเขาจะกล้ารึ!”
หากทำงานไม่ครบตามเวลาที่กำหนดพวกนั้นจะถือว่าเป็นพวกละทิ้ง
หน้าที่ คนแบบนั้นไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ต้องโดนหัวเราะเยาะ
หลัวซงไม่ได้เกี่ยงอะไร เพราะความเป็นไปได้นี้ไม่ได้สูงนัก แต่การ
ให้ทหารแค่ 300 คนมาดูแลความเป็นระเบียบของทั้งเขตตงโจวที่มี
หลายเมือง และถึงกับต้องให้เจ้าเมืองเป็นผู้สั่งการ หากยังเป็นแบบนี้
ต่อไป ทหารอาจจะไม่ลาออก แต่เจ้าเมืองนี้แหละที่จะออกก่อน
“ทหารอาจล้ำค่า แต่ก็ไม่ได้มากถึงขนาดนั้น” ฉินเหลียนพูดขึ้นมา
“เจ้าให้พวกเขาดูแลสถานการณ์ไปก่อนอีกสามวันจะมีทหารใหม่ไป
รายงานตัวเอง”
หลัวซงพูดขึ้นมา “3 วัน เร็วแบบนั้นเลยรึ? แต่เวลาสั้นแค่นี้ จะได้
ทหารมากแค่ไหนกันเชียว ยิ่งไปกว่านั้นเกณฑ์ในการรับทหารของ
ท่านก็ยังสูงเกินไปด้วย…”
ผู้คนในโลกนี้ ต่างก็คิดว่าคนดีคงไม่เป็นทหาร และเหล็กกล้าคงไม่
ทำเป็นตะปู นอกซะจากว่าหาทางไปไม่ได้ ไม่งั้นผู้คนคงไม่คิดจะ
เดินในเส้นทางอื่น ไม่ว่าจะที่ไหน การรับสมัครทหารก็เป็นเรื่องยาก
บางเมืองแม้ว่าจะใช้เวลา 1 ปี แต่ก็ไม่อาจจะรับทหารได้ถึง 100 คน
เกณฑ์ในการรับทหารในแต่ละเมืองนั้นต่ำเป็นอย่างมาก ตราบใดที่
บ่มเพาะได้ และมีเกณฑ์เพิ่มเติมในบางด้าน พวกเขาก็รับเข้าเป็น
ทหารเพราะมันไม่มีตัวเลือกอื่น
ดังนั้นการที่หลัวซงกังวลก็ใช่ว่าจะไร้เหตุผล
“เจ้าเห็นประกาศที่ข้าให้เจ้าไปหรือยัง?” ฉินเหลียนยิ้มออกมา
“ข้ายังไม่ทันได้ดูเลย” หลัวซงตอบกลับตามความจริง
“ฮี่ฮี่ เมื่อเจ้าได้เห็น เจ้าจะเข้าใจเองว่าทำไมข้าถึงได้มั่นใจนัก” ฉิน
เหลียนยิ้มออกมา “ข้าไม่ได้กังวลเรื่องการรับทหาร ในทางกลับกัน
แล้วข้ากลัวว่ามันจะมีคนมากเกินไปด้วยซ้ำ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบเจ้าสำนัก