ตอนที่ 358 ช่วงสำคัญ (III)
คนเดียว ?
แม้แต่หยานซานที่แข็งแกร่งที่สุด ในหมู่ขอบเขตฉีซวนก็ยังพ่ายแพ้
มีใครบ้างที่กล้าประมือกับเย่ลั้วเพียงลำพังอีก ?
ทุกคนต่างก็พากันก้มหน้า ไม่มีใครกล้าเลยสักคน พวกเขาต่างก็
หงุดหงิดในใจ แต่ก็ไม่มีใครกล้าตอบคำถามนี้
“ข้าได้บอกไปแล้วว่า ให้เข้ามาทีละ 30 คน พวกท่านไม่ฟังกันเอง”
เย่ลั้วส่ายหน้า
“แล้วข้าจะรู้รึไงว่าเจ้าจะเก่งขนาดนี้?” ผู้คนต่างก็พากันเงียบ
เย่ลั้วพูดขึ้นต่อ “ก็ได้ ข้าจะให้โอกาสพวกท่านอีกรอบ กฎเดิมมาที
ละ 30 คน หากอยู่ได้ 3 อึดใจไม่ออกจากวงกลมนี้ พวกท่านก็จะผ่าน
การทดสอบ”
เมื่อได้ยินแบบนั้นทุกคนต่างก็พากันโล่งอก พวกขอบเขตฉีซวนที่ใจ
กล้าหน่อย กลัวว่าเย่ลั้วจะเปลี่ยนใจอีก พวกเขาจึงรีบเดินเข้าไปใน
วงกลมทันที และทำการล้อมเย่ลั้วเอาไว้
ไกลออกมา สองพี่น้องพากันมองไปที่เย่ลั้วและคนอื่น ๆ เขาถาม
น้องชายที่อยู่ข้าง ๆ “น้องสอง เจ้าคิดว่าพวกเขาจะผ่านการทดสอบนี้
หรือไม่ ?”
“คนจากสำนักคังเฉียง แต่ละคนต่างก็ลึกลับ และไม่อาจจะคาดเดา
ได้ เมื่อครู่นี้ เย่ลั้วปราณี ไม่งั้นแล้วหยานซานคงมีสภาพที่แย่กว่านี้
การจะผ่านการทดสอบนี้ คงต้องดูอารมณ์ของเย่ลั้วด้วยไม่ใช่รึ? หาก
เย่ลั้วไม่ต้องการให้พวกนี้ผ่านการทดสอบ แม้ว่าจะร่วมมือกัน แต่ข้า
ก็กลัวว่าคงยากที่จะทนได้ถึงสามอึดใจ” ชายร่างกำยำตอบกลับ
“นอกซะจากว่า แต่ละคนจะแข็งแกร่งทัดเทียมกับหยานซาน”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ชายตัวใหญ่ก็พึมพำออกมา “งั้นเราก็ไม่มีโอกาส
สินะ ?”
หากคนกลุ่มแรกซึ่งอยู่ขอบเขตฉีซวนขั้นที่ 9 ที่กล้าเข้าไปในวงกลม
นี้ยังไม่ผ่าน งั้นพวกเขาสองคนก็ไม่ต้องคาดเดาเลยว่ายิ่งหมดหวัง
ตอนที่สองคนพูดคุยกันอยู่นั้น เย่ลั้วก็เริ่มลงมือ
เขาไม่ได้ลงมือโฉ่งฉ่างอะไร เขาโจมตีแบบเรียบง่ายและตรงไปตรงมา!
ฝ่ามือพุ่งไปในอากาศ เหมือนจะไม่มีพลัง แต่ความเร็วของมันรวดเร็ว
เป็นอย่างมาก และแฝงไปด้วยพลังที่น่ากลัว ถึงจะไม่ได้เป็นภัยคุกคาม
ต่อพวกขอบเขตว่อชวน แต่หากพวกขอบเขตฉีซวนรับมันเข้า มันคง
ไม่ใช่เรื่องง่าย
ปัง ปัง ปัง…
อากาศในวงกลมเริ่มผันผวน ยิ่งเข้าใกล้เย่ลั้วมากเท่าไหร่ อากาศที่ผัน
ผวนนั้นก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเท่านั้น ผู้ปมเพาะหลายคนที่อยู่ในวงกลมโดน
อากาศนั้นอัดเอา
ต่อมา ผู้บ่มเพาะกว่าครึ่งในวงกลม ก็โดนอากาศนั่นซัดเข้าใส่และ
ต้องกระเด็นออกมาจากวงกลม
ไม่กี่อึดใจก็เหลือแค่สามคนที่อยู่ในวงกลม แต่ละคนต่างก็พากัน
บาดเจ็บ!
หนึ่งในนั้นเท้าอยู่ขอบวงแล้ว เขาเกือบจะหลุดออกจากวง!
เมื่ออากาศสงบลง เย่ลั้วก็ไม่คิดจะลงมืออีก เขามองไปยังทั้งสามคน
ที่ยังเหลือรอดและพูดขึ้นมา “พวกท่านผ่าน”
สำหรับพวกที่กระเด็นหลุดออกจากวงไปนั้น เย่ลั้วไม่ได้คิดจะสนใจ
ทั้งสามคนที่ผ่านการทดสอบ ไม่ได้แสดงสีหน้าดีใจออกมากลับกัน
แล้วพวกเขากลับรู้สึกแย่ และมีความกลัวแฝงอยู่ในสายตา
คนที่ได้ประมือกับเย่ลั้วเท่านั้น ถึงจะเข้าใจพลังที่เย่ลั้วมี!
“พระเจ้า เราไม่อาจจะรับมือกับกระแสลม ที่มาจากฝ่ามือนั้นได้เลย
หากเขาฟาดเราเข้าตรง ๆ…” พวกที่ผ่านการทดสอบพากันเหงื่อตก
ราวกับว่าเพิ่งผ่านพ้นความตายมา
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ฝ่ามือของเย่ลั้วที่ใช้ออกมาในตอนนี้ น่ากลัวกว่า
ตอนที่ไปโจมตีหยานซานซะอีก
หยานซานที่เพิ่งลงทะเบียนเสร็จ เมื่อเห็นแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่กลืน
น้ำลาย “แข็งแกร่งจริงๆ!!”
ตอนนั้นทุกคนต่างก็พากันเข้าใจความแข็งแกร่งที่เย่ลั้วมี
“ผู้คนที่ผ่านการทดสอบไปลงทะเบียนที่นั่น หากไม่ผ่านโปรดกลับ
ไปด้วย เย่ลั้วพูดขึ้น “หากข้ารู้ว่าใครทำการทดสอบซ้ำ ข้าคงไม่คิด
มากที่จะฟาดพวกท่านจริง ๆ”
ผู้บ่มเพาะที่คิดแบบนั้นในใจ พากันตัวแข็งทื่อไป และมองไปที่ฝ่ามือ
ของเย่ลั้วด้วยความกลัว พวกที่ผ่านการทดสอบโดยเฉพาะคนที่เกือบ
หลุดออกจากวงไป พากันรู้สึกว่าตัวเองช่างโชคดี
ในหมู่ฝูงชน ทุกคนต่างก็พากันกลั้นหายใจ ไม่อาจจะพูดอะไรออกมา
ได้
เข้ารับการทดสอบทีละ 30 คน แต่มีแค่ 3 คนที่ผ่าน อัตราการสอบตก
นี้ทำให้พวกเขากดดันเป็นอย่างมาก !
ต้องรู้ก่อนว่า 30 คนนี้ต่างก็อยู่ขอบเขตฉีชวนขั้นที่ 9 กันหมด!
ขอบเขตขวนขั้นที่ 9 เข้ารับการทดสอบ แต่ก็มีคนมากมายที่ไม่ผ่าน
แล้วพวกชั้นที่ 6 และ 7 จะมีโอกาสมากแค่ไหนกัน ?
ตอนนั้นสองพี่น้องต่างก็รู้สึกหนักใจ !
ตอนนั้นฉินเหลียนได้ยิ้มออกมา “ไม่เลว นายน้อยเย่ วิธีนี้มันดีจริง ๆ
ทั้งเรียบง่ายและตรงไปตรงมา แต่ให้ผลลัพธ์ที่วิเศษ !”
แผนเดิมของเขาก็คือให้คนพวกนี้มาแสดงความแข็งแกร่ง, ความเร็ว,
พละกำลังและการตอบสนองต่าง ๆ เพื่อให้คะแนนก่อนจะตัดสินใจ
ว่าจะรับหรือไม่ ในทางกลับกันแล้ว วิธีของเย่ลั้วนั้นทั้งเรียบง่ายและ
ตรงไปตรงมา ใครจะปฏิเสธได้ว่าวิธีนี้มันได้ผลจริง ๆ
ทุกคนที่รับมือกับการโจมตีของเยลิ้วได้ ก็มีสิทธิที่จะได้ตำแหน่ง
ทหารไปครอง
ฉินเหลียนไม่ได้โกรธแต่กลับพอใจอย่างมาก
…
“มาต่อ!”
เย่ลั้วไม่ได้สนใจสายตาของคนโดยรอบ เขาเงยหน้าขึ้นมองผู้คนและ
ตะโกนออกมา
ในหมู่ผู้คน คนด้านหน้าพากันมองหน้ากันและกัดฟันแน่นก่อนจะ
เดินเข้าไปในวงกลม
“หม่าซางซู กลับเป็นเจ้าจริง ๆ”
“ข้าคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าเขาจะมาด้วย เขาอาจจะไม่ได้แข็งแกร่งเท่า
หยานซาน แต่เขาก็แข็งแกร่งกว่าพวกขั้นที่ 9 ทั่วไป หากเขาเอาจริง
การทดสอบนี้คงไม่ยากสำหรับเขานัก”
ในหมู่ 30 คนที่เดินเข้ามาในวงกลม มีชายวัยกลางคนตัวผอมแห้งดู
โดดเด่นกว่าคนที่เหลือ ทุกคนต่างก็รู้จักเขา
ในแต่ละชุดที่เข้ารับการทดสอบ จะมีพวกมีพรสวรรค์อยู่บ้าง ในหมู่
พวกที่อยู่ขอบเขตนี้ชวนขั้นที่ 9 นั้น หยานซานโด่งดังและแข็งแกร่ง
ที่สุด แต่มันก็ยังมีคนอีกกลุ่ม ที่แม้ว่าจะไม่ได้โด่งดังเท่ากับหยานซาน
แต่ความแข็งแกร่งที่มีก็ดีกว่าพวกขั้นที่ 9 ทั่วไป หม่าซางชูคือหนึ่ง
ในนั้น
ทันทีที่เห็นหม่าชางซู พวกนั้นต่างก็พากันรู้สึกใจชื้นขึ้นมาบ้าง
เย่ลั้วถามขึ้นมาด้วยสีหน้าเฉยเมย “พร้อมรึยัง ?”
หม่าชางชูและคนอื่น ๆ พากันกระจายตัว เมื่อได้ยินที่เย่ลั้วพูด
พวกเขาพากันสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะพยักหน้า
ต่อมาเย่ลั้วก็ได้ทำการโจมตีอีกรอบ อากาศที่สงบนิ่งนั้นอยู่ ๆ ก็
ปั่นป่ วนขึ้นมา หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจ มันก็เหลือแค่ 6 คนที่ยืนอยู่ใน
วงได้ คนที่ยืนอยู่ตรงด้านหน้าสุดก็คือ หม่าชางซู !
“ท่านทำได้ดี !” เย่ลั้วมองไปที่หม่าชางชูด้วยความแปลกใจ
เขาไม่ได้คิดหลงตัวเอง
“ในหมู่พวกขอบเขตฉีชวนขั้นที่ 9 มีน้อยคนนักที่จะแข็งแกร่งได้ดั่ง
ท่าน คนที่สู้กับข้าคนแรกก็ใช่ว่าจะทำได้ดีกว่าท่าน”
หม่าชางซูไม่ใช่แค่เอาตัวเองรอด แต่ยังช่วยผ่อนแรงกดดันของอีก
สองคนด้วย เอาตรง ๆ แล้วคนที่เหลือต้องหวังพึ่งหม่าซางซู หากไม่
มีหม่าชางชูอยู่ พวกเขาอาจจะรับมือกันไม่ไหว !
เมื่อได้ยินที่เย่ลั้วพูดมา หม่าชางซูก็รีบตอบกลับ “ขอบคุณ นายน้อย
เย่ที่ชม!”
แม้ว่าเย่ลั้วจะเด็กกว่าเขา หรืออาจจะอายุน้อยกว่าลูกชายเขา แต่เขาก็
ไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่น่าอายเลยแม้แต่น้อย ในทางกลับกันแล้ว
การที่ถูกคนจากสำนักคังเฉียงชม นั่นถือว่าเป็นเกียรติที่เอาไปพูดได้
ทั้งชีวิต
“ดี ไปลงทะเบียนได้” เย่ลั้วโบกมือ
“ได้ !”
ทั้งหกคนต่างก็ตอบกลับด้วยความเคารพ และเดินหน้าไปหาฉินเหลียน
หลังจากนั้นหลัวซงก็ทำการลงทะเบียนให้กับพวกนั้น ซึ่งทำให้พวก
นั้นใจเย็นขึ้นมาได้มากกว่าเดิม
“พี่หม่า ขอบคุณมาก” พวกที่ผ่านการทดสอบมาพร้อมกับเขาต่างก็
มาขอบคุณ
ด้วยการที่คนแข็งแกร่งเข้าทดสอบด้วย โอกาสที่จะผ่านการทดสอบ
ก็มีมากขึ้น หม่าชางซูได้พิสูจน์ข้อนี้ให้เห็นแล้ว
“ฮี่ฮี่ อย่าใส่ใจเลย” หม่าชางซูพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“หม่าซางซู “ ตอนนั้นเอง หยานชานก็ได้มองไปที่หม่าชางซู สายตา
เขาแสดงความกระหายสู้ออกมา
“มาสู้กับข้า ! “ เขารู้สึกว่าความแข็งแกร่งของหม่าซางซูพัฒนาขึ้นมา
อย่างมากหลังจากที่สู้กันครั้งที่แล้ว
หม่าชางซูเงยหน้ามองไปที่ร่างของหยานซาน พร้อมกับยิ้มมุมปาก
ออกมา “ทำไมข้าจะไม่กล้า ?”
แต่พวกเขายังไม่ทันได้เริ่ม เสียงของฉินเหลียนก็ดังขึ้น “ฮึ่ม หากจะ
สู้กันก็ให้ไปสู้กันด้านนอก อย่ามาสร้างความวุ่นวาย”
หยานชานและหม่าชางซู ต่างก็พาก้มหน้ากันทันที
เมื่อเห็นว่าทั้งสองหยุดมือ สีหน้าของฉินเหลียนก็ดีขึ้นมาเล็กน้อย
เขากวาดสายตามองไปรอบ ๆ ก่อนจะหันไปสนใจการทดสอบต่อ
ปัง ปัง ปัง ปัง
เสียงของหนักตกลงที่พื้นดังขึ้น ตอนนั้นเองภายในวงกลมที่เย่ลั้ว
วาดไว้ ก็เหลือแต่ความว่างเปล่า ยกเว้นแค่ตัวเย่ลั้วเอง ตอนนั้นเหลือ
แค่สองคนที่อยู่ในสภาพสะบักสะบอม จนเกือบหลุดออกจากวงไป
เมื่อเห็นฉากนี้ ทุกคนก็พากันคิดทบทวน แต่ละคนต่างก็หันไปหาคน
ที่แข็งแกร่ง เพื่อเข้ารับการทดสอบพร้อมกับพวกนั้น
ตราบใดที่พวกเขามีคนแข็งแกร่งอยู่ด้วย โอกาสที่จะผ่านการ
ทดสอบก็จะสูงขึ้น
ตอนนั้นพวกคนดัง ๆ ก็ถูกรายล้อมไปด้วยผู้คน เพื่อที่จะได้รับความ
ช่วยเหลือจากคนพวกนั้น แต่ละคนต่างก็พยายามประจบอีกฝ่าย
“น้องสอง เราจะทำยังไงกันดี?” ชายตัวใหญ่ที่โดนดันมาด้านหน้า
ถามออกมาด้วยความสิ้นหวัง
มีพวกขอบเขตฉีซวนขั้นที่ 9 อยู่หลายคน ดังนั้นจึงไม่มีใครอยากอยู่
กลุ่มเดียวกับพวกเขา เพราะกลัวว่าพวกเขาจะเป็นตัวถ่วง ความจริง
ได้พิสูจน์แล้วว่า ยิ่งทีมแข็งแกร่งเท่าไหร่ โอกาสที่จะผ่านการทดสอบ
ก็มากขึ้นเท่านั้น เป็นธรรมดาที่พวกขั้นที่ 8 จะไม่มีคนสนใจ
นี่คือเรื่องของโชคชะตา ใครกันที่จะกล้าล้อเล่นกับเรื่องแบบนี้?
ชายร่างกำยำคิ้วขมวด ก่อนจะมองไปรอบ ๆ แล้วยิ้มออกมาอย่างขม
ขื่น “ข้าคิดหาทางอื่นไม่ออกเลย”
แม้พวกเขาจะเชื่อว่าตัวเองไม่ได้อ่อนแอ แต่เมื่ออยู่ในหมู่ขอบเขต
ฉีซวนขั้นที่ 9 พวกเขาก็ไม่ได้โด่งดังนัก คนที่รู้จักพวกเขาส่วนมากก็
มีแต่พวกขั้นที่ 7 และ 8 แม้ว่าพวกเขาจะบอกคนอื่น ๆ ว่าตัวเอง
ไม่ได้อ่อนแอกว่าพวกขั้นที่ 9 แต่ก็คงไม่มีใครเชื่อ
“บัดซบ!”
ตอนนั้นเองก็มีเสียงตะโกนดังขึ้น มีชายขอบเขตฉีซวนขั้นที่ 9 มอง
ไปที่ชายขอบเขตฉีชวนขั้นที่ 8 ที่อยู่ข้าง ๆ ด้วยสายตาเย็นชา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบเจ้าสำนัก