ตอนที่ 360 การทดสอบ (I)
ขนาดสถานการณ์ของผู้ที่อยู่ขั้นที่ 8 ยังแย่แบบนี้ แล้วพวกขั้น 7 ล่ะ
จะไม่แย่กว่าหรือ หากไม่มีพวกขั้นที่ 9 ให้พึ่งพิง
พวกขั้น 7 หลายคนพากันถอนตัวออกจากการทดสอบนี้นอกจาก
ไม่กี่คนที่มั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเองจริง ๆ ส่วนมากแล้วพา
กันถอยกลับและเปลี่ยนสถานะเป็นคนดูแทน
แม้แต่พวกขั้นที่ 8 ก็ยังพากันถอนตัวออกไปก็มี
ชายตัวใหญ่และชายกำยำสองพี่น้องต่างรู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก
พวกเขาทึ่งกับโอกาสตกรอบที่พวกขั้น 9 ได้ทดสอบไปก่อนหน้านี้
“ไม่มีใครอยากอยู่ทีมกับพวกเราเลยรึ?” สองพี่น้องเห็นว่าพวกขั้น 9
หลายคนพากันตีตัวออกห่างพวกเขา ชายวัยกลางคนก็คิ้วขมวด
เขาคิดแล้วว่ามันจะเป็นแบบนี้แต่การที่มันเกิดขึ้นจริง ๆ ก็ยังทำให้
เขาผิดหวัง
ชายตัวใหญ่เห็นสถานการณ์รอบตัว ก็อดไม่ได้ที่จะกังวลขึ้นมา
“น้องสอง ครั้งนี้เราจะทำยังไงกันดี ?”
หากไม่มีใครมาร่วมทีมกับพวกเขา พวกเขาคงโดนตัดสิทธิ ไม่อาจจะ
เข้ารับการทดสอบได้ มันต้องเป็นทีม 30 คนเท่านั้น
“งั้นพวกเราก็ต้องตั้งทีมกับพวกขั้นที่ 8” ชายกำยำเงียบไปสักพักก่อน
จะพูดขึ้นมา “ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเราแล้ว แม้ว่าจะมีพวกขั้น
ที่ 8 เข้ารับการทดสอบกับพวกเรา แต่พวกเราก็ยังมีหวังที่จะผ่านการ
ทดสอบไปได้ พวกขั้น 8 ในหมู่ผู้คนนี้ยังไม่ถอนตัวกันหมดมันต้อง
มีมากกว่าแค่สองคนแน่”
พวกขั้น 9 แทบทั้งหมดต่างก็พากันตีตัวออกห่างจากพวกขั้น 8 ทั้ง
แบบตั้งใจและไม่ตั้งใจ
หากสามารถสร้างทีมกับผู้ที่อยู่ชั้น 9 ขึ้นมาได้ มันคงถือว่าเป็นเรื่องดี
แต่ชายวัยกลางคนรู้ว่ามันคงยากที่จะให้พวกชั้นที่ 9 รับพวกเขาเข้าทีม
ด้วย ยังไงซะก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะโชคดีเหมือนกับชายขั้น 8 ก่อนหน้า
นี้ แม้ว่าจะมียอดฝีมือคอยช่วยเหลือ แต่จำนวนของยอดฝีมือแบบนั้น
ก็มาน้อย พวกเขาไม่อาจจะช่วยพวกขั้นที่ 8 ได้มากนัก
เมื่อได้ยินแบบนั้นชายตัวใหญ่ก็กัดฟันแน่น “ใช่ เราไม่ได้อ่อนแอ
ไม่ต้องพึ่งใครเราก็สามารถผ่านการทดสอบนี้ไปได้ !” ใครที่ว่านี้
หมายถึงพวกขั้นที่ 9
เวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ ที่ด้านนอกของคฤหาสน์นั้นมีทั้งคนดีใจและ
เสียใจ ทีมที่มีสมาชิกกว่า 30 คน มักจะมีคนผ่านสัก 2-3 คน หาก
มากกว่านั้นก็ถือว่าโชคดี อัตราการผ่านนี้น้อยจนทำให้ทุกคนรู้สึก
กดดัน พวกที่ยังไม่เข้ารับการทดสอบนั้นต่างก็พากันแสดงสีหน้า
เคร่งเครียดออกมา แม้แต่ยอดฝีมืออย่างจางเว่ยก็ยังไม่กล้าที่จะประมาท
เย่ลั้วยังคงทำการทดสอบต่อไปด้วยสีหน้านิ่งตั้งแต่ต้น การโจมตี
ของเขาไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่าเขาเป็นมนุษย์เหล็ก
ที่ไม่มีวันเหนื่อยล้า
“ปราณของเขายังไม่หมดอีกรึ?” หลายคนตกตะลึงกับความจริงข้อนี้
นานขนาดนี้แล้ว แต่เย่ลั้วก็ยังไม่พักเลยแม้แต่น้อย ทุกการโจมตีที่ใช้
ออกมานั้นเหมือนจะโจมตีออกมาเต็มกำลัง ราวกับว่าเขามีแรงกาย
และปราณนับไม่ถ้วนซึ่งน่าตกใจจริง ๆ ไม่ห่างออกมานัก หยานซาน
หม่าซางชูและคนอื่น ๆ ที่ผ่านการทดสอบต่างก็พากันทึ่ง “ศิษย์
สำนักคังเฉียงนี่ผิดปกติแบบนี้เลยรึ?”
พวกเขาเองก็อยู่ขั้นที่ 9 เช่นกัน แต่ความแข็งแกร่งที่เย่ลั้วมีนั้นสูงกว่า
พวกเขามาก แม้แต่ความอดก็ค่อนข้างน่าเหลือเชื่อ ผ่านมานานขนาด
นี้ แต่เขากลับไม่เหนื่อยเลย
“มันยากที่จะเชื่อว่าอัจฉริยะแบบนี้ กลับไม่โด่งดังในหมู่ศิษย์สำนัก
คังเฉียงเลย” ผู้คนต่างก็พากันตกตะลึง ในมุมมองของพวกเขาแล้ว
อัจฉริยะเช่นนี้หากมองทั้งทวีปป่ าแล้วก็หาได้ยากมาก
ขอบเขตฉีชวนขั้นที่ 9 ที่อายุ 18 ปีนั้น หาไม่ยาก นี่ไม่ต้องพูดถึงทั้ง
ทวีปป่ าเลย แค่เขตเหนือก็มีคนแบบนี้อยู่มากมาย แม้แต่ในอาณาจักร
โจวก็ด้วย กระทั่งเซียวเหยียนและโจวซินเอ่อร์ที่ก่อนจะเข้าร่วมสำนัก
คังเฉียง ก็ยังถือว่าเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่น แต่ความร้ายกาจของเย่ลั้วผู้
นี้ ไม่ได้อยู่ที่ระดับการบ่มเพาะขอบเขตฉีซวนขั้นที่ 9 แต่เป็นพลังที่
น่ากลัวสุดขีดเช่นนี้ต่างหาก แม้ว่าจะไม่เคยเห็นเขาประมือกับคนใน
ขอบเขตว่อชวน แต่หยานชานและคนอื่น ๆ ก็ไม่สงสัยเลยว่า ด้วย
ความแข็งแกร่งของเย่ลั้ว บางทีผู้บ่มเพาะขอบเขตว่อซวนขั้นต่ำ หรือ
แม้แต่ขั้นกลางก็ไม่ใช่คู่มือของเขา
เด็กน้อยขอบเขตฉีซวนขั้นที่ 9 สามารถทัดเทียมกับพวกขอบเขต
ว่อชวนขั้นกลางได้ ?
อัจฉริยะแบบนี้มีอยู่ในสำนักคังเฉียง !
“อัจฉริยะเช่นนี้ แม้แต่ในเขตกลางที่เป็นศูนย์รวมอัจฉริยะ ก็ไม่อาจจะ
หาอัจฉริยะระดับสูงแบบนี้ได้ แต่ชั้นเรียนของสำนักคังเฉียงนั้น เขา
แทบไม่ได้โดดเด่นอะไรเลย เพื่อนร่วมชั้นของเขาอาจจะผิดปกติยิ่ง
กว่านี้ก็ได้ !”
ชั้นเรียนที่น่ากลัว !
สำนักคังเฉียงนั้นน่ากลัว !
ชั้นเรียนมนุษย์ซึ่งถูกคนมากมายมองข้ามมาก่อนเริ่มแสดงเขี้ยวเล็บ
ออกมาด้วยการแสดงฝีมือของเย่ลั้ว
“พร้อมรึยัง ถึงตาเราแล้ว” จางเว่ยหันไปบอกกับชายที่อยู่ขั้น 8
ชายที่อยู่ขั้น 8 รีบพยักหน้าทันที “ผู้อาวุโส ข้าจะพยายามไม่ให้ท่าน
ต้องผิดหวัง !”
จางเว่ยพูดด้วยสีหน้าเฉยเมย “ทำให้ดีที่สุด”
ชายขั้นที่ 8 ได้ตัดสินใจไว้แล้วว่า ต้องผ่านการทดสอบให้ได้ หาก
ต้องตายเขาก็จะขอตายในวงกลมนั่น
เมื่อการทดสอบใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ คนใกล้ ๆ จางเว่ยก็พากันตื่นเต้น
ขึ้นมา และตอนนั้นเองก็เกิดเสียงดังโวยวายขึ้นมาอีก
“ขยะขั้นที่ 8 ถึงกับอยากจะผ่านการทดสอบ” สองพี่น้องที่อยู่ไม่ไกล
นักได้ยินชายขั้นที่ 9 ที่ก่อเรื่องก่อนหน้านี้พูดออกมา ไม่รู้ว่าอีกฝ่าย
จงใจรีไม่ แต่มันก็ทำให้พวกเขาโกรธ
ชายตัวใหญ่โกรธขึ้นมาจนอยากจะฆ่าอีกฝ่าย
ชายกำยำหยุดพี่เอาไว้และส่ายหน้าอย่างใจเย็น “ช่างมันเถอะพี่
คนเราก็พูดได้ตามที่ตัวเองต้องการนั่นแหละ”
เมื่อได้ยินแบบนั้นชายตัวใหญ่ก็ได้แต่ฮึดฮัดและยอมใจเย็นลง
เมื่อเห็นท่าทีของทั้งคู่ ชายขั้น 9 ก็สงสัยขึ้นมา “มีขยะที่ยังไม่รู้ตัวคิด
ว่าการที่มีขั้นที่ 9 ช่วย แล้วจะผ่านการทดสอบไปได้ อย่างที่ทุกคนรู้
ขยะก็คือขยะอยู่วันยังค่ำถึงแม้ว่าจะมีพวกขั้นที่ 9 คอยช่วย แต่ผลลัพธ์
ก็ไม่มีทางเปลี่ยนไปจากเดิมได้”
นี่คือคำพูดถากถาง มีใครบ้างจะไม่รู้บางทีเขาคงอยากจะด่าชายขั้นที่
8 ที่อยู่กับจางเว่ยแต่เขาก็ไม่กล้าทำให้จางเว่ยไม่พอใจ เป็นธรรมดาที่
เขาจะระบายอารมณ์กับพวกขั้นที่ 8 คนอื่น โชคร้ายที่สองพี่น้องนี้อยู่
ใกล้กับเขาที่สุด จึงกลายเป็นตัวรองรับอารมณ์ของเขา
“เจ้าหมายความว่ายังไง !” ชายตัวใหญ่ทนไม่ไม่ได้อีกต่อไป เขามอง
ไปที่ชายขั้นที่ 9 ด้วยสายตาอาฆาต
“ข้าพูดถึงเจ้ารึ? เจ้ารู้สึกว่าตัวเองเป็นขยะรีไง ?” ชายขั้นที่ 9 ไม่ได้
กลัว คำพูดเขาดูถากถางยิ่งกว่าเดิม
เขายอมรับว่าเขาไม่ได้โดดเด่นอะไรในหมู่ขั้นที่ 9 บางทีอาจจะมี
พวกขั้นที่ 8 ที่แข็งแกร่งเท่ากับขั้นที่ 9 แต่ทว่าคนแบบนั้นมีน้อยนัก
และเขาไม่คิดว่าสองพี่น้องนี่จะเป็นยอดฝีมือแบบนั้นได้
ดังนั้นเขาจึงแสดงท่าทีไม่พอใจต่อหน้าสองพี่น้องและไม่กลัวว่าอีก
ฝ่ายจะไม่พอใจ แค่พวกขั้น 8 สองคน หากไม่พอใจแล้วทำอะไรได้
พวกนั้นอยากสร้างปัญหาให้ตัวเองรึไง ?
“พี่ ใจเย็น ๆ ก่อน” ชายกำยำพูดขึ้นมา “อย่าทำให้การทดสอบล่าช้า
ไปเพราะคนแบบนี้เลย”
ชัดแล้วว่าทั้งสองเป็นพี่น้องกัน แต่นิสัยกับต่างกันอย่างสิ้นเชิงคนน้อง
ดูใจเย็นและสุขุม ทั้งสองมีความแข็งแกร่งที่น่าทึ่งและเข้าใจกันเป็น
อย่างดี พวกเขาไม่ได้อ่อนแอกว่าพวกขั้นที่ 9 เลย หากพวกเขาร่วมมือ
กัน พวกเขาก็กล้าจะรับมือกับพวกขั้นที่ 9 อย่างจางเว่ยด้วยซ้ำ
ชายตัวใหญ่สูดหายใจเข้าลึก ๆ ระงับความโกรธที่มีในใจ เขามองไป
ที่ชายขั้นที่ 9 และฮึดฮัดออกมา “โอกาสนะยังเหลือตอนที่จบการ
ทดสอบ!” เขามองไปที่อีกฝ่ายด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยความหมาย
ชายขั้น 9 ราวกับได้ยินเรื่องตลก “แค่เจ้าคนเดียวเนี้ยนะ?”
หากสองพี่น้องร่วมมือกัน เขาอาจจะมีปัญหาอยู่บ้าง ยังไงซะก็ไม่มี
ใครรู้ว่าหากทั้งสองร่วมมือกันแล้วจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่เขาก็ไม่
คิดจะสนใจหากอีกฝ่ายมาเพียงคนเดียว
“แค่เจ้าคนเดียวข้าจะกลัวไปทำไมกัน?” ชายขั้น 9 พูดขึ้นมาด้วย
รอยยิ้ม “จำไว้ว่าข้าชื่อ เกอเอ๋อร์มู่ หลังจากจบการทดสอบแล้วข้าจะ
รอเจ้า ข้าหวังแค่ว่าตอนนั้นคงไม่มีคนกลัวจนต้องหนีไปซ่อน”
เกอเอ๋อร์มู่ ชื่อนี้ต่างจากชื่อของอาณาจักรโจว เขาน่าจะเป็นคนจาก
ประเทศอื่น ชุดที่ชายคนนี้ใส่เหมือนกับชุดของประเทศใกล้เคียง
บางคนที่สายตาดีหน่อยก็มั่นใจว่าเกอเอ๋อร์มู่มาจากประเทศที่เน้น
การเลี้ยงสัตว์
“ไม่ต้องกังวลไป ข้าคนนี้จะลงมือคนเดียว ยิ่งคนขั้น 9 แบบเจ้ายิ่งทำ
ให้ข้าตื่นเต้น” ชายตัวใหญ่ยิ้มออกมา เกอเอ๋อร์มู่ผู้นี้ถ่อมตัวต่อหน้า
จางเว่ย ชัดแล้วว่าเขาด้อยกว่าจางเว่ย ตราบใดที่ไม่ใช่ยอดฝีมือแบบ
จางเว่ยแล้ว ชายกำยำก็ไม่กลัว “โอ้ ใช่สิ ข้าชื่อฉีจ้วงจำชื่อนี้เอาไว้
เพราะมันจะเป็นตราบาปของชีวิตเจ้า !”
ฉีจ้วงตามชื่อของเขา ตัวเขาแข็งแกร่งราวกับหิน เขาเป็นคนตรงไป
ตรงมา
พี่ชื่อฉีจ้วง แต่น้องที่ชื่อฉีเลี่ยนั้นกลับต่างกัน ฉีเลี่ยตัวเล็กกว่าเล็กน้อย
แต่หากเทียบกับคนทั่วไปแล้วเขาก็ยังถือว่ากำยำอยู่ดี เมื่อเห็นว่าพี่มี
เรื่องกับคนอื่น ฉีเลี่ยก็ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ตั้งแต่เด็กแล้วที่
พี่เขาเป็นคนอารมณ์ร้อน ตอนนี้พี่ถึงกับไปหาเรื่องคนที่ระดับการ
บ่มเพาะสูงกว่า เพราะเหตุผลนี้เขาต้องคอยตามเช็ดล้างให้พี่อยู่หลาย
ครั้ง เขาไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น พี่เขาไม่ลืมจะหาเรื่องกับคน
อื่นเลยจริง ๆ
ฉีเลี่ยมองไปที่เกอเอ๋อร์มู่ และถอนหายใจออกมา “น่าสงสารจริง ๆ
เขาถึงกับมาหาเรื่องพี่ข้าเอง”
พวกขอบเขตฉีซวนขั้นที่ 9 รอบ ๆ ต่างก็มองมาที่สองคนพี่น้องด้วย
ความสงสารและพอใจกับความโชคร้ายของผู้อื่น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบเจ้าสำนัก