ตอนที่ 364 การทดสอบ (VI)
ฉีเลี่ยเดินออกวงไปเพื่อรับการลงทะเบียน หลายคนที่ตอนแรกไม่ได้
เป็นที่รู้จัก กลับโดดเด่นขึ้นมาในการทดสอบครั้งนี้โดยเฉพาะ สองพี่
น้องนี้ได้กลายเป็นจุดสนใจของทุกคน และเป็นที่เคารพในหมู่ของคน
ขั้นที่ 8 บอกได้เลยว่าตอนนี้ไม่มีใครกล้าประมาทคนอื่นเลย แม้แต่
พวกขั้น 9 ที่ผ่านการทดสอบ ก็ไม่กล้าจะดูหมิ่นพวกเขา
พวกขั้น 9 ที่ไม่ผ่านการทดสอบ ต่างก็พากันรู้สึกเสียดาย หากพวก
เขารู้ว่าสองพี่น้องแข็งแกร่งเช่นนี้ พวกเขาคงต้อนรับพวกนี้ไปแล้ว
พวกเขาจะไม่ผ่านการทดสอบได้ยังไง?
แต่ใครจะไปคิดว่า สองคนนี้กลับซ่อนทีเด็ดแบบนี้เอาไว้?
ตอนที่ฉีเลี่ยและคนอื่น ๆ เดินออกมา สายตาของแต่ละคนก็มองไปที่
เกอเอ๋อร์มู่ที่อยู่ไม่ห่างออกไปนัก พวกเขาเผยรอยยิ้มพอใจกับความ
โชคร้ายของผู้อื่น
หากฉีจ้วงและฉีเลี่ยเป็นพวกขั้น 8 ทั่วไป มันก็คงไม่ได้น่าสนใจอะไร
แต่ทั้งสองกลับแข็งแกร่ง การที่เกอเอ่อร์มูไปหาเรื่องทั้งคู่ ไม่ใช่ว่า
เป็นการเอาหัวเข้าไปโขกกำแพงหรือไง ?
ใบหน้าของเกอเอ่อร์มู่ซีดเผือด และเมื่อเห็นสายตาของทุกคนมองมา
ที่เขา เขาก็รู้สึกอับอายไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน เขาแทบอยากจะ
มุดดินหนี
“บัดซบ!” สีหน้าของเกอเอ่อร์มู่กระอักกระอ่วน สายตาของเขาเต็ม
ไปด้วยความกลัว “สองคนนี้กลับแข็งแกร่งเช่นนี้ได้ยังไงกัน !”
เขาไม่ยอมให้สองพี่น้องนี่เข้าร่วมกลุ่มด้วย เพราะกลัวถ่วงแข้งถ่วง
ขา แต่ความจริงก็ได้พิสูจน์แล้วว่า ตัวเขาเองต่างหากที่เป็นตัวถ่วง
ขณะที่สองพี่น้องนี่ผ่านการทดสอบ แต่ตัวเองกลับเป็นฝ่ายที่ตกรอบ
ผลลัพธ์นี้เท่ากับเป็นการตบหน้าเขาชัด ๆ
สายตาของคนโดยรอบนี้ ราวกับมีดที่ทิ่มแทงหัวใจเขา ความหยิ่งทะนง
และยโสที่มีก่อนหน้านี้ เหมือนกับมีดที่คอยที่มแทงตัวเขาเอง
“สองคนนั่นถึงกับหยอกล้อข้า?” เกอเอ่อร์มูสีหน้าคล้ำขึ้นมา
ขณะเดียวกันก็รู้สึกหวาดกลัวและโมโหอย่างบอกไม่ถูก
อยู่ ๆ เกอเอ่อร์ม่ก็รู้สึกได้ว่า ฉีจ้วงกำลังมองมาที่เขา และนั่นก็ยิ่งทำ
ให้เขาโกรธยิ่งกว่าเดิม “เจ้าบัดซบนั้น !”
ฉีจ้วงเอามือทำท่าปาดคอ เพื่อเตือนเกอเอ๋อร์มู่ว่าอย่าลืมว่าพวกเขายัง
ต้องต่อสู้กันต่อ
“อยากฆ่าข้ารึ?” เกอเอ่อร์มู่หรี่ตาลงและฮึดฮัดออกมา “ฝันไปเถอะ!”
เขามองไปที่ฉีจ้วง และหันหลังกลับเพื่อจะออกจากเมืองไป เขาเข้าใจ
ว่าเขาไม่อาจเป็นคู่มือของอีกฝ่ายได้ แทนที่จะรอความตาย เขายอม
หนีไปตั้งแต่ตอนนี้จะดีกว่า เขาไม่เชื่อว่าทวีปป่ าที่กว้างใหญ่แบบนี้
เขาจะหาที่ซ่อนไม่ได้
เขารู้ดีว่าเขาไม่อาจจะอยู่ในเขตตงโจวต่อไปได้อีก ไม่งั้นแล้วด้วย
ความแข็งแกร่งและฐานะทหารของอีกฝ่าย ฉีจ้วงคงมีเป็นหมื่นวิธีที่
จะสังหารเขา
เมื่อเห็นว่าเกอเอ่อร์มู่แอบหนีไปเหมือนกับหมาจนตรอก ฉีจ้วงก็อด
ไม่ได้ที่จะบ่นออกมา “ขี้ขลาดสิ้นดี !”
เขาไม่เคยคิดจะฆ่าเกอเอ่อร์มู่ แต่มันก็จำเป็นที่จะต้องสั่งสอนบทเรียน
ให้กับอีกฝ่าย แต่อีกฝ่ายก็ไม่คิดจะให้โอกาสเขาเลยแม้แต่น้อย เขา
ถึงกับไม่มีทางเลือกอื่น สุดท้ายเขาก็ทำการลงทะเบียนและรอการ
จัดแจงจากท่านเจ้าเมือง
ไม่นานนี้เลี่ยและฉีจ้วงก็ได้เข้าไปยืนประจำตำแหน่งที่ท้ายแถว
พวกขั้น 8 อีก 4 คนที่ผ่านการทดสอบรวมไปถึงเยว่ชงซาน ก็ยืนอยู่
ข้าง ๆ พวกเขา แต่ละคนต่างก็แสดงท่าที่ตื่นเต้นออกมา พวกเขารู้สึก
ว่าตัวเองช่างมีเกียรติยิ่งนัก
“สองพี่น้องนี่ ข้าไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งขนาดนี้”
คนที่พูดถึงสองพี่น้องฉี คือคนที่อยู่ขั้น 9 ซึ่งผ่านการทดสอบมาได้
ก่อนหน้านี้
คนรอบ ๆ ตัวต่างก็พึมพำออกมา
“ขั้น 8 แต่กลับแข็งแกร่งกว่าพวกเรา น่าชื่นชมจริง ๆ !”
“ทำได้ดี !”
“ในอนาคตทุกคนคือทหารของเขตตงโจว ข้าหวังว่าสองพี่น้องนั่น
จะช่วยพวกเราได้ในอนาคต !”
กลุ่มพวกขั้น 9 พากันยินดีเป็นอย่างมาก หากพวกเขาไม่ได้ยืนประจำ
ตำแหน่งที่ท่านเจ้าเมืองจัดให้ไว้ พวกเขาคงเดินเข้าไปหาสองพี่น้อง
นั่น เพื่อแสดงความยินดีแล้ว
ฉีเลี่ยหันกลับไปมองที่พวกนั้น เขาจำได้ว่าคนพวกนั้นก็เคยกีดกันเขา
มาก่อน ท่าทีของพวกนั้นแค่ไม่ได้แย่เหมือนกับเกอเอ่อร์มู่ก็เท่านั้น
แต่ไม่นาน คนพวกนั้นกลับเปลี่ยนท่าที่ราวกับว่าไม่เคยทำเรื่องแบบนี้
มาก่อน
“ช่างตลกสิ้นดี !” ฉีจ้วงพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา
“พวกเจ้าทำกับพวกเรายังไง? พวกเจ้าลืมไปแล้วรึ ?” สีหน้าของคน
พวกนี้ทำให้เขารังเกียจขึ้นมา “พวกเจ้ามันสูงส่งเป็นถึงพวกขั้น 9 เรา
มันก็แค่ขยะขั้น 8” คำพูดของเขาเต็มไปด้วยคำถากถาง
กลุ่มคนที่หยิ่งทะนงก่อนหน้านี้ ต่างก็พากันคิ้วขมวด บางคนถึงกับ
ไม่พอใจขึ้นมา แต่พวกเขารู้ความแข็งแกร่งของฉีจ้วงและฉีเลี่ยดี
แม้ว่าพวกเขาจะไม่พอใจ แต่พวกเขาก็ไม่กล้าจะเถียงต่อหน้าทั้งคู่
“น้องชายนี่ตลกจริง ๆ ก่อนหน้านี้เราไม่รู้ว่าเจ้าแข็งแกร่ง การที่เรา
กีดกันเจ้าออกไปมันก็มีเหตุผลไม่ใช่หรือไง?” ชายขั้น 9 ฝืนยิ้มออกมา
“เจ้าเองก็รู้ว่าการทดสอบเป็นยังไง เมื่อเป็นเรื่องการลงทะเบียนอยู่
เมืองทะเลทราย เราไม่อาจจะประมาทได้ ข้าหวังว่าน้องชายทั้งสอง
จะเข้าใจ”
“หากเราทำอะไรผิดพลาดกับเจ้าไว้ เราก็ขอโทษด้วย!”
“เราเองก็ขอโทษเจ้าทั้งสองด้วย !”
สำหรับพวกเขาคนที่ผ่านการทดสอบ และกลายเป็นทหารของเขต
ตงโจว นั่นแค่เป็นจุดเริ่มต้น
ส่วนการเป็นทหารต่างหาก ที่เขาควรสนใจมากที่สุด!
พวกเขารู้ว่าความแข็งแกร่งของสองพี่น้องนี่ผิดปกติ ทั้งสองไม่ได้
อ่อนแอไปกว่าหยานชาน คนแบบนี้พวกเขาไม่อาจจะหาเรื่องได้ง่าย ๆ
ดังนั้นพวกเขาจึงต้องขอโทษทั้งสองคน เพราะพวกเขาอาจจะได้พึ่งพิง
ทั้งสองในอนาคต แน่นอนว่าหากถึงสองคนนี้เข้าพวกได้สำเร็จ ไม่
ต้องเดาเลยว่าในอนาคตพวกเขาต้องสบายขึ้นแน่ ๆ
พวกเขาไม่ได้สงสัยในความแข็งแกร่งของทั้งคู่ ทั้งสองต้องมีอนาคต
ที่โดดเด่น ดังนั้นมันจึงจำเป็นที่จะต้องได้รับความเชื่อใจจากทั้งสอง
เอาไว้
ฉีจ้วงอยากจะพูดบางอย่าง แต่ฉีเลี่ยห้ามเอาไว้ “ช่างมันเถอะ พี่ ทุก
คนต่างก็เป็นคนจน ไม่จำเป็นต้องทำให้เรื่องมันยุ่งยากหรอก”
มันไม่ถูกรึ ?
ทุกคนต่างก็มาเพื่อการลงทะเบียน พวกเขาต้องทำการสมัครทหาร
หากพวกเขามีทางเลือกอื่น พวกเขาจะมาทดสอบทำไมกัน ?
ยังไงซะพวกเขาอาจจะด้อยกว่า แต่คงไม่ได้ด้อยกว่าเหมือนกับพวก
ขั้นที่ 7 อันที่จริงแล้วพวกเขาแค่กลุ่มมดที่ไม่คู่ควรจะสนใจด้วยซ้ำ
พวกระดับสูงกว่านี้อย่างขอบเขตตันซวนหรือหลิงซวน คงไม่คิดจะ
สนใจมองพวกเขาด้วยซ้ำ
“คนจนรึ ? พวกเขาไม่ได้น่าสงสาร กลับกันแล้วกลับดูน่าสมเพศ
มากกว่า !” ฉีจ้วงอึดฮัดออกมา
แต่ด้วยการที่มีฉีเลี่ยคอยกล่อม ฉีจ้วงก็ไม่ได้เถียงกับพวกนั้นอีกต่อไป
หลังจากที่ระบายอารมณ์ออกมาเล็กน้อย เขาก็ไม่พูดอะไรต่อ
เมื่อเห็นว่าฉีจ้วงเงียบไป ทุกคนก็พากันถอนหายใจออกมาด้วยความ
โล่งอก แม้ว่าท่าทีของฉีจ้วงจะทำให้พวกเขาอับอาย แต่ตราบใดที่
ฉีจ้วงกับฉีเลี่ยไม่คิดถือสาพวกเขาและสร้างปัญหากับพวกเขาใน
อนาคต ทุกอย่างมันก็คุ้มค่า
พวกขั้น 8 ที่เห็นแบบนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะภูมิใจขึ้นมา ความหงุดหงิด
ที่มีในใจหายไปในพริบตา “ขั้น 9 แล้วไง ? สุดท้ายพวกเขาก็ไม่กล้า
เถียงอะไรกลับ” ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็มองไปที่ฉีเลี่ยและฉีจ้วง
ด้วยสายตาที่เคารพ “พวกเขาคือเกียรติและศักด์ิศรีของขั้น 8 !”
เมืองทะเลทรายแห่งนี้มีพวกขอบเขตฉีซวนขั้นที่ 8 อยู่หลายคน แต่มี
แค่พี่น้องฉีที่ทำให้พวกขั้นที่ 9 เคารพแบบนี้ได้ !
ในสายตาของพวกขั้น 8 แล้ว ฉีจ้วงกับฉีเลี่ยถึงกับกลายเป็นต้นแบบ
สำหรับพวกเขา!
จากนี้พวกเขาก็มีฐานะทัดเทียมกับพวกขั้นที่ 9 ได้ “ขั้น 9 แล้วไง?
ทำไมต้องกลัวด้วย ?”
การปรากฏตัวของสองพี่น้องฉี ทำให้พวกขั้นที่ 8 พอมีตัวตนขึ้นมา
บ้าง และทำให้ฐานะนั้นพัฒนาขึ้น แม้ว่าพวกขั้น 9 จะยังดูถูกพวกเขา
แต่พวกนั้นก็ไม่กล้าแสดงความไม่พอใจออกมาตรง ๆ เหมือนแต่ก่อน
การเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนที่สุด เกิดขึ้นในหมู่พวกที่ยังไม่ได้รับการ
ทดสอบ พวกขั้น 9 ไม่กล้าจะไปขวางทางพวกขั้น 8 ไม่ให้เข้าร่วม
ทีมอีกต่อไป ช่องว่างของขั้น 8 กับขั้น 9 ที่เกิดมาก่อนหน้านี้เหมือนกับ
จะหายไป
ยังไงซะก็ไม่มีใครบอกได้ว่า พวกขั้น 8 นี้คือยอดฝีมือเหมือนกับฉี
จ้วงและฉีเลี่ยหรือไม่
หากมันมีคนแบบนั้น แล้วพวกเขาทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ ผลที่ตามมา
คงคาดไม่ถึง
พวกขั้น 8 ทุกคนต่างก็เห็นการเปลี่ยนแปลงนี้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้
เอ่ยปากพูดอะไรออกมา แต่พวกเขาก็รู้สึกซาบซึ้งเพราะพวกเขามี
โอกาสที่จะผ่านการทดสอบมากขึ้นกว่าเดิม การเปลี่ยนแปลงทั้งหมด
นี้เกิดขึ้นจากฉีจ้วงและฉีเลี่ย
การทดสอบยังคงดำเนินต่อไป แต่ไม่มีใครกังวลเรื่องการทดสอบอีก
ตอนนี้สองพี่น้องฉีกลับกลายเป็นจุดสนใจแทน พวกเขาถูกคน
มากมายนับไม่ถ้วนจับตามอง
“พี่ข้าเป็นคนตรงไปตรงมา ข้าหวังว่าพวกท่านจะไม่ถือสา” ฉีเลี่ย
มองไปยังพวกขั้น 9 โดยรอบ และพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “สิ่งที่ผ่าน
มาแล้วไม่ว่าจะผิดหรือถูก ก็ไม่จำเป็นต้องเก็บมาคิด ข้าฉีเลี่ยพี่ข้า
ชื่อฉีจ้วง จากนี้ทุกคนคงได้ร่วมงานกัน”
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ฉีเลี่ยผู้นี้พูดได้ดี พวกขั้น 9 ที่ไม่พอใจก่อนหน้า
นี้ ถึงกับยิ้มออกมา หนึ่งในพวกขั้น 9 คนหนึ่งรีบพูดขึ้นมา “น้องเลี่ย
นี้ใจกว้างจริง ๆ”
“น้องเลี่ย พูดตลกจริง ๆ ไม่ใช่เราดูแลเจ้า แต่เป็นเจ้าต่างหากที่จะได้
ดูแลเรา นายน้อยเย่บอกว่าหากพวกเจ้าสองคนร่วมมือกันพวกเจ้าก็
ไม่ได้อ่อนแอกว่าหยานซานเลย เราต่างหากที่ต้องให้พวกเจ้าคอย
ช่วยเหลือ”
ตอนนั้นบรรยากาศก็ดูเป็นมิตรขึ้น ทุกคนต่างก็พอใจกันยิ่งขึ้น
กว่าเดิม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบเจ้าสำนัก