ตอนที่ 366 การต่อสู้ (II)
เย่ลั้วมองไปที่พื้น ซึ่งปูด้วยกระเบื้องก่อนจะส่ายหน้า “ที่นี่เต็มไปด้วย
กระเบื้อง หากทำให้กระเบื้องแตก พี่มังกรแดงจะต้องโกรธแน่ ๆ
ท่านจะรับได้รึ ?”
ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าสำนักก็ห้ามไม่ให้สู้กันในเมือง แม้ว่าจะเป็นการ
ต่อสู้ที่ยุติธรรม แต่ก็ไม่อาจที่จะฝ่าฝืนกฎได้
เย่ลั้วไม่รอให้ฉินเหลียนได้พูด เขากระโดดขึ้นและตะโกนออกมา
“ท่านฟาง หากต้องการประมือกับข้าก็จงตามมา”
ความเร็วนี้มันช่างน่ากลัวจริง ๆ
“เร็วจริง ๆ !”ฟางจู๋หรี่ตาลง ความเร็วของเย่ลั้วมากกว่าที่เขาคิดเอาไว้
ต่อมาฟางจู๋ก็โค้งตัวลง ก่อนจะถีบตัวกระโดดออกไปด้วยความเร็วที่
น่าตกใจ ไม่กี่อึดใจร่างของทั้งสองก็หายไปจากสายตาของผู้คน
ในลานแห่งนั้นทุกคนต่างก็แสดงสีหน้าผิดหวังออกมา
“ไปดูกันเถอะ !” กลุ่มพวกขอบเขตว่อซวนขั้นต่ำและกลางต่างก็ไล่
ตามไปทันที อัจฉริยะประมือกับผู้ที่อยู่ขอบเขตว่อชวนขั้นกลาง
แน่นอนว่าต้องเป็นการต่อสู้ที่วิเศษ ไม่มีใครอยากที่จะพลาดการ
ต่อสู้นี้
ที่สำคัญที่สุดคือ มีไม่กี่คนที่เคยเห็นฝีมือของศิษย์สำนักคังเฉียงจริง ๆ
การต่อสู้นี้บอกได้ว่า นี่เป็นครั้งแรกที่ศิษย์สำนักคังเฉียงจะแสดงฝีมือ
ต่อหน้าคนภายนอก ใครกันบ้างที่ไม่อยากเห็น?
“นายท่าน พวกเราต้องไปด้วยไหม?” เห็นได้ชัดว่าหลัวซงอยากจะ
ตามไปดู แต่เมื่อฉินเหลียนไม่เปิดปากพูด เขาก็ไม่กล้าติดตามไป
ฉินเหลียนถอนหายใจออกมา “ข้าเคยเห็นศิษย์สำนักคังเฉียงแสดง
ฝีมือมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่นั่นก็ผ่านไปหลายเดือนแล้ว ไม่รู้ว่าพลังของ
พวกเขาจะเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหน ตัวข้าเองก็อยากรู้ว่าพลังของ
นายน้อยเปตอนนี้ แข็งแกร่งในระดับไหนแล้ว” เขาพูดด้วยรอยยิ้ม
“ในเมื่อเจ้าสนใจ งั้นพวกเราก็ไปดูกันเถอะ”
เขาหันกลับไปมองเหล่าทหารที่ยืนเป็นระเบียบอยู่ด้านหน้าแล้ว
กล่าวว่า “ทุกคนแยกย้ายได้ ข้าให้เวลาพวกเจ้าสามวันในการจัดการ
ธุระส่วนตัว หลังจากสามวันผ่านไป ทุกคนจะต้องกลับมารวมตัวกัน
ที่นี่ ถ้าหากใครล่าช้า ข้าจะไล่ออกจากการเป็นทหาร”
เมื่อได้ยินที่ฉินเหลียนพูด ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นขึ้นมา การ
ต่อสู้ระหว่างนายน้อยเยกับฟางจู๋ ใครบ้างที่ไม่อยากดู?
ทีแรกพวกเขาคิดว่าคงไม่มีโอกาสที่จะได้ดูการต่อสู้นี้ แต่พวกเขากลับ
คิดไม่ถึงเลยว่า ฉินเหลียนจะมอบเวลาให้กับพวกเขาถึง 3 วัน!
ยอดเยี่ยม!
ตอนนั้นเองฉินเหลียนรวมไปถึงเหล่าทหารที่เพิ่งรับเข้ามาต่างก็ตาม
ทั้งสองคนนั้นไปทันที บางคนที่แม้ว่าจะยังบาดเจ็บ และการวิ่งออก
ไปนี้จะส่งผลต่ออาการบาดเจ็บ แต่เมื่อเป็นเรื่องการต่อสู้ระหว่าง
เย่ลั้วกับฟางจู๋แล้ว หากพลาดมันไป พวกเขาก็จะไม่มีโอกาสได้ดูอีก
ด้านนอกคฤหาสน์นั้นผู้คนต่างก็พากันเคลื่อนไหวกันทันที ไม่กี่อึดใจ
ทหารและผู้คนที่ตกรอบไปต่างก็พากันแห่ออกไปราวกับคลื่น
“ท่านเซินถู ท่านเถิงกวง ที่นี่คงต้องฝากให้ท่านดูแลจะได้หรือไม่ ?”
ฉินเหลียนวางตัวดีมาโดยตลอด เขาไม่ได้ลืมธุระของตนแม้ว่าจะ
อยากดูการต่อสู้ก็ตาม
เซินถูเส้อพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ได้ไปเถอะ ที่นี่ข้ากับน้องเถิงกวงจะ
ดูแลให้เอง”
อันที่จริง มันไม่ได้มีเรื่องใหญ่ให้ดูแลแล้ว พวกคนรวยที่ใช้เงินเพื่อ
ซื้อสิทธิในการลงทะเบียน ต่างก็อยากไปดูการต่อสู้ของเย่ลั้วและ
ฟางจู๋ดังนั้นพวกเขาเลยตามกันไปดูการต่อสู้ และเหลือคนที่นี่แค่
ไม่กี่คน
พวกคนที่ไม่ได้ไปนั้น รู้ว่าตนเองไม่แข็งแกร่งพอและเชื่องช้าเดาว่า
ตอนที่ไปถึงสถานที่ต่อสู้ การต่อสู้ก็คงจบลงแล้ว แทนที่จะเสียเวลา
มันจะดีกว่าที่จะต่อคิวที่นี่ต่อ การลงทะเบียนเพื่อเข้าอยู่ในเมือง
ทะเลทรายนั้น สำคัญกว่าการดูการต่อสู้ระหว่างเย่ลั้วกับฟางจู๋
หลังจากที่เซินถูเส้อและเถิงกวงรับปากแล้ว ฉินเหลียนก็พยักหน้า
ให้กับหลัวซง “ไปกันเถอะ”
ไม่นานก็เหลือคนไม่กี่ร้อยคนที่ด้านนอกคฤหาสน์ ซึ่งน้อยนิดหาก
เทียบกับเมื่อตอนแรก
ที่ด้านนอกเมืองทะเลทรายแห่งใหม่ ในเขตบ้านที่ถูกทิ้งร้างและซาก
ปรักหักพัง ร่างของเย่ลั้วดูเบาราวกับขนนก เขากระโดดไปมาตาม
หลังคาบ้านได้อย่างรวดเร็ว เขาไม่ได้ใช้อาวุธใด ๆ สายตาเขาจับจ้อง
ไปยังอีกร่างที่กำลังมุ่งหน้าเข้ามา
ฟิ้ว
เสียงของลมดังขึ้น พร้อมกับร่างของฟางจู๋ที่ปรากฏขึ้นมา
เขามองไปที่หลังคาและรู้สึกทึ่ง “ข้าทำดีที่สุดแล้ว ไม่ใช่แค่ตามเขา
ไม่ทัน แต่ยังห่างออกไปเรื่อย ๆ” เขาสงสัยว่าเย่ลั้วคงฝึกเคล็ดวิชา
เสริมร่างกาย ไม่อย่างงั้นแล้วขอบเขตฉีซวนขั้น 9 คงไม่มีความเร็วที่
น่ากลัวแบบนี้ได้
ที่คฤหาสน์ร้างแห่งนั้น คนหนึ่งอยู่ที่พื้น อีกคนอยู่ที่หลังคา ตอนนั้น
โลกทั้งใบเหมือนจะหยุดนิ่ง สายตาของทั้งคู่มีแค่อีกฝ่ายที่สะท้อน
ออกมา
“ท่านช้ากว่าที่ข้าคิดเอาไว้” เย่ลั้วพูดขึ้นมา “ข้าคิดว่าท่านจะตามข้า
ทัน”
ฟางจู๋มองไปที่เย่ลั้วที่อยู่บนหลังคา ก็แสดงสีหน้าขบขันออกมา ไม่ได้
โกรธเคืองเลยแม้แต่น้อย “งั้นรึ ? ขอโทษด้วยที่ทำให้ท่านผิดหวัง”
“ข้าไม่ได้ผิดหวังเลย” เย่ลั้วส่ายหน้า “บางทีความเร็วนี้ก็น่าจะเป็น
ความเร็วที่ขอบเขตว่อซวนขั้นกลางควรจะมี”
ผู้ที่อยู่ขอบเขตว่อชวนขั้นกลางนั้น เย่ลั้วนึกภาพถึงเซินถูป้า เมื่อฟางจู๋
อยู่ขอบเขตว่อซวนขั้นกลาง แต่หากเปรียบเทียบกับเซียวเหยียนและ
คนอื่น ๆ แล้ว เซินกูป้าหรือฟางจู๋ในตอนนี้ก็ดูด้อยกว่า
หลังจากที่เห็นความแข็งแกร่งของเซียวเหยียน และคนอื่น ๆ เย่ลั้วก็
คิดว่า แม้ว่าฟางจู๋จะอ่อนแอกว่าพวกนั้น แต่คงไม่มาก กลับเป็นว่า
เขาประเมินสูงเกินไป
ในด้านความเร็วแล้วฟางจู๋ด้อยกว่าเซียวเหยียนและคนอื่น ๆ เป็น
อย่างมาก !
หากได้เห็นเซียวเหยียนและคนอื่น ๆ คงเข้าใจความเร็วของพวกนั้น
ได้ มันไม่เกินไปที่จะบอกว่าหากพวกนั้นใช้ความเร็วเต็มที่ แม้แต่
เย่ลั้วก็ยังไม่อาจที่จะตามได้ทัน เขาคงเห็นได้แค่เงาของเซียวเหยียน
ในทางกลับกันแล้ว ฟางจู๋คงโดนสลัดหลุดไม่อาจจะตามทันได้
“ท่านฟาง” เย่ลั้วแสดงสีหน้าจริงใจออกมา “นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าจะได้
ประมือกับผู้ที่อยู่ขอบเขตว่อซวนขั้นกลาง ตั้งแต่ที่ข้าบ่มเพาะมาถึง
ขอบเขตฉีซวนขั้น 9 ข้าหวังว่าท่านจะไม่ออมมือ”
เขาอยากทดสอบความแข็งแกร่งของตัวเอง
ในสำนักคังเฉียงนั้น เขาไม่ได้โดดเด่นอะไร เขาถือว่าเป็นคนไร้
ชื่อเสียง ไม่ว่าจะเลือกใครในสำนักทั้งเฉียงก็คงไม่มีใครอ่อนแอไป
กว่าเขา มันไม่เกินไปเลยที่จะบอกว่าเขาคือคนที่อ่อนด้อยที่สุดใน
สำนักคังเฉียง
แต่ไม่ว่าเขาจะอ่อนแอแค่ไหน แต่ยังไงซะมันก็เป็นสำนักคังเฉียง
แม้ว่าเขาจะด้อยกว่าเซียวเหยียน, หลินหมิง อู่โม่และคนอื่น ๆ แต่เขา
ก็ยังมีศักด์ิศรีของตน ซึ่งจะเอาคนธรรมดาภายนอกมาเทียบไม่ได้…
ฟางจู๋ตกใจและมองไปที่เย่ลั้วด้วยสีหน้าเคร่งเครียดก่อนจะตอบกลับ
“ท่านสบายใจได้ แม้ว่าท่านจะไม่พูด แต่ข้าก็ไม่มีทางออมมือ” เขาจะ
ไม่ทุ่มสุดตัวได้ยังไง ? ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเย่ลั้ว? แม้ว่าความ
แข็งแกร่งที่แท้จริงของเย่ลั้วจะไม่สูงส่ง แต่นี่เป็นการต่อสู้ที่ไม่ควร
ประมาทไม่ใช่หรือไง ?
เขามองไปที่เย่ลั้วและพูดขึ้น “ข้าเองก็หวังว่า นายน้อยเย่ จะไม่ออม
มือ!”
มันเป็นการเคารพอีกฝ่าย หากใช้ฝีมือทั้งหมดออกมา
“ได้ตามที่ต้องการ” เย่ลั้วยิ้มก่อนจะแสดงสีหน้าจริงจังออกมา
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว
พวกขอบเขตว่อซวนขั้นต่ำและกลางจำนวนมากพากันแห่เข้ามา ด้วย
ความเร็วของพวกขอบเขตว่อซวนขั้นกลาง พวกเขาคงมาถึงก่อน แต่
พวกเขาไม่ได้มาเพียงลำพัง พวกนั้นยังมีเพื่อนและญาติมากับตนด้วย
ดังนั้นพวกเขาจึงได้แต่ลดความเร็วลงเพื่อมาพร้อมกับคนอื่น ๆ
โชคดีตอนที่เดินทางมาถึงคฤหาสน์แห่งนั้น การต่อสู้ระหว่างเย่ลั้ว
กับฟางจู๋ยังไม่เริ่ม ตอนนั้นทุกคนพากันกลั้นหายใจและมองไปยังทั้ง
สอง
ด้านในและด้านนอกคฤหาสน์ต่างก็เงียบสนิท เย่ลั้วอยู่บนหลังคา
ส่วนฟางจู๋อยู่ที่พื้นหันหน้าเข้าหากัน พวกเขาไม่ขยับราวกับรอ
บางอย่างอยู่
แม้ว่าจะยังไม่มีใครลงมือ แต่พลังที่ทั้งสองแผ่ออกมาก็ดูน่ากลัว จน
พวกขอบเขตว่อชวนด้านนอกคฤหาสน์ รับรู้ได้ว่าทั้งสองกำลังจะลง
มือกันแล้ว พลังนี้ทำให้ทุกคนเคร่งเครียด สายตาที่พวกเขามองไปยัง
ทั้งสองคนนั้นเต็มไปด้วยความหวั่นเกรง
ในคฤหหาสน์อยู่ก็มีลมพัดหวนขึ้นมา
ไม่สิ มันไม่ใช่ลมธรรมดา แต่เป็นลมที่ก่อตัวขึ้นมาจากการเสียดสี
ของพลังที่ทั้งคู่แผ่ออกมา !
ที่พื้นดินนั้นต้นไม้เริ่มสั่นไหว เม็ดทรายและใบไม้ต่างก็ปลิวว่อนไป
ทั่ว
พวกขอบเขตว่อซวนมองไปที่เย่ลั้วและฟางจู๋ด้วยความแปลกใจ
“แข็งแกร่งจริง ๆ !” พวกเขารู้สึกได้ว่าพลังของเย่ลั้วและฟางจู๋นั้น
สูงส่งกว่าพวกเขา
ผู้คนที่นี่ไม่ได้รู้จักฟางจู๋ดีนัก พวกเขารู้แค่ว่าฟางจู๋อยู่ขอบเขตว่อซวน
ขั้นกลาง และมาจากเมืองหลวง แต่เมื่อดูพลังที่ฟางจู๋แสดงออกมา
ตอนนี้แล้ว พวกขอบเขตว่อชวนขั้นกลางทั่วไป จะมีพลังแบบนี้ได้
ยังไง ? พลังที่แข็งแกร่งแบบนี้น่ะรึ ? พวกเขาเดากันว่าฟางจู๋คงจะ
เป็นสมาชิกหลักของตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง และมีแค่คนตระกูล
ใหญ่เท่านั้น ที่จะสามารถบ่มเพาะผู้ที่แข็งแกร่งแบบนี้ขึ้นมาได้ !
พวกเขาไม่ได้คิดว่าเป็นพวกนักผจญภัย เพราะฟางจู๋นั้นมีมารยาท
และแต่งตัวดีตัดกับภาพพจน์ของนักผจญภัย
“พลังของฟางจู๋แข็งแกร่งน่ะพอเข้าใจได้อยู่แต่พลังของนายน้อยเย่ ก็
แข็งแกร่งเช่นกัน !” ผู้คนต่างก็พากันตะลึงกับพลังที่ทั้งสองแสดง
ออกมา หัวใจของพวกเขาเต้นรัวยิ่งกว่าเดิม
“เขาอยู่แค่ขอบเขตฉีซวนขั้น 9 !” ผู้ที่อยู่ขอบเขตฉีชวนขั้น 9 แต่กลับ
มีพลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้ได้ มันไม่ดูผิดปกติไปหน่อยหรือไง ?
ตอนนั้นมันก็เกิดเสียงราวกับน้ำตกดังขึ้นมา
ผู้คนจำนวนมากแห่กันมาที่นั่น แต่กลุ่มพวกขอบเขตว่อซวนไม่ได้
สนใจพวกนั้น พวกเขายังคงจับตาดูทั้งสองที่เผชิญหน้ากันอยู่ พลัง
อันน่ากลัวอยู่ ๆ ก็ถอยกลับไปราวกับคลื่นที่หายไปอย่างไร้ร่องรอย
การต่อสู้กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว !
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบเจ้าสำนัก