ระบบเจ้าสำนัก นิยาย บท 368
ตอนที่ 368 แพ้หรือชนะ
เมื่อเห็นว่าสีหน้าของเยลั้วดูแปลก ๆ ฟางจู๋ก็ใจหล่นวูบ
“ทำไม ท่านดูถูกหมัดซ่อนมรณะ ?” เขาพูดต่อ “แม้ว่าหมัดซ่อนมรณะ
จะอยู่ระดับธรรมดาขั้นต่ำ แต่มันก็ไม่ได้แย่ไปกว่าเคล็ดวิชาอื่น ๆ !”
หมัดซ่อนมรณะคือเคล็ดวิชาหมัดที่เขาภูมิใจ เขาสามารถบ่มเพาะ
เคล็ดวิชาระดับธรรมดาขั้นต่ำจนมาถึงระดับนี้ได้ หากมองทั้งทวีป
แล้วคงมีคนแบบเขาไม่มาก ฟางจู๋มีสิทธิที่จะภูมิใจกับมันจริง ๆ
“ข้าไม่ได้ดูถูกเคล็ดวิชานี้ แต่…ท่านใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อฝึกฝนมัน มัน
คุ้มค่าแล้วหรือ?” เย่ลั้วส่ายหน้าและแสดงสีหน้าซับซ้อนออกมา
เย่ลั้วไม่รอให้ฟางซีได้แก้ตัว และพูดขึ้นต่อ “ยังไงซะหมัดซ่อนมรณะ
ก็คือหมัดซ่อนมรณะ มา ให้ข้าได้เห็นพลังของหมัดซ่อนมรณะอีกครั้ง
เถอะ!”
แม้ว่าเย่ลั้วจะคัดค้าน แต่คำพูดของเขาก็ยังให้เกียรติหมัดซ่อนมรณะ
แน่นอนสิ่งที่เขาผิดหวังคือ หมัดซ่อนมรณะไม่ใช่ตัวของฟางจู๋ สำหรับ
ฟางจู๋แล้ว เย่ลั้วไม่กล้าที่จะประมาทเลยแม้แต่น้อย
ฟางจู๋ไม่ได้โง่ เขามองออกว่าคำพูดของเย่ลั้วนั้นไม่ได้ดูจริงใจ มันทำ
ให้เขาไม่พอใจ เขาฝึกฝนหมัดซ่อนมรณะมาตลอดชีวิตและการที่เขา
ถูกดูถูกเช่นนี้ เขารับไม่ได้ !
“เมื่อท่านไม่เข้าใจหมัดซ่อนมรณะ ข้าจะให้ท่านได้เห็นพลังที่แท้จริง
ของมัน!” ฟางจู๋รู้สึกโล่งอก
เมื่อก้าวเท้าออกไป เขาก็พุ่งเข้าใส่เย่ลั้ว คนนอกเห็นได้แต่ภาพติดตา
ที่ทับซ้อนกัน มีแค่ไม่กี่คนที่เห็นการเคลื่อนไหวของเขา
ตอนนั้นเองร่างของเขาห่างจากเย่ลั้วแค่เพียง 1 ฟุต
ตอนที่เขาเข้าใกล้เย่ลั้ว ฟางจู๋ก็ตะโกนออกมา “ฮ่ะ !”
ต่อมา ปราณในตัวของเขาก็โคจรด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อและ
พลังที่ปล่อยออกมาก็ไม่ได้ถูกยับยั้งอีกต่อไป
หมัดซ่อนมรณะ!
หมัดนี้เขาไม่ได้ออมแรงเลยแม้แต่น้อย พลังอันรุนแรงของมันมากกว่า
หมัดที่เขาต่อยออกไปในตอนแรก!
ก่อนหน้านี้ที่บอกว่าจะไม่ออมมือ แต่ความจริงแล้วก็แอบออมมือ
เอาไว้บ้าง เพราะคู่ต่อสู้ของเขาคือเยลั้ว เยลั้วคือคนจากสำนักคังเฉียง
ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าปล่อยพลังออกมาอย่างเต็มที่ ถ้าหากเขาไม่ระวัง
ตัวเผลอฆ่าเย่ลั้วขึ้นมา เกรงว่าคงเป็นเรื่องใหญ่
แต่ตอนนี้เมื่อเห็นว่าหมัดของเขาไม่ได้เป็นภัยต่อเย่ลั้ว เขาก็เข้าใจว่า
ความแข็งแกร่งที่เย่ลั้วมีนั้น สูงกว่าที่เขาคิดเอาไว้ หากเขาไม่ทุ่มสุด
ตัว มันอาจจะเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะเย่ลั้ว นี่ยังไม่รวมกับการที่
เย่ลั้วดูถูกหมัดซ่อนมรณะอีก ดูเหมือนว่าเขาไม่จำเป็นที่จะต้องออม
มืออีกต่อไปแล้ว
“เอาแล้ว !”
เย่ลั้วหรี่ตาลง และแสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมา เขารู้สึกได้อย่าง
ชัดเจนว่า ความคิดของตนหยุดนิ่งไปชั่วขณะ ตอนที่ฟางจู๋ใช้หมัด
ซ่อนมรณะออกมา แม้ว่าเวลานี้จะสั้น และเย่ลั้วก็รวบรวมสติได้แทบ
จะทันที แต่เขาก็ยังรู้สึกใจสั่น
“ฮ่ะ!”
แม้ว่าครั้งนี้ด้วยเย่ลั้วจะเตรียมตัวรับมือเอาไว้แล้ว แต่ตอนที่ฟางจู๋
โจมตี เขาก็ไม่อาจลบพลังทั้งหมดของหมัดนี้ได้ เพราะหมัดนี้เร็ว
กว่าครั้งที่แล้ว และมีพลังมากกว่า
ปัง !
หมัดทั้งสองคนปะทะกันจนเกิดเสียงดังก้อง จากนั้นแรงระเบิดก็ก่อ
ตัว กระจายไปโดยรอบ ทำให้ตึกที่อยู่ใกล้ ๆ ถึงกับสั่นไหวเพราะ
แรงระเบิดนี้
หลังจากที่นวดมือที่ชา เย่ลั้วก็แปลกใจขึ้นมา “พลังของมันมากกว่า
ครั้งก่อน”
ฟางจู๋เองก็ตะลึง “ป้องกันเอาไว้ได้อีกแล้ว !”
ทั้งสองต่างก็ตกตะลึงไปกับพลังที่อีกฝ่ายมี และสีหน้าของทั้งคู่ก็ดู
เคร่งเครียดขึ้น
ที่ด้านนอกคฤหาสน์ ผู้คนนับไม่ถ้วนมองดูฉากนี้ด้วยความตะลึง
“แข็งแกร่งจริง ๆ !”
“แม้แต่พวกขอบเขตว่อซวนขั้นกลาง ก็ไม่อาจจะหยุดหมัดนี้ได้ไม่ใช่
รึ?”
“มันน่ากลัวเกินไปแล้ว!
นี่ไม่ต้องพูดถึงพวกขอบเขตฉีซวนเลย แม้แต่พวกขอบเขตว่อซวนก็
ยังรู้สึกกลัว มีแค่พวกขอบเขตว่อซวนขั้นกลางที่อดไม่ได้ที่จะกลืน
น้ำลาย มองไปยังเย่ลั้วและฟางจู๋ด้วยความหวั่นเกรง ไม่รู้ว่าร่างของ
ฉินเหลียนและหลัวซงปรากฏขึ้นมาที่นอกคฤหาสน์ตั้งแต่ตอนไหน
เมื่อคนที่อยู่รอบ ๆ เห็นฉินเหลียน พวกนั้นก็ตะโกนขึ้นมา “ท่านเจ้า
เมือง !”
ฉินเหลียนพยักหน้าให้ และมองดูเย่ลั้วกับฟางจู๋ สายตาของเขาแสดง
ความแปลกใจออกมา “ฟางจู๋ผู้นี้ถึงกลับรับมือกับนายน้อยเย่ได้”
ในมุมมองของเขาแล้ว เย่ลั้วน่าจะแข็งแกร่งกว่าฟางจู๋ แม้ว่าจะไม่ใช้
เคล็ดวิชาต่อสู้ แต่ก็น่าจะเอาชนะฟางจู๋ได้ แต่สถานการณ์ตอนนี้ ฟาง
จู๋เหมือนกับรับมือเย่ลั้วได้
“ฟางจู๋ผู้นี้ไม่ธรรมดา” ฉินเหลียนแสดงสีหน้าจริงจังออกมา ค่าของ
ฟางจู๋ที่เขาประเมินไว้ในใจนั้นสูงขึ้นกว่าเดิม
หลัวซงถามขึ้นมา” นายท่าน ท่านคิดว่า นายน้อยเย่กับท่านฟาง ใคร
กันที่จะชนะ ? “
ตอนนี้ฟางจู๋ดูได้เปรียบ แม้ว่าเย่ลั้วจะไม่ได้บาดเจ็บ แต่สถานการณ์นี้
ดูเหมือนว่า เย่ลั้วจะเสียเปรียบอย่างมากเพราะเย่ลั้วเอาแต่ป้องกัน หาก
ไม่มีโอกาสตอบโต้ เย่ลั้วนี่แหละที่จะเป็นฝ่ายได้รับบาดเจ็บในไม่ช้า!
การป้องกันเพียงอย่างเดียวไม่อาจจะทำให้ชนะได้ !
และเย่ลั้วก็เหมือนจะไม่คิดที่จะตอบโต้เลยแม้แต่น้อย !
“ใครจะชนะ?” ฉินเหลียนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
“อันที่จริงผลลัพธ์มันตัดสินตั้งแต่ต้นแล้ว หากนายน้อยเย่ต้องการจะ
ชนะ เขาก็จะชนะได้ในพริบตา” ฉินเหลียนเคยเห็นเคล็ดวิชาที่น่ากลัว
ของจางเหิงหยางมาแล้ว เขาเอาชนะพวกขอบเขตฉีชวนขั้นที่ 7, 8
และ 9 ได้ ตอนนั้นจางเหิงหยางยังอยู่ขอบเขตฉีซวนขั้นที่ 5 หาก
เทียบกับเย่ลั้วที่อยู่ขั้นที่ 9 แล้ว ในตอนนี้ เพียงแค่ใช้เคล็ดวิชาต่อสู้
นั้นออกมา แม้แต่ฉินเหลียนก็ยากจะเดาได้ว่าพลังของมันจะน่ากลัว
แค่ไหน
เย่ลั้วก็เหมือนกับคนอื่น ๆ ที่เป็นลูกศิษย์ของเจ้าสำนัก ฉินเหลียนไม่
คิดว่าเย่ลั้วจะไม่ได้เรียนรู้เคล็ดวิชาต่อสู้มา
เมื่อได้ยินแบบนั้นหลัวซงก็อ้าปากค้าง “งั้นรึ?”
เขามองไปที่คฤหาสน์ด้วยสายตาเหลือเชื่อ เย่ลั้วไม่อาจจะตอบโต้
ฟางได้แล้วเย่ลั้วจะชนะได้ยังไง ?
ฉินเหลียนยิ้มออกมาแต่ไม่ได้อธิบายอะไรต่อ ในการทดสอบป่าหวง
หยวนในตอนแรก หลัวซงไม่ได้ไปด้วย เป็นธรรมดาที่จะไม่เข้าใจ
ความน่ากลัวของเคล็ดวิชาต่อสู้ที่พวกเด็กนั่นมี อันที่จริงหากไม่ได้
เห็นกับตา ฉินเหลียนเองก็คงไม่เชื่อว่า จะมีเคล็ดวิชาต่อสู้ที่น่ากลัว
แบบนั้นอยู่ในโลกนี้ มันคือเคล็ดวิชาต่อสู้ในตำนาน
ด้านในคฤหาสน์ร้าง
ปัง !
เย่ลั้วเข้าปะทะกับฟางจู๋อีกรอบ พร้อมกับคลื่นพลังที่กระจายออกมา
ทั่วทุกทิศทาง
หลังจากที่ปะทะกัน ทั้งสองฝ่ายต่างก็ถอยกลับไป และเข้าโจมตีกัน
อีกรอบ
แรงกระแทกอันรุนแรงทำให้พื้นแตกร้าว ตึกข้าง ๆ ถึงกับเอนราวกับ
ว่าจะถล่มลงมาตอนไหนก็ได้
“เร็วมาก! “ ผู้คนด้านนอกต่างก็พากันเบิกตากว้าง แต่ก็ยังไม่เห็นร่าง
ของทั้งสองคน พวกเขาเห็นได้แค่ผลจากการต่อสู้ จนกระทั่งทั้งสอง
ได้ปะทะกันอีกครั้ง พวกเขาจึงพอจะมองเห็นพวกนั้นได้ ไม่ว่าจะเป็น
เย่ลั้วหรือฟางจู๋ต่างก็มีความเร็วที่น่าพึ่งโดยเฉพาะตอนถีบตัวออกมา
ในตอนแรก แม้แต่พวกขอบเขตว่อซวนขั้นกลางหลายคนก็ยังเทียบ
ไม่ติด
ไม่กี่อึดใจ ทั้งสองก็ได้เข้าโจมตีกันกว่าร้อยครั้ง พื้นดินที่นั่นแตก
ละเอียด ราวกับเกิดการระเบิดขึ้นมาที่นั่น
“ฮู่…” ฟางจู๋ถอยกลับไปหลายเมตร และหยุดโจมตี เขาคอยป้องกัน
การโจมตีจากเย่ลั้ว และเริ่มเครียดขึ้นมาเรื่อย ๆ หมัดที่เหมือนกับ
เหล็กของเขาในตอนนี้ แดงและบวมขึ้นมาราวกับโดนน้ำร้อนลวก
ในทางกลับกันแล้ว เย่ลั้วก็ดูไม่สู้ดีนัก ปราณของเขาน้อยกว่าฟางจู๋
แม้ว่าความเร็วในการฟื้นฟูจะเร็วกว่า แต่ก็ถูกใช้ไปอย่างรวดเร็ว
เช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นเขาที่ไม่เก่งเรื่องหมัดมวย กลับต้องใช้มันโจมตี
ออกมาหลายครั้ง ฟางจู๋ผู้นี้ถึงกลับทำให้เขาถึงขีดจำกัดได้
หากเป็นแบบนี้ต่อไป เขาคงบาดเจ็บแน่!
เขาถอนหายใจออกมาและมองไปที่ฟางจู๋ “ท่านฟาง ในความเห็น
ของข้า หากจะสู้ต่อคงจะไม่ดีนัก ท่านว่าไง ?”
เขาได้สิ่งที่ตัวเองต้องการแล้ว นั่นก็คือการทดสอบพลังที่แท้จริงของ
เขา เป็นธรรมดาที่เขาไม่ต้องการจะสู้กับฟางจู๋ต่อ
เขาไม่ใช่คนบ้าการต่อสู้
“นายน้อยเย่ ท่านยังดูถูกข้าอีกหรือ?” ฟางจูโกรธอยู่นิด ๆ “อย่าคิดว่า
ข้าจะไม่รู้ ตั้งแต่ต้นจนจบ ท่านยังไม่ได้ใช้เคล็ดวิชาต่อสู้เลย แม้ว่าข้า
จะทำให้ท่านบาดเจ็บไม่ได้ และข้าก็ยอมรับว่าท่านแข็งแกร่งกว่าข้า
แต่ข้าไม่คู่ควรกับการใช้เคล็ดวิชาของท่านเลยรึ?”
เย่ลั้วคิ้วขมวด “ข้าไม่ได้ใช้เคล็ดวิชาต่อสู้ออกมา ก็เพื่อตัวท่านเอง”
ตั้งแต่ที่เรียนรู้เคล็ดวิชาฟันมา เย่ลั้วก็แทบจะลืมเคล็ดวิชาต่อสู้ที่เขา
เคยเรียนรู้มาทั้งหมด ผลลัพธ์ของเคล็ดวิชาเหล่านั้นคล้ายคลึงกัน แต่
เคล็ดวิชาฟันกลับไม่เหมือนกัน หากเขาใช้เคล็ดวิชาฟันออกมา เขาก็
ไม่มั่นใจว่าฟางจู๋จะรับมือได้หรือไม่ ยังไงซะพลังของเคล็ดวิชาฟัน
นั้นก็แข็งแกร่งเกินไป หากเขาไม่ระวัง ฟางจู๋ก็อาจจะตายได้
“ขอบคุณสำหรับความเมตตาของท่าน แต่ข้าหวังว่าท่านจะแสดง
พลังที่แท้จริงของท่านออกมา!” ฟางจู๋พูดขึ้นมาอย่างเย็นชา
“แม้ว่าจะต้องตายด้วยมือของท่านแต่ข้าก็ไม่เสียดาย!”
หากเย่ลั้วไม่แสดงพลังที่แท้จริงออกมา งั้นการต่อสู้นี้จะมีความหมาย
อะไร ?
หลังจากที่สู้กันมานาน ฟางจู๋ก็ไม่อาจจะรับความจริงเรื่องนี้ได้
“ท่านยังออมมือและไม่ใช้เคล็ดวิชาต่อสู้ ทำไมกัน? หรือท่านคิดว่านี่
มันเป็นการเล่นสนุกงั้นรึ?” ฟางจู๋เหมือนรู้สึกโดนดูถูก
“หรือว่าสำนักคังเฉียงที่โด่งดัง เป็นพวกชอบกลับคำ?” เพื่อที่จะได้
เห็นพลังที่แท้จริงของเยลั้ว เขาถึงกับจงใจดูหมิ่นสำนักคังเฉียง
“มา ให้ข้าดูพลังที่แท้จริงของท่าน นี่คือเกียรติยศที่สำคัญที่สุดของ
ข้า!” ฟางจู๋คาดหวังกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น คำพูดของเขาถึงกับแฝงไปด้วย
ความอ้อนวอน
เย่ลั้วเงียบไป ฟางจู๋ถึงกับเอาชื่อสำนักคังเฉียงมาใช้ มันทำให้เขาไม่มี
ทางเลือก
เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะพูดขึ้นมา “เมื่อท่านฟางอยากเห็นพลัง
ที่แท้จริงของข้า งั้นข้าก็จะทำให้ท่านได้สิ่งที่ท่านต้องการระวังตัว
ด้วย”
ฟางจู๋ยิ้มออกมาและบอกกับเยลั้ว “ขอบคุณ”
ทันใดนั้นเขาก็แสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมาสายตาของเขาจับจ้อง
ไปที่เย่ลั้ว
ขนาดเย่ลั้วยังไม่ได้ใช้เคล็ดวิชาต่อสู้ยังยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ หากเขาใช้
เคล็ดวิชาต่อสู้ออกมา เขาจะแข็งแกร่งขนาดไหนกัน?
เมื่อเห็นว่าสีหน้าของเยลั้วดูแปลก ๆ ฟางจู๋ก็ใจหล่นวูบ
“ทำไม ท่านดูถูกหมัดซ่อนมรณะ ?” เขาพูดต่อ “แม้ว่าหมัดซ่อนมรณะ
จะอยู่ระดับธรรมดาขั้นต่ำ แต่มันก็ไม่ได้แย่ไปกว่าเคล็ดวิชาอื่น ๆ !”
หมัดซ่อนมรณะคือเคล็ดวิชาหมัดที่เขาภูมิใจ เขาสามารถบ่มเพาะ
เคล็ดวิชาระดับธรรมดาขั้นต่ำจนมาถึงระดับนี้ได้ หากมองทั้งทวีป
แล้วคงมีคนแบบเขาไม่มาก ฟางจู๋มีสิทธิที่จะภูมิใจกับมันจริง ๆ
“ข้าไม่ได้ดูถูกเคล็ดวิชานี้ แต่…ท่านใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อฝึกฝนมัน มัน
คุ้มค่าแล้วหรือ?” เย่ลั้วส่ายหน้าและแสดงสีหน้าซับซ้อนออกมา
เย่ลั้วไม่รอให้ฟางซีได้แก้ตัว และพูดขึ้นต่อ “ยังไงซะหมัดซ่อนมรณะ
ก็คือหมัดซ่อนมรณะ มา ให้ข้าได้เห็นพลังของหมัดซ่อนมรณะอีกครั้ง
เถอะ!”
แม้ว่าเย่ลั้วจะคัดค้าน แต่คำพูดของเขาก็ยังให้เกียรติหมัดซ่อนมรณะ
แน่นอนสิ่งที่เขาผิดหวังคือ หมัดซ่อนมรณะไม่ใช่ตัวของฟางจู๋ สำหรับ
ฟางจู๋แล้ว เย่ลั้วไม่กล้าที่จะประมาทเลยแม้แต่น้อย
ฟางจู๋ไม่ได้โง่ เขามองออกว่าคำพูดของเย่ลั้วนั้นไม่ได้ดูจริงใจ มันทำ
ให้เขาไม่พอใจ เขาฝึกฝนหมัดซ่อนมรณะมาตลอดชีวิตและการที่เขา
ถูกดูถูกเช่นนี้ เขารับไม่ได้ !
“เมื่อท่านไม่เข้าใจหมัดซ่อนมรณะ ข้าจะให้ท่านได้เห็นพลังที่แท้จริง
ของมัน!” ฟางจู๋รู้สึกโล่งอก
เมื่อก้าวเท้าออกไป เขาก็พุ่งเข้าใส่เย่ลั้ว คนนอกเห็นได้แต่ภาพติดตา
ที่ทับซ้อนกัน มีแค่ไม่กี่คนที่เห็นการเคลื่อนไหวของเขา
ตอนนั้นเองร่างของเขาห่างจากเย่ลั้วแค่เพียง 1 ฟุต
ตอนที่เขาเข้าใกล้เย่ลั้ว ฟางจู๋ก็ตะโกนออกมา “ฮ่ะ !”
ต่อมา ปราณในตัวของเขาก็โคจรด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อและ
พลังที่ปล่อยออกมาก็ไม่ได้ถูกยับยั้งอีกต่อไป
หมัดซ่อนมรณะ!
หมัดนี้เขาไม่ได้ออมแรงเลยแม้แต่น้อย พลังอันรุนแรงของมันมากกว่า
หมัดที่เขาต่อยออกไปในตอนแรก!
ก่อนหน้านี้ที่บอกว่าจะไม่ออมมือ แต่ความจริงแล้วก็แอบออมมือ
เอาไว้บ้าง เพราะคู่ต่อสู้ของเขาคือเยลั้ว เยลั้วคือคนจากสำนักคังเฉียง
ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าปล่อยพลังออกมาอย่างเต็มที่ ถ้าหากเขาไม่ระวัง
ตัวเผลอฆ่าเย่ลั้วขึ้นมา เกรงว่าคงเป็นเรื่องใหญ่
แต่ตอนนี้เมื่อเห็นว่าหมัดของเขาไม่ได้เป็นภัยต่อเย่ลั้ว เขาก็เข้าใจว่า
ความแข็งแกร่งที่เย่ลั้วมีนั้น สูงกว่าที่เขาคิดเอาไว้ หากเขาไม่ทุ่มสุด
ตัว มันอาจจะเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะเย่ลั้ว นี่ยังไม่รวมกับการที่
เย่ลั้วดูถูกหมัดซ่อนมรณะอีก ดูเหมือนว่าเขาไม่จำเป็นที่จะต้องออม
มืออีกต่อไปแล้ว
“เอาแล้ว !”
เย่ลั้วหรี่ตาลง และแสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมา เขารู้สึกได้อย่าง
ชัดเจนว่า ความคิดของตนหยุดนิ่งไปชั่วขณะ ตอนที่ฟางจู๋ใช้หมัด
ซ่อนมรณะออกมา แม้ว่าเวลานี้จะสั้น และเย่ลั้วก็รวบรวมสติได้แทบ
จะทันที แต่เขาก็ยังรู้สึกใจสั่น
“ฮ่ะ!”
แม้ว่าครั้งนี้ด้วยเย่ลั้วจะเตรียมตัวรับมือเอาไว้แล้ว แต่ตอนที่ฟางจู๋
โจมตี เขาก็ไม่อาจลบพลังทั้งหมดของหมัดนี้ได้ เพราะหมัดนี้เร็ว
กว่าครั้งที่แล้ว และมีพลังมากกว่า
ปัง !
หมัดทั้งสองคนปะทะกันจนเกิดเสียงดังก้อง จากนั้นแรงระเบิดก็ก่อ
ตัว กระจายไปโดยรอบ ทำให้ตึกที่อยู่ใกล้ ๆ ถึงกับสั่นไหวเพราะ
แรงระเบิดนี้
หลังจากที่นวดมือที่ชา เย่ลั้วก็แปลกใจขึ้นมา “พลังของมันมากกว่า
ครั้งก่อน”
ฟางจู๋เองก็ตะลึง “ป้องกันเอาไว้ได้อีกแล้ว !”
ทั้งสองต่างก็ตกตะลึงไปกับพลังที่อีกฝ่ายมี และสีหน้าของทั้งคู่ก็ดู
เคร่งเครียดขึ้น
ที่ด้านนอกคฤหาสน์ ผู้คนนับไม่ถ้วนมองดูฉากนี้ด้วยความตะลึง
“แข็งแกร่งจริง ๆ !”
“แม้แต่พวกขอบเขตว่อซวนขั้นกลาง ก็ไม่อาจจะหยุดหมัดนี้ได้ไม่ใช่
รึ?”
“มันน่ากลัวเกินไปแล้ว!
นี่ไม่ต้องพูดถึงพวกขอบเขตฉีซวนเลย แม้แต่พวกขอบเขตว่อซวนก็
ยังรู้สึกกลัว มีแค่พวกขอบเขตว่อซวนขั้นกลางที่อดไม่ได้ที่จะกลืน
น้ำลาย มองไปยังเย่ลั้วและฟางจู๋ด้วยความหวั่นเกรง ไม่รู้ว่าร่างของ
ฉินเหลียนและหลัวซงปรากฏขึ้นมาที่นอกคฤหาสน์ตั้งแต่ตอนไหน
เมื่อคนที่อยู่รอบ ๆ เห็นฉินเหลียน พวกนั้นก็ตะโกนขึ้นมา “ท่านเจ้า
เมือง !”
ฉินเหลียนพยักหน้าให้ และมองดูเย่ลั้วกับฟางจู๋ สายตาของเขาแสดง
ความแปลกใจออกมา “ฟางจู๋ผู้นี้ถึงกลับรับมือกับนายน้อยเย่ได้”
ในมุมมองของเขาแล้ว เย่ลั้วน่าจะแข็งแกร่งกว่าฟางจู๋ แม้ว่าจะไม่ใช้
เคล็ดวิชาต่อสู้ แต่ก็น่าจะเอาชนะฟางจู๋ได้ แต่สถานการณ์ตอนนี้ ฟาง
จู๋เหมือนกับรับมือเย่ลั้วได้
“ฟางจู๋ผู้นี้ไม่ธรรมดา” ฉินเหลียนแสดงสีหน้าจริงจังออกมา ค่าของ
ฟางจู๋ที่เขาประเมินไว้ในใจนั้นสูงขึ้นกว่าเดิม
หลัวซงถามขึ้นมา” นายท่าน ท่านคิดว่า นายน้อยเย่กับท่านฟาง ใคร
กันที่จะชนะ ? “
ตอนนี้ฟางจู๋ดูได้เปรียบ แม้ว่าเย่ลั้วจะไม่ได้บาดเจ็บ แต่สถานการณ์นี้
ดูเหมือนว่า เย่ลั้วจะเสียเปรียบอย่างมากเพราะเย่ลั้วเอาแต่ป้องกัน หาก
ไม่มีโอกาสตอบโต้ เย่ลั้วนี่แหละที่จะเป็นฝ่ายได้รับบาดเจ็บในไม่ช้า!
การป้องกันเพียงอย่างเดียวไม่อาจจะทำให้ชนะได้ !
และเย่ลั้วก็เหมือนจะไม่คิดที่จะตอบโต้เลยแม้แต่น้อย !
“ใครจะชนะ?” ฉินเหลียนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
“อันที่จริงผลลัพธ์มันตัดสินตั้งแต่ต้นแล้ว หากนายน้อยเย่ต้องการจะ
ชนะ เขาก็จะชนะได้ในพริบตา” ฉินเหลียนเคยเห็นเคล็ดวิชาที่น่ากลัว
ของจางเหิงหยางมาแล้ว เขาเอาชนะพวกขอบเขตฉีชวนขั้นที่ 7, 8
และ 9 ได้ ตอนนั้นจางเหิงหยางยังอยู่ขอบเขตฉีซวนขั้นที่ 5 หาก
เทียบกับเย่ลั้วที่อยู่ขั้นที่ 9 แล้ว ในตอนนี้ เพียงแค่ใช้เคล็ดวิชาต่อสู้
นั้นออกมา แม้แต่ฉินเหลียนก็ยากจะเดาได้ว่าพลังของมันจะน่ากลัว
แค่ไหน
เย่ลั้วก็เหมือนกับคนอื่น ๆ ที่เป็นลูกศิษย์ของเจ้าสำนัก ฉินเหลียนไม่
คิดว่าเย่ลั้วจะไม่ได้เรียนรู้เคล็ดวิชาต่อสู้มา
เมื่อได้ยินแบบนั้นหลัวซงก็อ้าปากค้าง “งั้นรึ?”
เขามองไปที่คฤหาสน์ด้วยสายตาเหลือเชื่อ เย่ลั้วไม่อาจจะตอบโต้
ฟางได้แล้วเย่ลั้วจะชนะได้ยังไง ?
ฉินเหลียนยิ้มออกมาแต่ไม่ได้อธิบายอะไรต่อ ในการทดสอบป่าหวง
หยวนในตอนแรก หลัวซงไม่ได้ไปด้วย เป็นธรรมดาที่จะไม่เข้าใจ
ความน่ากลัวของเคล็ดวิชาต่อสู้ที่พวกเด็กนั่นมี อันที่จริงหากไม่ได้
เห็นกับตา ฉินเหลียนเองก็คงไม่เชื่อว่า จะมีเคล็ดวิชาต่อสู้ที่น่ากลัว
แบบนั้นอยู่ในโลกนี้ มันคือเคล็ดวิชาต่อสู้ในตำนาน
ด้านในคฤหาสน์ร้าง
ปัง !
เย่ลั้วเข้าปะทะกับฟางจู๋อีกรอบ พร้อมกับคลื่นพลังที่กระจายออกมา
ทั่วทุกทิศทาง
หลังจากที่ปะทะกัน ทั้งสองฝ่ายต่างก็ถอยกลับไป และเข้าโจมตีกัน
อีกรอบ
แรงกระแทกอันรุนแรงทำให้พื้นแตกร้าว ตึกข้าง ๆ ถึงกับเอนราวกับ
ว่าจะถล่มลงมาตอนไหนก็ได้
“เร็วมาก! “ ผู้คนด้านนอกต่างก็พากันเบิกตากว้าง แต่ก็ยังไม่เห็นร่าง
ของทั้งสองคน พวกเขาเห็นได้แค่ผลจากการต่อสู้ จนกระทั่งทั้งสอง
ได้ปะทะกันอีกครั้ง พวกเขาจึงพอจะมองเห็นพวกนั้นได้ ไม่ว่าจะเป็น
เย่ลั้วหรือฟางจู๋ต่างก็มีความเร็วที่น่าพึ่งโดยเฉพาะตอนถีบตัวออกมา
ในตอนแรก แม้แต่พวกขอบเขตว่อซวนขั้นกลางหลายคนก็ยังเทียบ
ไม่ติด
ไม่กี่อึดใจ ทั้งสองก็ได้เข้าโจมตีกันกว่าร้อยครั้ง พื้นดินที่นั่นแตก
ละเอียด ราวกับเกิดการระเบิดขึ้นมาที่นั่น
“ฮู่…” ฟางจู๋ถอยกลับไปหลายเมตร และหยุดโจมตี เขาคอยป้องกัน
การโจมตีจากเย่ลั้ว และเริ่มเครียดขึ้นมาเรื่อย ๆ หมัดที่เหมือนกับ
เหล็กของเขาในตอนนี้ แดงและบวมขึ้นมาราวกับโดนน้ำร้อนลวก
ในทางกลับกันแล้ว เย่ลั้วก็ดูไม่สู้ดีนัก ปราณของเขาน้อยกว่าฟางจู๋
แม้ว่าความเร็วในการฟื้นฟูจะเร็วกว่า แต่ก็ถูกใช้ไปอย่างรวดเร็ว
เช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นเขาที่ไม่เก่งเรื่องหมัดมวย กลับต้องใช้มันโจมตี
ออกมาหลายครั้ง ฟางจู๋ผู้นี้ถึงกลับทำให้เขาถึงขีดจำกัดได้
หากเป็นแบบนี้ต่อไป เขาคงบาดเจ็บแน่!
เขาถอนหายใจออกมาและมองไปที่ฟางจู๋ “ท่านฟาง ในความเห็น
ของข้า หากจะสู้ต่อคงจะไม่ดีนัก ท่านว่าไง ?”
เขาได้สิ่งที่ตัวเองต้องการแล้ว นั่นก็คือการทดสอบพลังที่แท้จริงของ
เขา เป็นธรรมดาที่เขาไม่ต้องการจะสู้กับฟางจู๋ต่อ
เขาไม่ใช่คนบ้าการต่อสู้
“นายน้อยเย่ ท่านยังดูถูกข้าอีกหรือ?” ฟางจูโกรธอยู่นิด ๆ “อย่าคิดว่า
ข้าจะไม่รู้ ตั้งแต่ต้นจนจบ ท่านยังไม่ได้ใช้เคล็ดวิชาต่อสู้เลย แม้ว่าข้า
จะทำให้ท่านบาดเจ็บไม่ได้ และข้าก็ยอมรับว่าท่านแข็งแกร่งกว่าข้า
แต่ข้าไม่คู่ควรกับการใช้เคล็ดวิชาของท่านเลยรึ?”
เย่ลั้วคิ้วขมวด “ข้าไม่ได้ใช้เคล็ดวิชาต่อสู้ออกมา ก็เพื่อตัวท่านเอง”
ตั้งแต่ที่เรียนรู้เคล็ดวิชาฟันมา เย่ลั้วก็แทบจะลืมเคล็ดวิชาต่อสู้ที่เขา
เคยเรียนรู้มาทั้งหมด ผลลัพธ์ของเคล็ดวิชาเหล่านั้นคล้ายคลึงกัน แต่
เคล็ดวิชาฟันกลับไม่เหมือนกัน หากเขาใช้เคล็ดวิชาฟันออกมา เขาก็
ไม่มั่นใจว่าฟางจู๋จะรับมือได้หรือไม่ ยังไงซะพลังของเคล็ดวิชาฟัน
นั้นก็แข็งแกร่งเกินไป หากเขาไม่ระวัง ฟางจู๋ก็อาจจะตายได้
“ขอบคุณสำหรับความเมตตาของท่าน แต่ข้าหวังว่าท่านจะแสดง
พลังที่แท้จริงของท่านออกมา!” ฟางจู๋พูดขึ้นมาอย่างเย็นชา
“แม้ว่าจะต้องตายด้วยมือของท่านแต่ข้าก็ไม่เสียดาย!”
หากเย่ลั้วไม่แสดงพลังที่แท้จริงออกมา งั้นการต่อสู้นี้จะมีความหมาย
อะไร ?
หลังจากที่สู้กันมานาน ฟางจู๋ก็ไม่อาจจะรับความจริงเรื่องนี้ได้
“ท่านยังออมมือและไม่ใช้เคล็ดวิชาต่อสู้ ทำไมกัน? หรือท่านคิดว่านี่
มันเป็นการเล่นสนุกงั้นรึ?” ฟางจู๋เหมือนรู้สึกโดนดูถูก
“หรือว่าสำนักคังเฉียงที่โด่งดัง เป็นพวกชอบกลับคำ?” เพื่อที่จะได้
เห็นพลังที่แท้จริงของเยลั้ว เขาถึงกับจงใจดูหมิ่นสำนักคังเฉียง
“มา ให้ข้าดูพลังที่แท้จริงของท่าน นี่คือเกียรติยศที่สำคัญที่สุดของ
ข้า!” ฟางจู๋คาดหวังกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น คำพูดของเขาถึงกับแฝงไปด้วย
ความอ้อนวอน
เย่ลั้วเงียบไป ฟางจู๋ถึงกับเอาชื่อสำนักคังเฉียงมาใช้ มันทำให้เขาไม่มี
ทางเลือก
เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะพูดขึ้นมา “เมื่อท่านฟางอยากเห็นพลัง
ที่แท้จริงของข้า งั้นข้าก็จะทำให้ท่านได้สิ่งที่ท่านต้องการระวังตัว
ด้วย”
ฟางจู๋ยิ้มออกมาและบอกกับเยลั้ว “ขอบคุณ”
ทันใดนั้นเขาก็แสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมาสายตาของเขาจับจ้อง
ไปที่เย่ลั้ว
ขนาดเย่ลั้วยังไม่ได้ใช้เคล็ดวิชาต่อสู้ยังยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ หากเขาใช้
เคล็ดวิชาต่อสู้ออกมา เขาจะแข็งแกร่งขนาดไหนกัน?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบเจ้าสำนัก