ระบบเจ้าสำนัก นิยาย บท 369

ตอนที่ 369 ความแข็งแกร่งที่แท้จริง
บทสนทนาระหว่างเย่ลั้วกับฟางจู๋ไม่ได้ถูกปกปิ ดเอาไว้ ดังนั้นคนที่
อยู่ไม่ไกลออกไปนักจึงได้ยินมันอย่างชัดเจน
เมื่อรู้ว่าเย่ลั้วยังไม่ได้ใช้เคล็ดวิชาต่อสู้ออกมา หลายคนต่างก็พากัน
มองไปที่เย่ลั้วด้วยความตะลึง “เขายังไม่ได้ใช้เคล็ดวิชาต่อสู้ออกมา
เลยรึ ?
การโจมตีพวกนี้ยังไม่ใช่พลังที่แท้จริงของเขารึ ?
ทุกคนต่างก็รู้สึกทึ่ง เย่ลั้วผู้นี้น่ากลัวเกินไปแล้ว !
“เมื่อเจอกับการโจมตีเต็มกำลังของฟางจู๋ ที่อยู่ขอบเขตว่อชวนขั้น
กลาง แต่เขากลับยังไม่ใช้เคล็ดวิชาต่อสู้ออกมา เย่ลั้วผู้นี้อยู่ขอบเขตฉี
ซวนขั้นที่ 9 จริง ๆ รึ ?” หลายคนอดไม่ได้ที่จะแปลกใจ
“แม้แต่พวกขอบเขตว่อซวนขั้นสูงก็ยังไม่กล้าทำแบบนี้”
ต้องรู้ก่อนว่า ฟางจู๋ไม่ใช่ขอบเขตว่อซวนขั้นกลางทั่วไป เขาถึงกับ
เป็นอันตรายสำหรับพวกขอบเขตว่อซวนขั้นสูงบางคน มันยากที่จะ
คิดออกว่าเย่ลั้วแข็งแกร่งแค่ไหน
พวกขอบเขตว่อซวนหลายคน รวมไปถึงพวกขอบเขตฉีซวนทุกคน
ต่างก็มองไปที่เย่ลั้วด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน
“ระวังไว้ด้วย ข้าจะใช้เคล็ดวิชาต่อสู้แล้ว” เย่ลั้วมองไปที่ฟางจู๋และ
เตือนออกมา “หากท่านทนไม่ได้ก็ให้หลบไป อย่าฝืนรับมันเอาไว้”
ยอมรับความพ่ายแพ้งั้นรึ?
แม้ฟางจู๋จะรู้ว่าเย่ลั้วนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ไม่คิดว่าเย่ลั้ว
จะบอกให้เขายอมแพ้
“สงสารข้า? หรือว่าดูถูกข้า ?” ฟางจู๋เลิกคิ้ว สีหน้าของเขาหม่นลง
ชัดแล้วว่าเขาไม่เข้าใจความคิดของเย่ลั้ว
“ฮึ่ม ถึงข้าจะตาย แต่ข้าก็ไม่มีทางยอมรับความพ่ายแพ้!” การยอมแพ้
ให้กับผู้ที่อยู่ขอบเขตนี้ชวนขั้นที่ 9 เขาจะเอาหน้าไปไว้ไหน?
เมื่อเห็นท่าทีของฟางจู๋ เย่ลั้วก็ไม่ได้โกรธ เขาตักเตือนอีกฝ่าย เพื่อให้
อีกฝ่ายตัดสินใจเอาเอง
เย่ลั้วไม่สนใจฟางจู๋อีกต่อไป เขาแสดงสีหน้าจริงจังออกมาและ
ปราณในตัวก็โคจรไปตามเส้นชีพจร
“ฮู่” เย่ลั้วถอนหายใจออกมา เขาพร้อมที่จะโจมตีแล้ว
ต่อมาฝ่ามือของเขาก็กางออกราวกับใบมีด แค่ดูก็รู้สึกว่ามันพิเศษ
เคล็ดวิชาต่อสู้ระดับธรรมดาขั้นกลาง — ฟัน !
การเคลื่อนไหวที่เรียบง่าย ดูธรรมดาแต่กลับไม่ธรรมดา สายตานับ
ไม่ถ้วนของคนโดยรอบ ต่างก็จับจ้องไปที่เย่ลั้ว เมื่อเห็นเคล็ดวิชาที่
เย่ลั้วแสดงออกมา พวกเขาต่างก็พากันผิดหวัง
“นี่คือเคล็ดวิชาต่อสู้ของนายน้อยเย่รึ?”
“นี่ใช่เคล็ดวิชาต่อสู้หรือ? มันไม่ดูธรรมดาไปหน่อยรึไง?”
“เคล็ดวิชาระดับธรรมดาขั้นต่ำ ยังดูดีกว่านี้เลย”
“นายน้อยเย่หลอกเรา?”
ทุกคนต่างก็พากันคิ้วขมวด และแสดงสีหน้าผิดหวังออกมา
หลัวซงที่อยู่ข้าง ๆ ฉินเหลียน ก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยขึ้นมา “นายท่าน
นายน้อยเย่ หยิ่งทะนงเกินไปหน่อยหรือไม่?”
“ไม่ เขาไม่ได้หยิ่งทระนง ฉินเหลียนมองไปที่เย่ลั้ว “ดูดี ๆ !”
ผ่านมาหลายเดือนแล้ว ในที่สุดก็ได้เห็นคนใช้เคล็ดวิชานี้ออกมาอีก
ครั้ง ฉินเหลียนอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น มีน้อยคนนักที่เคยเห็นพลังของ
เคล็ดวิชาฟัน และฉินเหลียนก็เป็นหนึ่งในนั้น เขารู้ดีกว่าใครว่าเคล็ด
วิชาที่ดูธรรมดานี้ มีพลังที่น่ากลัวแค่ไหน
ฟางจู๋คิดว่าเย่ลั้วปั่นหัวเขา แต่ตอนที่เขากำลังจะพูดขึ้นมานั้น อยู่ ๆ
เขาก็รู้สึกได้ถึงอันตราย ปราณในตัวเขาโคจรด้วยความเร็วสูง
ร่างกายของเขาแยกร่าง และถอยกลับไปหลายเมตร
ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง
ตอนนั้นเกิดพายุอันน่ากลัวขึ้น ใบไม้และเศษพื้นดินกระจายไปทั่ว
ทุกทิศทาง เสียงสายฟ้าดังก้องไปทั่ว พายุนั้นเข้าปกคลุมในจุดที่ฟาง
จู๋เคยอยู่ เศษหินนับไม่ถ้วนปลิวว่อนอยู่ในพายุ ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ถูก
ดูดเข้าไปด้านในจะถูกบดขยี้ในพริบตา และเปลี่ยนเป็นเศษผงบดบัง
ภายในพายุเอาไว้
“ฮู่มมม!” ที่ใกล้ ๆ กับพายุ ฟางจู๋รู้สึกได้ถึงแรงดึงดูดที่มาจากพายุ
ผิวของเขาฉีกขาดมีเลือดไหลออกมา สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป เขาไม่
ลังเลและรีบต่อยออกไปเพื่อต้านทานแรงดึงดูดของพายุ
เมื่อใช้พลังทั้งหมดไปกับหมัดนี้ ฟางจู๋ก็รู้สึกว่าแรงดูดของพายุนี้
อ่อนลงเล็กน้อย แต่เขาก็ยังวางใจไม่ได้ พายุที่น่ากลัวนี้ฟื้นฟูแรงมัน
ได้ขึ้นมาได้ในพริบตา ราวกับว่าไม่เคยเกิดการเปลี่ยนแปลงใด ๆ มา
ก่อน
เมื่อรู้สึกได้ถึงพลังอันน่ากลัวของพายุ ฟางจู๋ก็เข้าใจทันทีว่าเมื่อถูก
ดูดเข้าไป เขาจะตายทันที !
“ฮ่ะ !”
ฟางจู๋คลั่ง เขาใช้เคล็ดวิชาต่อสู้ออกมาอย่างต่อเนื่อง เขาต่อยออกไป
เพื่อลดพลังดูดของพายุ ใบหน้าของเขาซีดลงไปเรื่อย ๆ พร้อมกับ
บาดแผลที่เพิ่มขึ้นมา ในตัวเขาหลงเหลือปราณอยู่ไม่มาก หากถูกใช้
ไปด้วยความเร็วระดับนี้ เขาคงทนได้ไม่กี่อึดใจ
เขากัดฟันทนความเจ็บปวดของร่างกาย และต่อยออกไปเพื่อต้าน
พลังจากพายุ
ปัง ปัง ปัง ปัง
การปะทะกันระหว่างพายุกับหมัดเหล็ก ทำให้เกิดเสียงดังก้องไปทั่ว
ตู้ม ตู้ม ตู้ม!
ภายใต้การระเบิดพลังอันน่ากลัวนี้ คฤหาสน์ที่แต่เดิมก็พังอยู่แล้ว
กลับพังจนไม่เหลือซาก ตีกมากมายภายในเขตนั้นพังลง หิน ไม้และ
กำแพงนับไม่ถ้วน ต่างก็ถูกพายุนั้นกลืนกินเข้าไปจนกลายเป็นฝุ่นผง
นี่ราวกับกำลังเกิดจุดจบของโลก
ด้านนอกคฤหาสน์ ทุกคนที่เห็นฉากนั้นต่างก็พากันตะลึง และถึงกับ
ล้มลงไปกองกับพื้น จนพายุนั้นเคลื่อนที่มาใกล้ตัวเอง พวกเขาจึงได้
สติและรีบหนีออกมา
พวกเขาคิดว่าเย่ลั้วคงหลอกฟางจู๋ การเคลื่อนไหวธรรมดานี้ดูไม่
เหมือนเคล็ดวิชาต่อสู้เลยแม้แต่น้อย แต่พลังที่น่ากลัวของพายุนี้กลับ
ทำให้พวกเขาคิดใหม่ การเคลื่อนไหวที่พวกเขามองว่าเป็นเรื่องตลก
กลับเป็นเคล็ดวิชาต่อสู้ที่มีพลังรุนแรงเช่นนี้ได้ !
“น่ากลัว !” ทุกคนต่างก็เบิกตากว้าง
“ด้วยพลังของมันแล้ว ข้ากลัวว่าแม้แต่พวกขอบเขตว่อซวนขั้นสูง ก็
อาจจะรับมือไม่ไหว?”
“นี่มันเคล็ดวิชาอะไรกัน ? มันน่ากลัวจริง ๆ !”
คนนับหมื่นที่มาดูการต่อสู้ พากันตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น!
ทุกคนตื่นเต้นที่ได้เห็นคฤหาสน์ถูกเปลี่ยนเป็นซาก แม้ว่าคฤหาสน์
แห่งนี้จะเก่าและทรุดโทรมแล้ว แต่การได้เห็นฉากที่ผิดธรรมชาติ
ตรงหน้า ก็ทำให้พวกเขาตื่นเต้นได้อยู่ดี
ตอนแรกพวกเขาคิดว่า เย่ลั้วคงหลอกฟางจู๋ พวกเขาจึงไม่ได้สนใจจะ
ดูการต่อสู้ต่อ แต่ตอนนี้มันเหมือนกับการแสดงที่พิเศษ ที่ไม่อาจจะ
มองข้ามได้ !
ทันใดนั้น เสียงฮือฮาของผู้คนก็เงียบลง ทุกคนต่างก็ละสายตาจาก
เย่ลั้ว และมองไปที่ร่างตรงข้ามกับเย่ลั้ว
เพราะทุกคนได้ยินเสียงของฟางจู๋ดังขึ้นมา “ข้ายอมแพ้!”
เสียงนี้เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและเสียใจ แม้แต่คนโง่ก็ยังรู้ได้ว่า
คนที่พูดรู้สึกยังไง
เมื่อเสียงของฟางจู๋สิ้นสุดลง พลังของพายุก็ค่อย ๆ ลดลง ก่อนจะ
สลายไปในเวลาไม่กี่อึดใจ ฝุ่นกระจายตัวไปในอากาศค่อย ๆ จางลง
ร่างของเย่ลั้วและฟางจู๋ได้ปรากฏขึ้นมาในสายตาผู้คนอีกครั้ง
เย่ลั้วยังคงยืนนิ่งอยู่อย่างใจเย็นท่ามกลางหลุมใหญ่ แต่เขายังดูสะอาด
ราวกับว่าไม่ได้รับผลกระทบจากพายุเลยแม้แต่น้อย
ตรงกันข้ามกับเย่ลั้ว ฟางจู๋ราวกับโดนฟันด้วยมีด มีรอยเลือดอยู่ทั่ว
ทุกที่ บางจุดถึงกับมองเห็นกระดูก แม้แต่ใบหน้าของเขาก็ยังโชกไป
ด้วยเลือด ที่คางของเขาก็ยังมีเลือดไหลหยดลงมา
หากมองจากไกล ๆ แล้ว ฟางจู๋เหมือนกับเพิ่งขึ้นมาจากบ่อโลหิต เขา
มีสภาพที่น่าอนาถ
เงียบสนิท !
พวกคนที่มาดูการต่อสู้ต่างก็พากันอึ้ง หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจผู้คนก็
ได้สติและเริ่มฮือฮาขึ้นมากับเรื่องน่าตกใจนี้
“ชนะ !”
“นายน้อยเย่ชนะ!”
“การต่อสู้จริง ๆ นั้น อันที่จริงแล้วแค่ลงมือครั้งเดียว นายน้อยเย่ก็
ชนะได้ !”
“นี่มันเคล็ดวิชาอะไรกัน?”
เสียงฮือฮาของผู้คนโดยรอบ แสดงให้เห็นว่าพวกเขาตื่นเต้นกันแค่
ไหน ไม่ต้องเดาเลยว่า สิ่งที่ผู้คนสนใจมากที่สุดก็คือ เคล็ดวิชาที่เย่ลั้ว
ใช้ออกมา พลังของมันไม่รุนแรงไปหน่อยหรือไง ?
“อึก” เมื่อได้ยินเสียงพูดคุยโดยรอบ ฟางจู๋ก็เหมือนกับถูกดูหมิ่น เขา
ถึงกับกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง พร้อมกับหน้าที่ซีดลงไปอีก
เย่ลั้วมองไปที่ฟางจู๋และถามขึ้นมา “ท่านฟาง ท่านไม่เป็นอะไรนะ?”
เมื่อรู้สึกได้ถึงความห่วงใยจากเย่ลั้ว ฟางจู๋ก็อ้าปากค้าง แม้ว่าในใจ
ของเขาจะเจ็บปวด แต่มันก็ไม่มีทางที่จะแค้นเคืองเย่ลั้วได้เพราะ
ตั้งแต่ต้นจนจบ เย่ลั้วไม่ได้ทำอะไรผิดเลย แม้แต่การใช้เคล็ดวิชา
ออกมานี้ ก็เป็นเขาเองที่เป็นฝ่ายยืนกราน
ฟางจู๋เงียบอยู่สักพัก ก่อนจะก้มหน้าและพูดขึ้นมา “ข้าแพ้แล้ว”
เย่ลั้วเป็นศิษย์สำนักคังเฉียงที่ไม่โด่งดัง แต่กลับมีพลังที่น่ากลัวถึง
เพียงนี้ !
“ก้าวข้ามข้าไปเพื่อสร้างชื่อเสียง” ฟางจู๋ยิ้มเยาะตัวเอง
“เรื่องที่น่าตลกที่สุดก็คือ ข้ากลับเป็นคนยื่นโอกาสครั้งนี้ให้กับเขา
เอง…”
เขารู้สึกผิด!
ฟางจู๋ไม่เคยรู้สึกผิดแบบนี้มาก่อน !
แม้ว่าเขาต้องการจะทดสอบความแข็งแกร่งที่เย่ลั้วมี และต้องการ
ต่อสู้กับคนของสำนักคังเฉียง แต่ราคาที่ต้องจ่ายนั้นมหาศาลเกินกว่า
เขาจะรับไหว ตอนนี้แทนที่จะเป็นการทดสอบพลังของเย่ลั้ว แต่
กลับเป็นความเสียหายที่มากกว่าที่เขาคิดเอาไว้
เย่ลั้วไม่รู้ว่าฟางจู๋รู้สึกยังไง แต่เขาก็เดาได้ เขาเปิดปากพูดขึ้นมา
“ท่านฟาง หากไม่มีอะไรแล้ว ข้าขอตัวก่อน”
เขาไม่รู้ว่าจะพูดคุยกับฟางจู๋ยังไงต่อ นี่ยังไม่รวมกับสายตาของคน
โดยรอบ ซึ่งทำให้เขาอึดอัด
เมื่อเห็นว่าฟางจู๋ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา เย่ลั้วก็หันหลังกลับและเดิน
ออกมาจากที่นั่น
เมื่อเดินออกมาได้ 30 ฟุต อยู่ ๆ ฟางจู๋ก็เงยหน้าขึ้น และถามขึ้นมา
ด้วยสีหน้าซับซ้อน “เคล็ดวิชาที่ท่านใช้มันชื่ออะไรกัน ?”
“ฟัน” เย่ลั้วหยุดและตอบกลับโดยไม่หันมามอง
เมื่อได้ยินแบบนั้น ฟางจู๋ก็ต้องก้มหน้าอีกครั้ง แต่ครั้งนี้สีหน้าของเขา
กลับแสดงความสับสนออกมา “ฟันรึ? หรือการที่ข้าสนใจฝึกหมัด
ซ่อนมรณะมาหลายปี มันจะเป็นเรื่องที่ผิด?”
การต่อสู้กับเย่ลั้ว ทำให้ความเชื่อมั่นที่เขามีมาตลอดหลายปีต้อง
สั่นคลอน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบเจ้าสำนัก