ระบบเจ้าสำนัก นิยาย บท 370

ตอนที่ 370 ปัญหา
การต่อสู้ที่คฤหาสน์แห่งนั้น ในที่สุดก็สิ้นสุดลง การต่อสู้นี้โด่งดังไป
ทั่วทั้งเขตตงโจว และอาจจะแพร่ไปทั่วอาณาจักรโจวด้วย ตอนนี้ผู้คน
ต้องมองศิษย์สำนักคังเฉียงใหม่อีกครั้ง
คนที่อยู่ขอบเขตฉีซวนขั้น 9 สู้กับคนที่อยู่ขอบเขตว่อซวนขั้นกลาง
เขาถึงกับเอาชนะคนที่อยู่ขอบเขตว่อซวนขั้นกลางได้ การพ่ายแพ้
ของฟางจู๋ โด่งดังไปทั่วเขตตงโจว มันทำให้พวกเขาตกตะลึงและ
ตื่นเต้นจนยากที่จะสงบจิตใจตัวเองลงได้
หากเย่ลั้วที่อยู่ขอบเขตฉีซวนขั้น9 ยังแข็งแกร่งได้ขนาดนี้แล้วเซียว
เหยียนกับคนอื่น ๆ จะน่ากลัวขนาดไหน?
คนที่ไม่สนใจศิษย์สำนักคังเฉียงก่อนหน้านี้ ต้องมองศิษย์พวกนี้ใหม่
ดูเหมือนว่าศิษย์มนุษย์ที่ไม่โดดเด่น กลับปกปิดสิ่งที่น่าอัศจรรย์
เอาไว้
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผู้คนต่างก็อยากที่จะเข้าร่วมกับสำนักคังเฉียง
โดยเฉพาะกับพวกอัจฉริยะ ชั้นเรียนของสำนักคังเฉียงคือสถานที่
ศักด์ิสิทธ์ิของพวกเขา
“ตามธรรมเนียมแล้ว มันยังเหลือเวลาอีก2เดือน สำนักใหญ่ ๆ ถึงจะ
เริ่มทำการรับศิษย์ บางที่สำนักคังเฉียงอาจจะทำเหมือนกันไม่ใช่รึ?”
ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างก็คำนวณเวลา และต่างก็คาดหวังกับการรับคน
ของสำนักคังเฉียง
ตอนนี้ การลงทะเบียนเข้าเมืองทะเลทรายก็คึกคักขึ้นกว่าเดิม บางคน
ที่ทดสอบไม่ผ่านถึงกับใช้วิธีการต่าง ๆ เพื่อให้ได้รับสิทธิการ
ลงทะเบียนเข้าเมือง พวกเขาอยากจะเข้าร่วมกับสำนักคังเฉียง แม้ว่า
ตัวเองจะเข้าไม่ได้ แต่พวกเขาก็ต้องคิดเผื่อลูกหลานของตน หากเข้า
ไปอยู่ในเมืองทะเลทรายได้ ลูกหลานของพวกเขาก็สามารถทดสอบ
เพื่อเข้าร่วมสำนักคังเฉียงได้
รอบ ๆ เขตตงโจว ต่างก็มีผู้คนมากมายแห่แหนกันมา
ฉินเหลียนยุ่งขึ้นมากับการจัดการเรื่องต่าง ๆ รวมไปถึงรับของขวัญ
มากมาย ผู้คนนับไม่ถ้วนยอมใช้เงินกว่า 10 ล้าน เพื่อซื้อสิทธิลงทะเบียน
ในแต่ละวันแถวที่ต่อกันหน้าคฤหาสน์นั้นยาวเหยียด หากไม่มีคน
อื่น ๆ คอยช่วย ฉินเหลียนคงไม่ต้องหลับไม่ต้องนอนกันพอดี
สำนักคังเฉียงที่ถูกจางหูแต่งเติมขึ้นมา ทำให้ผู้คนหันมาสนใจ เจ้า
สำนักไม่ได้สนใจตัวสำนักคังเฉียงเลย ตอนนี้ด้วยการต่อสู้ระหว่าง
เย่ลั้วและฟางจู๋ ทำให้ทุกคนต้องคิดทบทวนใหม่ พวกเขาเริ่มเข้าใจ
ถึงความยิ่งใหญ่ของตัวสำนักคังเฉียงแล้ว ชั้นเรียนมนุษย์ที่ไม่ได้มี
อะไรโดดเด่น เริ่มได้รับความสนใจจากผู้คน
เซียวเหยียน, โจวซินเอ่อร์, อูโม่, เติ้งชิวฉาน, หนิวซิงไห่, เซี่ยเฟิง
และคนอื่น ๆ ต่างก็ได้รับความสนใจกันยิ่งกว่าเดิม!
แน่นอนว่า คนที่ได้ประโยชน์ที่สุดคือเย่ลั้ว การต่อสู้กับฟางจู๋ทำให้
เขามีชื่อเสียงขึ้นมา เขาเป็นที่รู้จักของคนทั่วเขตตงโจว ทุกการเคลื่อน
ไหวของเขาทำให้ผู้คนมากมายสนใจ และส่งผลถึงตระกูลเย่ด้วย
ตระกูลชั้นสองของเมืองทะเลทรายอย่างตระกูลเย่เองก็ได้ประโยชน์
จากเรื่องนี้ มีผู้คนมากมายแห่แหนกันเข้าหาตระกูลเย่
ไม่มีใครกล้าประมาทที่เย่ลั้วอยู่ขอบเขตฉีซวนขั้นที่ 9 และมองข้าม
ฐานะศิษย์สำนักคังเฉียง การโจมตีเพียงครั้งเดียวของเย่ลั้ว สามารถ
เอาชนะฟางจู๋ได้ ซึ่งเพียงพอที่จะได้รับความเคารพจากผู้บ่มเพาะ
มากมาย คนหนุ่มสาวต่างก็ยึดถือเขาเป็นต้นแบบ หลายคนถึงกับ
แต่งตัวเลียนแบบตามเย่ลั้วด้วย เพื่อให้เหมือนต้นแบบของพวกเขา
สักนิดก็ยังดี
ตอนแรกผู้คนรู้จักแค่เซียวเหยียน, อู่โม่, โจวซินเอ่อร์และคนอื่น ๆ
ตอนนี้ชื่อเสียงของเย่ลั้วกลับโด่งดังยิ่งกว่าพวกนั้นแล้ว!
มันไม่เกินไปเลยที่จะบอกว่า ทั้งสำนักคังเฉียงนอกจากคนที่จางหยู
เอาใจใส่เป็นพิเศษแล้ว ก็มีเย่ลั้วนี่แหละที่โด่งดังที่สุด แม้แต่โอวเสิน
เฟิง อู่ฉิงฉวนและคนอื่น ๆ ที่โด่งดัง ก็ยังมีชื่อเสียงเทียบเย่ลั้วไม่ได้
อย่างน้อยก็ในพื้นที่เขตตงโจว ชื่อเสียงของเย่ลั้วก็โด่งดังกว่าพวกนั้น
อัจฉริยะที่อายุน้อยกว่า 20 ปี แต่กลับเอาชนะคนที่อยู่ขอบเขตว่อซวน
ขั้นกลางได้นั้น ชัดเจนแล้วว่าดูโดดเด่นกว่าพวกคนแก่ ตัดสินจาก
ความสามารถในตอนนี้แล้ว อนาคตของเย่ลั้วนั้นสดใสและอาจจะ
ประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ แค่จุดนี้ก็ไม่มีใครกล้ามองข้ามเขาอีก
ต่อไป
ที่สำนักคังเฉียง
เรื่องของโลกภายนอกไม่ได้ส่งผลต่อเย่ลั้วเลย เขายังคงทำการบ่มเพาะ
เหมือนเช่นเคย ไม่เกียจคร้าน ชีวิตของเขาไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เขาเดินออกมาจากแสงอันโดดเด่นและทำตัวอย่างเช่นเคย เขาหมก
ตัวอยู่แต่ในสำนักคังเฉียงมาตลอด หากไม่ใช่เพราะมีผู้บ่มเพาะเป็น
หมื่น ๆ คนเห็นเขาเอาชนะฟางจู๋ได้ น่ากลัวว่าคงไม่มีใครเชื่อว่าเด็ก
น้อยที่ไม่ได้ดูโดดเด่นอะไร จะมีความแข็งแกร่งที่น่ากลัวเช่นนั้น
การต่อสู้ระหว่างเย่ลั้วและฟางจู๋นั้นโด่งดังอย่างรวดเร็ว วันต่อมา
ผู้คนที่สำนักคังเฉียงต่างก็ได้ยินมัน
เหมาฉางเฟิงและคนอื่น ๆ ต่างก็มาพบเย่ลั้วเพราะความสงสัย “เย่ลั้ว
ตอนนั้นสถานการณ์เป็นยังไงกัน? ข้าได้ยินมาว่าฟางจู๋อยู่ขอบเขตว่อ
ซวนขั้นกลาง และเคยเอาชนะพวกระดับเดียวกันมาหลายคน เจ้า
เอาชนะเขาได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวจริง ๆ รึ?”
เซียวเหยียนและคนอื่น ๆ ที่อยู่ขอบเขตว่อซวนต่างก็พากันสงสัยใน
เรื่องนี้
ในชั้นเรียน นอกจากอูโม่, เซี่ยเฟิงและเหลยเจี้ยนแล้ว คนอื่น ๆ ไม่
เคยได้ปะมือกับพวกขอบเขตว่อซวน จึงเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะไม่
รู้ว่า พวกเขานั้นแข็งแกร่งแค่ไหน ความแข็งแกร่งที่พวกเขามีนั้นพอ ๆ
กับเย่ลั้ว หากเย่ลั้วเอาชนะคนที่อยู่ขอบเขตว่อซวนขั้นกลางได้งั้น
พวกเขาก็น่าจะทำได้เช่นกัน
เย่ลั้วคิดย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ในตอนนั้น และสรุปออกมา “หาก
ทั้งสองฝ่ายไม่มีใครใช้เคล็ดวิชาต่อสู้ออกมา ข้าก็เป็นฝ่ายได้เปรียบ
หากเขาใช้เคล็ดวิชาต่อสู้ออกมาโดยที่ข้าไม่ใช้ เขาก็เหนือกว่าข้า
เล็กน้อย หากข้าใช้เคล็ดวิชาต่อสู้ออกมาเขาจะแพ้ในทันที แน่นอน
ข้าพูดถึงเคล็ดวิชาฟันนะ สำหรับเคล็ดวิชาอื่น ๆ ข้าลืมมันไปหมดแล้ว”
หลังจากที่สรุปเสร็จ เย่ลั้วก็คิดทบทวนและพูดขึ้น “ข้าเดาว่า หากเรา
ใช้เคล็ดวิชาฟัน ความแข็งแกร่งของพวกเราจะทัดเทียมกับพวก
ขอบเขตว่อซวนขั้นสูง..” นี่คือสรุปที่ฟังดูแล้วน่าตื่นเต้นที่สุด
แต่พูดไปได้เพียงครึ่งเดียว เขาก็มองไปที่เซียวเหยียนและคนอื่น ๆ
ก่อนจะกระแอมไอแล้วพูดขึ้นมา “นั่นไม่นับรวมเซียวเหยียน พี่อู่โม่
และคนอื่น ๆ”
ความแข็งแกร่งของเซียวเหยียนและคนอื่นสูงกว่าที่คนภายนอกคาด
เดา บางทีพวกขอบเขตว่อซวนขั้นสูงก็ไม่อาจที่จะเป็นคู่มือของคน
พวกนี้ได้
อาจจะกล่าวได้ว่าเซียวเหยียนและหลินหมิงสามารถเอาชนะพวก
ขอบเขตว่อซวนขั้นสูงได้ง่าย ๆ !
“ในอีกความหมายคือการเอาชนะฟางจู๋นั้นไม่ได้พิเศษอะไร เจ้าคิด
ว่ามันง่ายหรือที่เขาจะเอาชนะข้าได้? หรือเจ้าอยากจะลองทดสอบ
ดู?”
ในสองวันที่ผ่านมานี้ มีผู้คนมากมายมาหาเขา จนทำให้เขารำคาญ
ตอนที่เขากลับบ้านมันยากที่จะพบเวลาที่เงียบสงบได้ เขาไม่รู้ว่าจะ
หัวเราะหรือร้องไห้ดี มีตระกูลมากมายมาเสนอให้เขาแต่งงานกับคน
ของตระกูลตน ซึ่งทำให้เขากลัวจนไม่อยากจะกลับบ้าน และคิดที่จะ
อยู่ในสำนักคังเฉียงไปสักพัก เมื่อเหตุการณ์เงียบสงบเมื่อไหร่ เขา
ค่อยคิดทบวนในการกลับบ้าน
นี่คือปัญหาน่าหนักใจ !
ชัดแล้วว่าเย่ลั้วไม่มีประสบการณ์ในการรับมือกับเรื่องแบบนี้ เขาไม่
เคยเตรียมตัวในการเผชิญหน้ากับเรื่องพวกนี้
เขาแค่ต้องการบ่มเพาะอยู่เงียบ ๆ ไม่คิดสนใจเรื่องอื่น
“แต่งงานแล้วมันมีดีอะไร? หากต้องใช้เวลาไปกับผู้หญิง มันไม่ดี
กว่าที่จะเอาเวลาไปบ่มเพาะ การบ่มเพาะน่าสนใจยิ่งกว่าผู้หญิงเสีย
อีก” นี่คือความคิดในใจของเย่ลั้ว ที่ไม่เคยได้รู้จักถึงความรักของ
ผู้หญิง สำหรับเขาแล้วผู้หญิงคือคนที่โหดร้าย โดยเฉพาะกับพ่อของ
เขาที่อยู่ขอบเขตฉีซวนขั้นที่ 7 ทุกครั้งที่พ่ออยู่ต่อหน้าแม่ที่อ่อนแอ
แม่จะด่าเขากับพ่อจนต้องตัวสั่นด้วยความกลัว “ข้าจะไม่มีทาง
แต่งงานเด็ดขาดในชีวิต ข้ายอมตายดีกว่า!”
เขาอยู่ในเงาของแม่มาตลอด ดังนั้นจึงไม่คิดจะแต่งงานกับผู้หญิงอื่น
เมื่อได้ยินคำพูดของเย่ลั้ว จางเหิงหยางก็คิดตาม ก่อนจะส่ายหน้า
“ช่างเถอะ ข้าก็ยังไม่ได้โดดเด่นเท่าเจ้าอยู่ดี”
“อย่าคิดเช่นนั้น!” เย่ลั้วรีบพูดขึ้นมา
“เรื่องชื่อเสียงและเรื่องอื่น ๆ นั้น ข้าหาได้สนใจไม่ เจ้าไม่คิดอยาก
ปะมือกับคนนอกบ้างรึ? การต้องซ้อมมือกันเองทุกวันเจ้าไม่เบื่อบ้าง
เลยรึ?” คำพูดของเขาเต็มไปด้วยความสับสน “ลองออกไปทดสอบดู
แล้วเจ้าจะเข้าใจว่าเรื่องนี้มันน่าสนใจแค่ไหน”
เขาอยากที่จะหาคนไปแสดงฝีมือ เพื่อที่จะได้มีคนแย่งความเด่นจาก
เขาไปบ้าง
“ฮาฮา เย่ลั้วอย่าคิดว่าเราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างที่บ้านเจ้า” จางเหิง
หยางหัวเราะออกมาอย่างพอใจ กับความโชคร้ายของเพื่อน “ข้าได้
ยินมาว่าสองวันมานี้ ตระกูลของเจ้ามีผู้คนมากมายเข้าไปหา หาก
เปิดเผยความแข็งแกร่งของพวกเราออกไป ข้าเดาว่าวันที่เงียบสงบ
ของพวกเราคงจะต้องจบลง ข้าคงไม่มีเวลาที่เงียบสงบดังเดิมได้อีก!”
ชัดเจนแล้วว่าเขาไม่ได้สนใจที่จะเปิดเผยความแข็งแกร่งของตัวเอง
“จางเหิงหยาง !” เย่ลั้วไม่พอใจกับคำพูดของอีกฝ่าย เขากรอกตาใส่
และพูดขึ้นมา “พวกเจ้าไม่สงสารข้าเลยรึ?”
จางเหิงหยางยักไหล่ “เจ้าทำเองแล้วจะมาโทษข้าได้ยังไง?”
หากเย่ลั้วปฏิเสธฟางจู๋ตั้งแต่แรก ฟางจู๋ยังคิดกล้าลงมืออีกรึ?
เมื่อได้ยินแบบนั้น เย่ลั้วก็ได้แต่ยิ้มออกมาอย่างขมขื่น !
หากเขารู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เขาคงไม่มีทางตกลงสู้กับฟางจู๋แน่
แม้ว่าเขาจะชนะและมีชื่อเสียงขึ้นมา แต่ผลกระทบหลังจากนั้นก็
สร้างปัญหาให้กับชีวิตของเขาอย่างมาก หากราคาของการได้ชื่อเสียง
มานี้ ทำให้ชีวิตที่เงียบสงบของเขาหายไป เขาคงยอมทิ้งมันและไม่
อยากคิดถึงความโด่งดังอีก
“ข้ารู้สึกว่าหากมีเรื่องด่วนอะไรที่เราต้องไปจัดการ เย่ลั้วจะเป็นคน
ดูแลเรื่องนั้นเอง” อยู่ ๆ เซียวเหยียนก็ตาเป็นประกายขึ้นมาและเสนอ
ขึ้น “ตอนนี้เย่ลั้วก็โด่งดังอยู่แล้ว และจะโด่งดังยิ่งกว่านี้ ฉะนั้นเขา
เหมาะสมที่สุด!”
เย่ลั้วตะลึงไป เขารีบตะโกนออกมาทันที “ข้าขอค้าน !”
แต่ไม่มีใครสนใจคำพูดของเขา คนอื่น ๆ ต่างก็คิดตามที่เซียวเหยียน
ได้เสนอออกมา หลังจากนั้นสักพัก เซียวเหยียน อู่โม่และคนอื่น ๆ ก็
มองหน้ากันเหมือนจะได้ข้อสรุป
“ข้าเห็นด้วย”
“ข้าด้วย
“เป็นความคิดที่ดี”
อู่โม่, เซียวเหยียน, โจวซินเอ่อร์ เติ้งชิวฉาน, เหลยเจี้ยน, เซี่ยเฟิง,
หลินหมิง, จางเหิงหยางและคนอื่น ๆ ต่างก็พยักหน้าไม่คัดค้านกับ
เรื่องนี้
“ดีมาก ทุกคนต่างก็เห็นด้วย เซียวเหยียนหัวเราะออกมา “เย่ลั้ว เรื่อง
ของชั้นเรียนเรา จากนี้คงต้องรบกวนเจ้าแล้ว !”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบเจ้าสำนัก