ตอนที่ 371 กางค่ายกล
“พวกเจ้าทำแบบนี้ได้ยังไง !” เย่ลั้วเริ่มน้ำตาไหล “เรื่องแบบนี้พวก
เจ้าไม่คิดถึงข้าบ้างรึไง?”
จางเหิงหยางพอใจกับความโชคร้ายของเพื่อน “เรื่องของชั้นเรียนเรา
เราก็ควรรับผิดชอบ ทุกคนต่างก็คิดว่าเจ้าเหมาะสม เถียงไปก็ไม่มี
ประโยชน์ ยอมรับซะเถอะเย่ลั้ว”
เซียวเหยียนยิ้มและทำสีหน้าจริงจังออกมา “จางเหิงหยางเจ้าพูดแบบ
นั้นกับเย่ลั้วได้ยังไงกัน?”
“เอ่อ… “จางเหิงหยางพูดอะไรไม่ออก
เย่ลั้วมองไปที่เซียวเหยียนด้วยสีหน้าแปลกใจ และคิดว่าข้อตกลง
อาจจะเปลี่ยนไปด้วย
จากนั้นเซียวเหยียนก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง “เย่ลั้วรู้ว่าเวลาของเรานั้นน้อย
นิด และเราก็ต้องทุ่มเทไปกับการบ่มเพาะดังนั้นเขาจึงเสียสละตัวเอง
เพื่อรับคำท้าจากฟางจู่ เขายอมมีชื่อเสียงก็เพื่อเรา เจ้าไม่เข้าใจ
ความหวังดีของเย่ลั้วเลย ทำไมเจ้าถึงได้พูดกับเย่ลั้วเช่นนั้นได้?”
เซียวเหยียนมองไปที่เย่ลั้วด้วยสีหน้าจริงจัง ก่อนจะพูดขึ้นมา “เย่ลั้ว
เจ้าสบายใจได้ ไม่ว่าคนอื่นจะพูดยังไงก็ตาม แต่ข้าก็เข้าใจความหวังดี
ของเจ้า เจ้าแบกรับความกดดันเอาไว้ก็เพื่อพวกเรา เจ้าเป็นคนดีจริง ๆ
ข้าเซียวเหยียนขอชื่นชมเจ้า!”
เย่ลั้วตัวแข็งทื่อและมองไปที่เซียวเหยียน
อู่โม่, เหลยเจี้ยนและคนอื่น ๆ ต่างก็พยักหน้า และพูดชมออกมา “ใช่
เย่ลั้วเจ้าคือคนดีจริง ๆ เราขอชื่นชมเจ้า !”
แม้แต่เซี่ยเฟิงที่ปกติจะไม่ค่อยพูดอะไรออกมา ก็ยังยกนิ้วให้กับเย่ลั้ว
“ทำได้ดี !”
“ขะ ข้า… “ เย่ลั้วพูดอะไรไม่ออก ตอนนี้เขาอยากจะร้องไห้ออกมา
เซียวเหยียนตบไหล่เย่ลั้ว แล้วพูดขึ้นโดยไม่เปิดโอกาสให้เย่ลั้วได้พูด
ต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เราเข้าใจว่าเจ้าคิดยังไง เราขอบคุณ
ความหวังดีของเจ้า”
เย่ลั้วหงุดหงิดจนอยากฆ่าตัวตาย
“ขะ…ข้า” เย่ลั้วพูดขึ้นมา
แต่เขายังไม่ทันได้พูดอะไร อู่โม่ก็ขัดขึ้น “น้องเย่ สิ่งที่เจ้าต้องการจะ
บอกนั้น เราต่างก็เข้าใจ แต่เจ้าอย่าหักโหมเกินไป สิ่งที่เจ้าทุ่มทำเพื่อ
ชั้นเรียนของพวกเรา เราทุกคนจะจดจำไว้”
ทุ่มเทรี7?
เย่ลั้วหน้าแดงก่ำ เขาจะรู้สึกแบบนั้นได้ยังไง ?
เขาไม่ได้คิดแบบนั้นเลยแม้แต่น้อย!
“ข้า ข้า” เย่ลั้วกังวลมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ถึงเขาพูดไปก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงอยู่ดี
พวกนี้มันงูพิษชัด ๆ !
พวกนี้จะเปิดโอกาสให้เขาได้พูดรึ?
แม้แต่ประโยคสั้น ๆ ก็ยังทำไม่ได้ !
“เอาตามนี้ละกัน จากผลงานของเจ้า ข้าจะปรุงยาให้กับเจ้าทุกวัน คน
อื่นคิดว่ายังไง? “อู่โม่เดินไปตรงหน้าเย่ลั้วและพูดขึ้นมา ทุกคนต่างก็
จับจ้องมาที่เขา
“ข้าก็ว่าดีเช่นกัน”
“ข้าไม่เห็นแย้ง”
“น่าจะเป็นตามนั้น
แทบทุกคนต่างก็เห็นด้วย
อู่โม่หันกลับมาบอกกับเยลั่ว “น้องเย่ เจ้าควรคิดดี ๆ ว่าเจ้าต้องการยา
แบบไหน? หากต่ำกว่าขั้นที่ 3 ก็ไม่มีปัญหาอันใด ๆ”
เมื่อได้ยินแบบนั้น เย่ลั้วก็คิดอะไรไม่ออก “ยาอะไรดีงั้นรึ?”
“ไม่ต้องกังวล ค่อย ๆ คิด ไว้เจ้าคิดออกแล้วค่อยมาบอกข้าก็ได้” อู่โม่
ตบไหล่เยลั้ว ก่อนจะมองไปยังผู้คนรอบ ๆ
ตอนที่เย่ลั้วคิดอยู่นั้น ผู้คนต่างก็เริ่มออกจากห้องไปทีละคน ๆ
ตอนที่เย่ลั้วรู้สึกตัว ห้องเรียนนั้นก็ว่างเปล่า ตอนนั้นเองเขาก็แสดง
สีหน้าเคร่งเครียดออกมา “ข้าโดนหลอก !”
ตอนแรกเขาคิดว่าจะปฏิเสธยังไง แต่ด้วยข้อเสนอจากอู่โม่ มันก็ทำ
ให้เขาคิดว่าเขาต้องการยาแบบไหนแทน
คำปฏิเสธที่เขาคิดจะพูดออกมานั้น ไม่มีโอกาสได้พูดออกมาอีก
เพราะอู่โม่
ผลลัพธ์นี้มันเกิดขึ้น เพราะข้อเสนอของเซียวเหยียน
จนทุกคนออกจากห้องไปหมดแล้ว เย่ลั้วก็ยังไม่ทันได้พูดอะไรด้วยซ้ำ
“เฮ้อ !” เย่ลั้วโกรธจัดจนอยากจะกระอักเลือดออกมา
นี่คงเป็นเส้นทางที่ยาวไกลที่สุด สำหรับการบ่มเพาะของเขา!
…
การก่อสร้างเมืองใหม่ทำกันอย่างเต็มที่ แค่ 10 วัน ตึกหลักต่าง ๆ ก็
ถูกสร้างขึ้นจนเสร็จ มีแค่บางที่ที่ต้องทำการซ่อมแซมและปรับปรุง
ยกตัวอย่างเช่น กำแพงของบางตึกที่ต้องใช้เวลาในการสลักภาพและ
ตกแต่งลงไป ขยะจากการก่อสร้างถูกทิ้งไว้ในบ่อขยะ ซึ่งจะถูกขน
ออกไปนอกเมือง ตามสองฝั่งของท้องถนนต่างก็มีต้นไม้ปลูกเอาไว้
เต็มไปหมด
โดยทั่วไปแล้วเมืองทะเลทรายแห่งใหม่นี้ เสร็จสิ้นพร้อมเข้าอยู่อาศัย
ได้แล้ว
ฉินเหลียนได้สั่งการให้ชาวเมืองย้ายเข้ามายังเมืองใหม่ได้ทันที
กระบวนการย้ายเป็นไปอย่างราบรื่นไม่ได้วุ่นวายอะไร การย้ายที่อยู่
นี้กินเวลาแค่ 3 วัน ชาวเมืองดั้งเดิมรวมไปถึงคนในหมู่บ้านรอบ ๆ
ต่างก็เข้าไปพักในเมืองใหม่แห่งนี้ ตึก, ถนนและสิ่งก่อสร้างใหม่ ๆ
นี้ ทำให้ผู้คนพอใจกันอย่างมาก และเริ่มต้นชีวิตใหม่ของตัวเองด้วย
ความคึกคัก
ที่คฤหาสน์เจ้าเมือง
“เจ้าแน่ใจนะว่าทำการย้ายมาเสร็จหมดแล้ว?” ฉินเหลียนมองไปที่
กองเอกสารบนโต๊ะ และถามขึ้นมา
หลัวซงตอบกลับด้วยความเคารพ “พลเมืองที่ลงทะเบียนได้ย้ายมา
เสร็จหมดแล้ว ส่วนบนภูเขาจะมีคนนอกเหลืออยู่รึไม่ ข้าน้อยไม่
ทราบ” ภูเขาลูกนี้มีขนาดใหญ่ สามารถจุคนได้ถึงสิบล้านคน ชัดแล้ว
ว่ามันยากที่จะตรวจสอบได้ที่ละจุด ๆ แม้ว่าทหารทั้งหมดที่เพิ่งรับ
เข้ามานั้น จะถูกส่งไปตรวจสอบ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะยืนยันผลที่
แน่นอน
ฉินเหลียนเงยหน้าขึ้นมา “หากพลเมืองย้ายมาก็ถือว่าดีแล้ว สำหรับ
คนอื่น ๆ เราไม่ต้องสนใจ”
เมื่อ 3 วันก่อน เขาได้ประกาศบอกทุกคนไปว่า จากนี้ไปภูเขาจะเป็น
ของสำนักคังเฉียง หากยังอยู่บนยอดเขา ก็เท่ากับอยู่ในที่ของ
สำนักคังเฉียง หากใครกล้าทำแบบนั้นโดยไม่ได้รับอนุญาต ก็อาจจะ
ต้องแบกรับความเสี่ยงของตัวเอง
แต่ฉินเหลียนเดาว่าไม่มีใครกล้าพอที่จะทำให้สำนักคังเฉียงไม่พอใจ
ข่าวที่ว่าเย่ลั้วกับฟางจู๋สู้กันนั้นยังโด่งดังอยู่ ชื่อเสียงของเย่ลั้วทำให้
สำนักคังเฉียงยกระดับขึ้นมาอีก ตอนนี้ใครบ้างที่คิดจะหาเรื่องสำนัก
คังเฉียง ?
แม้ว่าท่านเซียนจะไม่ใส่ใจ แต่ศิษย์ของสำนักคังเฉียงก็เพียงพอที่จะ
ฆ่าพวกนั้นได้
“หลัวซง เจ้าแจ้งไปที่ผู้ช่วยสอนเฟิงซวนที่สำนักคังเฉียง บอกว่าการ
ย้ายที่อยู่ได้เสร็จสิ้นแล้ว ให้เขาเปิดใช้ค่ายกลได้” เมื่อพูดจบฉินเหลียน
ก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมา เจ้าสำนักได้มอบหมายหน้าที่ให้กับเขา ใน
ที่สุดเขาก็ทำมันสำเร็จ ต่อไปเขาก็ไม่ต้องรู้สึกกดดันจากสำนักคังเฉียง
อีก เขาสามารถทำใจให้สบายได้แล้ว
“อ่ะ? นายท่าน ท่านจะให้แจ้งผู้ช่วยสอนเฟิงซวนรึ?” หลัวซงตะโกน
ออกมา
เฟิงชวนคือหนึ่งในผู้ช่วยสอนของสำนักคังเฉียง เขาเคยเป็นหัวหน้า
สมาคมนักวางค่ายกลเขตเหนือและยังเป็นถึงปรมาจารย์วางค่ายกล 4
ดาว และที่สำคัญที่สุดคือ เขาอยู่ขอบเขตหลี่ซวนขั้นต่ำ
ระดับการบ่มเพาะของหลัวซง ทะลวงผ่านขึ้นมาถึงขอบเขตฉีซวน
ขั้นที่ 9 ได้ ด้วยความช่วยเหลือจากฉินเหลียน การให้คนแบบเขาไป
พบกับคนที่อยู่ขอบเขตหลี่ซวนขั้นต่ำ เขาจะกดดันแค่ไหนกัน
ฉินเหลียนไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “แค่ส่งต่อข้อความ ข้า
ไม่ได้ให้เจ้าไปสู้กับเขา เจ้าจะกลัวอะไร ?” เขาพูดออกมาต่อ “เฟิง
ซวนเป็นผู้ช่วยสอนของสำนักทั้งเฉียง เขาต้องทำตามกฎของ
สำนักคังเฉียง ตราบใดที่เจ้าไม่ฝ่าฝืนกฎของสำนักทั้งเฉียง เขาก็จะ
ไม่ทำอะไรเจ้า ข้ากับเฟิงซวนได้พูดคุยกันมานานแล้ว เขาได้เตรียม
ค่ายกลเอาไว้ แค่รอการเปิดใช้งาน เจ้าแค่ต้องส่งต่อข้อความให้กับ
เขา แล้วเขาจะเข้าใจเองว่าต้องทำอะไรต่อ”
“งั้นข้าจะขึ้นไปบนภูเขา” หล้วซงกัดฟันแน่น และแสดงสีหน้ามุ่งมั่น
ออกมา
ฉินเหลียนโบกมือและพูดขึ้น “ดีรีบไปรีบกลับ”
หลังจากนั้น ฉินเหลียนก็ก้มหน้าและอ่านเอกสารต่อ การย้ายที่อยู่
เสร็จสิ้นแล้ว แต่มันไม่ได้หมายความว่างานของเขาเสร็จแล้ว ในทาง
กลับกัน เขายังมีเรื่องมากมายที่ต้องไปจัดการ ไม่ว่าจะเป็นการจัด
ระเบียบผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ป่ าหวงหยวน และเปิดเส้นทางสู่ป่ าหวง
หยวน
การเริ่มต้นทุกอย่างเป็นเรื่องยาก แต่เพราะเมืองใหม่แห่งนี้เริ่มเข้าที่
เข้าทางแล้ว เขาจึงพอผ่อนคลายได้บ้าง
เมื่อเห็นว่าฉินเหลียนก้มหน้าไม่สนใจเขาอีก หลัวซงก็ได้แต่รวบรวม
ความกล้า และออกจากเมืองมุ่งหน้าขึ้นไปยังยอดเขา
ด้านนอกคฤหาสน์เจ้าเมือง ลานเปิดโล่งตอนนี้มีตึกมากมายสร้างขึ้นมา
บอกได้ว่าเมืองใหม่แห่งนี้มีขนาดใหญ่ และล้อมรอบภูเขาเอาไว้ แม้แต่
ป่ ารอบ ๆ เองก็กลายเป็นพื้นที่ของเมืองด้วย หากมังกรแดงไม่ออกแบบ
เมืองนี้ด้วยตัวเอง คนอื่นอาจจะไม่กล้าใช้เขตป่ ามาสร้างเมือง ข้อดี
ของเรื่องนี้คือ เมืองทะเลทรายแห่งใหม่ได้ถูกล้อมรอบด้วยภูเขา เมื่อ
มองลงมาจากบนยอดเขาจะเห็นทั้งเมืองได้อย่างชัดเจน
ถนนเส้นใหม่ในเมืองกว้างกว่าเดิม มันกว้างกว่าถนนของเมืองเก่าถึง
3 เท่า แม้ว่าจะมีคนเป็นล้านคนมาอยู่บนถนนเส้นนี้ แต่มันก็ไม่ได้
แออัดแต่อย่างใด
เมืองนี้ดูยิ่งใหญ่กว่าเมืองหลวงของอาณาจักรโจวเสียอีก ตึกในเมือง
นี้ยังคงว่างกว่าครึ่ง หากตึกทั้งหมดเต็มแล้ว เดาได้ว่ามันคงกลายเป็น
เมืองหลวงของเขตเหนือ ทั้งจำนวนประชากร, ระบบเศรษฐกิจ และ
ความแข็งแกร่ง มันถือว่าเป็นอันดับหนึ่งของเขตเหนือได้เลย
เมื่อคิดว่าเมืองนี้จะกลายเป็นเมืองอันดับหนึ่งของเขตเหนือได้ ฉิน
เหลียนก็ตื่นเต้นขึ้นมา เขาต้องทำมันให้สำเร็จให้ได้
อีกด้าน หลัวซงยังคงเร่งรีบขึ้นไปบนยอดเขา เพื่อเข้าพบกับเฟิงซวน
หลังจากที่ได้พบกับเฟิงชวน หลัวซงก็ตัวสั่นด้วยความกลัว หลังจาก
ที่บอกข้อความกับเฟิงซวนแล้ว เขาก็ไม่ได้อยู่ต่อ และรีบลงจากเขา
ไปทันที หลังจากที่ลงเขามาแล้ว หลัวซงถึงได้ผ่อนคลายตอนนั้นตัว
เขาชุ่มไปด้วยเหงื่อไปทั้งตัว
เฟิงชวนยังคงแสดงท่าที่สุภาพออกมาตั้งแต่ต้นจนจบ แต่มันก็ยังทำ
ให้หลัวซงกดดันจนต้องตัวสั่น และไม่กล้าจะอยู่ต่อ
หลังจากที่เรียกสติตัวเองได้ ไม่นานหลัวซงก็รีบกลับมาที่คฤหาสน์
เจ้าเมือง และรายงานกับฉินเหลียน
บ่ายวันนี้ ผู้คนของเมืองทะเลทรายนับไม่ถ้วน รวมถึงคนนอกต่างก็
พบว่าภูเขาที่แต่เดิมแล้วแออัดไปด้วยผู้คน กลับว่างเปล่าและถูกบด
บังไปด้วยหมู่เมฆ ผู้คนด้านล่างไม่อาจที่จะมองเห็นยอดเขาได้อีก
ต่อไป ราวกับว่ามีกำแพงที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ครอบคลุมยอด
เขาเอาไว้
กำแพงนี้แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก หลายคนพยายามจะทลายมันเข้าไป
แต่คนที่อยู่ต่ำกว่าขอบเขตต้นชวนก็ไม่มีใครทำได้เลย มีแค่พวก
ขอบเขตต้นชวนเท่านั้นที่พอจะทำให้เกิดรอยร้าวบนกำแพงนั่นได้
แต่กำแพงนั่นก็ซ่อมแซมตัวเองได้ในพริบตา
ในฐานะผู้ใช้ค่ายกลขั้น 4 ซึ่งเป็นคนสร้างมันขึ้นมาด้วยตัวเองแล้ว
เฟิงซวนกลับไม่พอใจ “ข้าป้องกันการโจมตีจากพวกต่ำกว่าขอบเขต
ตันซวนได้ แต่มันก็ยังไม่น่าพอใจ!” แต่นี่คือขีดจำกัดความสามารถที่
เขามี ยังไงซะค่ายกลนี้ก็ครอบคลุมไปทั่วภูเขา ผลของค่ายกลนี้อ่อนแอ
ลงกว่าแสนเท่า หากค่ายกลนี้ลดขนาดลงมาสัก100 ลี้เขาก็มั่นใจว่า
แม้แต่พวกขอบเขตหลี่ซวนขั้นต่ำ ก็ยากที่จะทลายการป้องกันของ
ค่ายกลได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบเจ้าสำนัก