ระบบเจ้าสำนัก นิยาย บท 384

ตอนที่ 384 ผู้คนนับไม่ถ้วน
เหตุการณ์ที่ผิดปกติที่เกิดขึ้นกับโลกหยุดลง ดวงจันทร์ที่ราวกับ
หลอมรวมกับโลหิตได้กลับเปลี่ยนเป็นสีขาวดังเดิม
ภายใต้แสงจันทร์นี้ จางหยูมองไปยังสุดยอดสัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิ ที่ยืน
เรียงแถวตรงหน้าเขาด้วยความพอใจและเสียดาย แค่คืนเดียวเขาก็
สามารถสร้างสุดยอดสัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิขึ้นมาได้ถึง 16 ตัว ไม่ต้อง
เดาเลยว่ามันคือผลงานชิ้นเอก แต่มันกลับขาดจิ้งจอกเวทย์ไป ซึ่งไม่
ต้องเดาเลยว่า มันทำให้ผลงานของเขาขาดความสมบูรณ์ไป
โชคร้ายที่จางหยูไม่เข้าใจว่า ทำไมเขาถึงสร้างจิ้งจอกเวทย์ขึ้นมา
ไม่ได้..
ต้องบอกว่าจิ้งจอกเวทย์นั้นพิเศษ หากเทียบกับสุดยอดสัตว์อสูร
ศักด์ิสิทธ์ิตัวอื่น ๆ ไม่ต้องเดาเลยว่า ทักษะภาพลวงตานั้นมีแค่ตัว
จิ้งจอกเวทย์ ซึ่งเป็นทักษะติดตัวตามสัญชาตญาณ หากเทียบกับผู้อื่น
ในด้านภาพลวงตาแล้ว จิ้งจอกเวทย์แข็งแกร่งกว่ามาก นอกจากนี้
จิ้งจอกเวทย์ก็ไม่ได้ต่างจากสุดยอดสัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิตัวอื่นเลย
“เพราะทักษะภาพลวงตางั้นรึ?” จางหูส่ายหน้า เขาไม่คิดว่าทักษะนี้
จะส่งผลต่อการสร้างจิ้งจอกเวทย์ขึ้นมา
ชัดแล้วว่าการที่สร้างจิ้งจอกเวทย์ขึ้นมาไม่ได้ ไม่ใช่เพราะทักษะภาพ
ลวงตา แต่เป็นเพราะเหตุผลอื่นที่จางหยูยังไม่อาจจะทราบได้
จางหยูไม่อาจจะคิดค่าตอบได้ เขาไม่อาจจะแก้ปัญหานี้ได้ ถึงแม้จะ
ล้มเหลวแต่เขาก็ยังสร้างสุดยอดสัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิขึ้นมาได้ถึง 16 ตัว
และการที่ขาดจิ้งจอกเวทย์ไปเพียงตัวเดียวนั้น ก็ไม่ได้ส่งผลอะไร
มากนัก
ท่ามกลางแสงจันทร์ จางหยูนั่งขัดสมาธิอยู่กลางท้องฟ้า โดยมีสุด
ยอดสัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ินั่งอยู่ด้านหน้า คอยดูดซับหลิงซี่ด้วยความเร็ว
อันน่าทึ่ง จนทำให้ระดับการบ่มเพาะเพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
อาณาเขตในการดูดซับหลิงซี่ของพวกนั้นซ้อนทับกัน จนทำให้
อากาศส่วนนั้นบิดเบี้ยวไป
“นี่โกงรึเปล่า ?” จางหยูอดคิดไม่ได้ ตอนที่เหล่าสัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิ
บ่มเพาะขึ้นมาถึงขอบเขตว่อซวน
ด้วยการอัดแน่นหลิงซี่ในอาณาเขต ทำให้ความเร็วในการยกระดับ
ขึ้นมาของสัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิทั้ง 16 ตัว เร็วกว่าการบ่มเพาะทั่วไป
กว่าร้อยเท่า
จางหยูเดาว่า แม้แต่เฉินกูที่บ่มเพาะเป็นเวลา 1 ปี ก็อาจจะบ่มเพาะได้
ไม่เร็วเท่า 1 ใน 10 ของเหล่าสัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิของเขา
พรสวรรค์อันเป็นเอกลักษณ์ของสัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิ และหลิงซี่ไม่รู้
จบ การรวมกันของทั้งสองอย่างนี้ ทำให้เกิดการบ่มเพาะที่รวดเร็ว
จนไม่อาจจะคาดเดาได้ นอกจากนี้ยังมีจางหยูที่คอยช่วย ดูจากทั้ง
ทวีปป่ าแล้วไม่มีใครที่ทำแบบนี้ได้ !
เมื่อท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้น พระอาทิตย์ก็เริ่มขึ้นจากขอบฟ้าอย่างช้า ๆ
ส่วนสัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิทั้ง 16 ตัวก็ได้ขึ้นไปถึงขอบเขตตันชวนขั้น
ต่ำได้ !
ร่างเทียมของสัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิขึ้นไปถึงขอบเขตตันชวนขั้นต่ำ !
แม้ว่าการยกระดับการบ่มเพาะของเหล่าสัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิจะไม่เร็ว
เท่ากับร่างเจ้าสำนักและเท่าเทียนจีที่บ่มเพาะทักษะจี๋อู่ แต่พรสวรรค์
ที่เป็นเอกลักษณ์ของพวกนี้ ก็ใช่ว่าตัวเจ้าสำนักและเฒ่าเทียนจีจะมี
ได้ บางทีมันอาจจะมีประโยชน์ในภายหลัง
“พวกเจ้าบ่มเพาะต่อ ข้ามีเรื่องอื่นต้องไปจัดการ !” จางหยูดึงอาณาเขต
ของตัวเองกลับ และบอกกับเหล่าสัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิ
“ได้ ร่างจริง !” กลุ่มสัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิไม่ได้ขัดคำสั่งของจางหยู
จางหยูเผยรอยยิ้มออกมา ก่อนที่ร่างของเขาจะหายไปจากสายตาของ
เหล่าสัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิ
ที่บ้านพักในสำนัก
ร่างของจางหยูได้ปรากฏตัวขึ้นในห้องนอนอีกครั้ง อ้าวเสี่ยวหร่าน
ยังคงหลับอยู่ เสี่ยวเฉียงเหมือนจะได้กลิ่นของจางหยู มันรีบวิ่งเข้ามา
ในห้องนอนและส่ายหางตรงหน้าจางหยู
ตอนนั้นที่บ้านมีแขกหลายคนมารอพบที่ด้านนอก แค่มองออกไป
เพียงแวบเดียว เขาก็รู้ว่ามีโอวเสินเฟิง, อู่ฉิงฉวน, หลินจื้อเป่ ย โหว
เทียนหมางและคนอื่น ๆ มารอเขา นอกจากนี้ก็ยังมีเซียวเหยียน, โจว
ซินเอ่อร์, อู่เฉิน, อู่โม่, อู่ซินซิน, เติ้งชิวฉาน และคนอื่น ๆ มายืนรอ
เขาด้วย ท้ายสุดก็มีซู่เหยียนที่เป็นเพื่อนกับอู่ฉิงฉวนยืนรออยู่
“ท่านพี่” ตอนที่จางหยูมองออกไปที่ประตู อ้าวเสี่ยวหร่านก็ตื่น
ขึ้นมาพอดี
นางใช้หางของนางขยี้ตาและมองมาที่จางหยู
จางหยูยิ้มออกมา “ไปหาอะไรกินกันก่อน”
แม้ว่าจะมีคนมากมายมารอพบเขา แต่เขาก็ไม่ได้กำหนดเวลาสำหรับ
การเปิดสอน หากเขาต้องการจะสอนตอนไหนมันก็ขึ้นอยู่กับเขาเอง
ในความเห็นของเขาแล้ว การเปิดสอนสำคัญน้อยกว่าปากท้องของ
ตัวเอง หากผู้อื่นรอไม่ได้ เขาก็ไม่สนใจ เพราะยังไงก็มีคนมากมายที่
รอฟังอยู่
ตอนที่ได้ยินเสียงอันนุ่มนวลของจางหยู อ้าวเสี่ยวหร่านก็ดูดีใจ
ขึ้นมา
ฟิ้ว
อ้าวเสี่ยวหร่านบินออกมาราวกับเคลื่อนย้าย ไปเกาะที่ไหล่จางหยู
จางหยูไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
“ขนมสินะ!”
จางหยูยิ้มและพาอ้าวเสี่ยวหร่านกับเสี่ยวเฉียงลงมาที่ชั้นล่างจากนั้น
พวกเขาก็เดินออกมาจากบ้านอย่างช้า ๆ
“เจ้าสำนัก !” เมื่อทุกคนเห็นร่างของจางหยู ทุกคนต่างก็โค้งตัวและ
ตะโกนออกมาเป็นเสียงเดียวกัน
จางหยูพยักหน้าตอบรับเล็กน้อย “กินข้าวเช้ากันก่อน การเปิดสอน
นั้นไม่ได้ล่าช้าหรอกหากเรากินข้าวเช้า”
ที่สำนักคังเฉียง ฐานะของจางหยูนั้นสูงที่สุด อำนาจของเขาไม่มีใคร
เทียบได้ และการตัดสินใจของเขาถือว่าเป็นเด็ดขาด เมื่อได้ตัดสินใจ
อะไรลงไปแล้ว ทุกคนต้องทำตาม ต่อให้มันจะผิด ก็ไม่มีใครกล้า
คัดค้าน
หลังจากที่กินมื้อเช้าที่โรงอาหารเสร็จ ทุกคนก็ค่อย ๆ เดินออกมา
จากโรงอาหาร
ไม่คาดคิดว่าจางหยูไม่ได้ลงมาจากเขา แต่เขากลับเดินกลับไปที่
บ้านพักของตนแทน
“เจ้าสำนัก นี่…” โอวเสินเฟิงเกาหัวและถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
“ท่านลืมเรื่องการเปิดสอนรึ?”
อู่ฉิงฉวนและคนอื่น ๆ ต่างก็มองไปที่จางหยูด้วยความสงสัย
ซูเหยียนเพิ่งเข้าร่วมได้ไม่นาน และไม่ได้รู้จักจางหยูมากนัก ดังนั้น
จึงไม่ได้แสดงสีหน้าแปลกใจออกมา
“ข้าไม่ได้ลืมเรื่องสำคัญเช่นนั้นหรอก” จางหยูยิ้มออกมา
“แล้วท่านทำอะไรกัน?” โอวเสินเฟิงตกใจ
“ก็เปิดสอนนะสิ” จางหยูหัวเราะออกมา เขาตบไหล่โอวเสินเฟิงและ
พูดขึ้น “ตราบใดที่คนด้านล่างเขาได้ยินเสียงข้า มันก็ไม่จำเป็นที่ข้า
ต้องลงไปด้านล่าง ยังไงซะพวกเขาก็ต้องฟังตอนที่ข้าพูด มันไม่สำคัญ
หรอกว่าจะเห็นข้ารึไม่”
เมื่อได้ยินแบบนั้นทุกคนต่างก็พูดอะไรไม่ออก
จางหยูดึงมือกลับมาและพูดขึ้น “เอาล่ะ พวกเจ้ากลับไปเถอะ ไม่ต้อง
อยู่ต่อ”
ทุกคนต่างก็มองหน้ากัน สุดท้ายก็ทำตามคำสั่งของจางหยูและแยก
ย้ายกันกลับ มีแค่อู่ซินซินที่อยู่เล่นกับอ้าวเสี่ยวหร่านและเสี่ยวเฉียง
เมื่อทุกคนกลับไป จางหยูก็ได้กลับไปในบ้านโดยไม่ลังเล เขาเดินไป
ที่เก้าอี้หินในสวนและนอนลงไป
เขาไม่ได้รีบพูดอะไรออกมา แต่กลับปล่อยการรับรู้ออกไปตรวจสอบ
สถานการณ์ด้านล่างเขา
ที่ตีนเขานั้นทั้งเมืองทะเลทราย และอาณาเขตโดยรอบต่างก็ปรากฏ
ขึ้นในหัวของจางหยูในพริบตา
“คนเยอะจริง ๆ” จางหยูเลิกคิ้วและแปลกใจนิด ๆ “น่าสนใจขึ้นมา
บ้าง”
จางหยูจำได้ว่า เมื่อวานคนในเมืองไม่ได้เยอะแบบนี้ แต่แค่คืนเดียว
จำนวนคนในเมืองกลับเพิ่มขึ้นมากว่าสิบเท่า เมืองทะเลทรายที่กว้าง
ใหญ่ กลับมีผู้คนมากมาย โดยเฉพาะที่ตีนเขาที่แทบจะไม่มีที่ว่างเลย
ผู้บ่มเพาะบางคนที่ไม่มีเงินและไม่มีสิทธิเข้าอยู่ในเมือง ได้ไปรวมตัว
กันที่ด้านนอกกำแพง แออัดราวกับฝูงมด หากมองไกลออกไปอีกก็
จะพบแต่จุดสีดำครอบคลุมไปทั่วผืนดินแผ่ไปไกลถึง 10 กม.
เมื่อตรวจสอบดู จางหยูก็พบว่าคนของอาณาจักรโจวเป็นแค่ส่วน
หนึ่งของคนเหล่านี้ มันยังมีคนจากประเทศโดยรอบมาด้วย
ในอีกความหมายคือการเปิดสอนครั้งนี้ ผู้ฟังส่วนมากไม่ใช่คนของ
อาณาจักรโจว
อำนาจของจางหยูแผ่ไปถึงประเทศอื่น ๆ โดยไม่รู้ตัว ในเขตเหนือมี
แค่ไม่กี่ที่ที่ห่างไกลเท่านั้นที่ยังไม่รู้จักจางหยู และการเปิดสอนครั้งที่
สามนี้ จำนวนคนก็เพิ่มขึ้นมาหลายเท่าตัว หากเทียบกับการเปิดสอน
สองครั้งที่ผ่านมา ครั้งนี้แทบจะเป็น 1 ใน 10 ของจำนวนผู้บ่มเพาะ
ในเขตเหนือ
ถูกต้อง จำนวนคนที่ตีนเขาในตอนนี้ แทบจะเท่ากับจำนวนผู้บ่มพาะ
ของเขตเหนือกว่า 1 ใน 10 !
ผู้บ่มเพาะในเขตเหนือมีกี่คนกัน ?
100 ล้าน ? 1 พันล้าน ?
จำนวนผู้บ่มเพาะของเขตเหนืออาจจะมีมาก มันอาจจะเป็นตัวเลขที่
สูงแต่ไม่มีทางเกิน 1 หมื่นล้านคนได้ยังไงซะจำนวนผู้บ่มเพาะในแต่
ละประเทศก็มีจำกัด จากจำนวนคนทั่วไป มีจำนวนผู้บ่มเพาะประมาณ
1 ใน 1,000 ได้ หากมีคนในเขตเหนือล้านล้านคน งั้นจำนวนของผู้
บ่มเพาะก็มีอย่างมาก 1 พันล้านคน
และมีผู้บ่มเพาะกี่คนกันที่มารวมตัวกันที่นอกเมือง และภายในเมือง
ทะเลทรายในตอนนี้ ?
100 ล้านคน !
การรับรู้ของจางหยูกวาดออกไป และเขาก็ค่อนข้างมั่นใจว่าการเปิด
สอนครั้งที่สามนี้ มีจำนวนคนเข้าร่วมเกินกว่า 100 ล้านคน ส่วนมาก
เป็นผู้บ่มเพาะที่มีระดับการบ่มเพาะสูงในระดับหนึ่ง และบางคนอยู่
ขอบเขตตันชวน บางคนถึงกับอยู่ขอบเขตหลิงซวน !
บอกได้ว่าทั้งเขตเหนือนี้ ผู้บ่มเพาะกว่า 1 ใน 10 ได้มารวมตัวกันที่
ด้านนอก และด้านในเมืองทะเลทราย !
ตอนนี้เมืองทะเลทรายได้กลายเป็นศูนย์กลางของเขตเหนือและสำนัก
คังเฉียงก็กลายเป็นสถานที่ศักด์ิสิทธ์ิของเขตเหนือไปแล้ว!
“คาดไม่ถึงจริง ๆ !” จางหยูอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นตามไปด้วย
การเปิดสอนครั้งแรกมีคนเข้าฟังประมาณแสนคน การเปิดสอนครั้ง
ที่สองมีคนเข้าฟังเกือบ 10 ล้านคน ในการเปิดสอนครั้งที่สามนี้กลับ
มีคนมากกว่า 100 ล้านคน หากดูจากตัวเลขแล้ว นี่คือจำนวนคน
เท่ากับคนในเมือง 10-20 เมือง !
แค่เพียงสามเดือน การเปิดสอนที่จางหยูไม่ได้ให้ค่า กลับเป็นงานที่ดู
ตระการตาที่สุดในรอบหลายหมื่นปีของเขตเหนือ การเปลี่ยนแปลง
ครั้งใหญ่แบบนี้ แม้แต่จางหยูที่เป็นคนริเริ่มก็ยังคาดไม่ถึง
มันคู่ควรที่จะบอกว่า ผู้บ่มเพาะที่มาฟังการเปิดสอนนี้มีจำนวนนับ
ไม่ถ้วน ตั้งแต่ต้นจนจบไม่มีใครสร้างปัญหาใด ๆ ขึ้นมา ทุกคน
เหมือนกับคนรักสงบ ตอนนี้พวกเขาดูเชื่อฟังราวกับกระต่าย พวก
เขามองมายังภูเขาที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองทะเลทรายด้วยความคาดหวัง
และเคารพ
“พวกนี้มาเพราะทะเลหลิงซีรึ?” จางหยูคิดเล็กน้อยและพอเดาเหตุผล
ได้
เขาไม่คิดว่าการเปิดสอนของเขา จะน่าสนใจถึงเพียงนี้ เขาทำให้ผู้บ่ม
เพาะนับไม่ถ้วนแห่กันมาที่นี่ได้ เพื่อฟังการสอนที่ไม่รู้ว่าจะส่งผลดี
ต่อตนเองหรือไม่ หากทำให้พวกนี้ทะลวงผ่านไปได้ มันก็จะเกิดทะเล
หลิงซี่ที่ทำให้พวกเขายกระดับการบ่มเพาะขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“แต่มันก็เป็นเรื่องดี คนเยอะแบบนี้ภารกิจก็จะสำเร็จสักที”
จางหยูอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เขาอยากได้รางวัลอย่างการ
ควบคุมมิติมานานแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบเจ้าสำนัก