ระบบเจ้าสำนัก นิยาย บท 398

ตอนที่ 398 ตามหาตัว
เมื่อนึกถึงตัวตนของอ้าวอู่เหยียน คังชือหลินก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึก
กระอักกระอ่วนขึ้นมา
พวกระดับสูงสุดของเผ่ามังกร ถึงจะเป็นเผ่ามังกรก็ตาม แต่จำนวนที่
มีก็น่าจะนับนิ้วได้ ฐานะของอ้าวอู่เหยียนนั้นเขากลัวว่าอาจจะเป็น
หนึ่งในพวกระดับสูงสุด ในหมู่ไม่กี่คนในเผ่ามังกร
“ชายคนนี้แม้ว่าจะไม่ใช่ราชามังกร แต่ก็ต้องเป็นคนที่มีฐานะสูงส่ง
ในเผ่ามังกร” คังชือหลินเริ่มลนลาน
อ้าวอู่เหยียนยิ้มออกมา “เจ้าก็ไม่ได้โง่นี้ ข้ามาจากเผ่ามังกรจริง ๆ !”
เขาไม่ได้เปิดเผยฐานะองค์รัชทายาทของตัวเอง เพราะเรื่องแบบนั้น
มันน่าเบื่อ หากทุกคนรู้ว่าเขาคือองค์รัชทายาทของเผ่ามังกรใครกันที่
จะกล้ามาหาเรื่องเขา ? การหาเรื่ององค์รัชทายาทก็เท่ากับการหาเรื่อง
ทั้งเผ่ามังกร นี่ไม่ต้องพูดถึงราชามังกรที่น่ากลัวซึ่งอยู่ขอบเขตตุ้นซวน
เลย แค่พวกระดับสูงคนอื่น ๆ ก็สามารถทำลายได้ทั้งเผ่ามนุษย์และ
สัตว์อสูรได้แล้ว!
ไม่ต้องเดาเลยว่า เผ่ามังกรมีพลังมากพอที่จะทำลายเผ่ามนุษย์และ
สัตว์อสูรได้ !
อ้าวอู่เหยียนนั้นมีเกียรติ เขาจะใช้ฐานะของตัวเอง เพื่อทำให้อีกฝ่าย
หวั่นเกรงได้ยังไง ?
เขาต้องการบดขยี้มนุษย์และสัตว์อสูร ด้วยความแข็งแกร่งของตัวเอง
แทนที่จะต้องมาข่มขู่อีกฝ่ายด้วยฐานะองค์รัชทายาทของเขา!
“ข้าได้ยินมาว่า มนุษย์มีตำนานเรื่องนักฆ่ามังกร ดูเหมือนว่าการที่ฆ่า
พวกระดับสูงสุดของเผ่ามังกรได้ จะถือได้ว่าเป็นวีรบุรุษในตำนาน”
อ้าวอู่เหยียนยิ้มออกมา “ข้ามาถึงที่นี่แล้ว เอายังไง ? เจ้าสนใจจะลอง
ดูหรือไม่ ?”
อ้าวอู่เหยียนไม่ได้โกหก ในทวีปป่ าแห่งนี้ เผ่ามังกรคือสิ่งมีชีวิตที่
แข็งแกร่งในตำนาน คนนับไม่ถ้วนต่างก็ฝันที่จะได้เอาชนะมังกร นี่
ไม่ต้องพูดถึงมังกรสมมุติเทพเลย การที่จะได้เป็นวีรบุรุษนั้นเพียง
พอที่จะทำให้หลายคนอยากจะลอง
โดยประวัติศาสตร์แล้ว มันมีพวกระดับสูงสุดของมนุษย์หลายคน ที่
สามารถสังหารมังกรธรรมดาได้ ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังกลายเป็น
วีรบุรุษของมนุษย์ ชื่อของพวกเขายังถูกจดจำบนทวีปนี้มาหลายปี
แน่นอนว่า พวกเขาสังหารได้แต่มังกรธรรมดาทั่วไป มังกรที่แข็งแกร่ง
ที่สุดที่พวกนั้นฆ่าไปเป็นแค่มังกรทอง สำหรับราชามังกรที่ร้ายกาจ
นั้น ตั้งแต่โบราณมาแล้วก็ยังไม่มีใครกล้าที่จะไปหาเรื่องเขา…
“นายท่านช่างมีอารมณ์ขันยิ่งนัก สิ่งที่เรียกว่านักฆ่ามังกรคือพวกที่
ฆ่ามังกรทั่วไป จริง ๆ แล้วมนุษย์เคารพเผ่ามังกรอย่างมาก” สีหน้า
ของคังชือหลินดูกังวล เขาได้พูดขึ้นมา “นายท่านคงเข้าใจมนุษย์ผิด
ไป”
อ้าวอู่เหยียนไม่ได้มีความบาดหมางอะไรกับเขา ใครกันที่จะกล้าลง
มือ ?
นี่ไม่ต้องพูดถึงการที่เอาชนะไม่ได้เลย แม้ว่าจะถูกท้าทายแต่ก็ไม่มี
ใครกล้าโจมตีอ้าวอู่เหยียน ไม่งั้นแล้วก็เท่ากับเป็นการทำให้เผ่ามังกร
โกรธ ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องที่คนทั่วไปจะรับผลลัพธ์ได้ไหว !
เมื่อเห็นสีหน้าหวาดกลัวของคังชือหลิน อ้าวอู่เหยียนก็รู้สึกว่าเขาคง
หมดโอกาสที่จะทดสอบค่ายกลที่นี่ นอกซะจากว่า เขาจะทำการฆ่า
ทุกคนในสมาคมแห่งนี้ !
แต่เขาไม่อาจจะทำแบบนั้นได้ เพราะเขาตกลงกับราชามังกรเอาไว้
แล้วว่า จะไม่ลงมือกับมนุษย์โดยไม่มีเหตุผล ไม่งั้นแล้วเขาจะต้อง
พบกับบทลงโทษหนักเมื่อกลับไป
เขารู้จักพ่อตัวเองดี โทษหนักที่ว่าต้องหนักหนาจริง ๆ !
“ได้ เจ้าคงรู้ฐานะของข้าแล้ว บอกข้ามาว่าเซียนค่ายกลไปที่ไหน ?”
อ้าวอู่เหยียนพูดขึ้นด้วยท่าทีเฉยเมย
คังชือหลินตกใจและตะโกนออกมาในใจด้วยความขมขื่น เขาไม่คิด
ว่าอ้าวอู่เหยียนจะยังจำเรื่องนี้ได้ แต่ต่อหน้าองค์รัชทายาทมังกรแล้ว
เขาไม่กล้าที่จะปฏิเสธ
หลังจากที่เงียบได้สักพัก ตั้งชื่อหลินก็สารภาพออกมา “นายท่าน
เซียนค่ายกลได้ออกจากสมาคมไปเมื่อไม่กี่วันก่อน เขาเดินทางไป
ทางเหนือเพื่อตามหาตำแหน่งของสุดยอดสัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิ ตอนนี้
ข้ายังไม่รู้แน่ชัดว่าเขาอยู่ที่ไหน เซียนค่ายกลน่าจะอยู่ทางเหนือของ
เขตกลาง…”
พื้นที่ของเขตกลางมีขนาดใหญ่ ที่ทางเหนือก็มีพื้นที่หลายสิบล้าน
ตารางกิโลเมตรแล้ว แม้ว่าอ้าวอู่เหยียนจะบินตรงไปทางเหนือแต่เขา
ก็อาจจะไม่พบกับเซียนค่ายกล ยังไงซะด้วยพื้นที่ขนาดใหญ่แบบนี้
แล้ว แม้ว่าจะบินตรงเป็นเส้นตรงแต่ก็ต้องเกิดการเบี่ยงเบนออกนอก
เส้นทาง ซึ่งนั่นจะทำให้ห่างจากเป้าหมายไปหลายล้านกิโลเมตร
แน่นอนอ้าวอู่เหยียนเป็นพวกระดับสูงสุด และระยะการรับรู้ก็กว้าง
อย่างมาก หากมีความอดทนมากพอ มันก็ไม่ยากที่เขาจะหาตัวเซียน
ค่ายกลพบ
“ทางเหนือ ?” อ้าวอู่เหยียนพยักหน้าตอบรับ เขาไม่ได้ต้องการข้อมูล
อะไรมากนักจากตั้งชื่อหลิน เขาแค่ต้องการเบาะแส ซึ่งจะเป็นการ
ช่วยประหยัดเวลาของเขาไปมาก
เขามองไปที่คังชือหลิน และพูดด้วยท่าทีเฉยเมยดังเดิม “ข้าหวังว่า
เจ้าจะไม่โกหก ไม่งั้นแล้วข้าจะกลับมาที่นี่อีก หากพบว่าเจ้าโกหก
ข้าสัญญาว่าจุดจบของเจ้าคงน่าอนาถอย่างมากและไม่มีใครช่วยเจ้า
ได้ !”
คังชือหลินได้ยินแบบนั้นก็เหงื่อตก เขารีบตอบกลับด้วยความเคารพ
“แน่นอนว่าไม่ ข้าไม่กล้าที่จะหลอกลวงนายท่านเลยแม้แต่น้อย !”
“ให้จริงเถอะ ! “ อ้าวอู่เหยียนตอบกลับ ก่อนจะเกิดการผันผวนของ
มิติขึ้น แล้วร่างของเขาก็หายไปจากที่นั่นทันที จนตอนที่อ้าวอู่เห
ยียนออกไปแล้ว คังชือหลินถึงได้ทรุดลงไปกับพื้น ราวกับตัวเขาไม่
มีกระดูก เขาอ้าปากค้าง ชุดที่ดูสง่าของเขาตอนนี้ชุ่มไปด้วยเหงื่อ
เขาใช้เวลาสักพักกว่าจะรวบรวมเรี่ยวแรงเพื่อลุกขึ้นยืน เขาเหมือน
แมลงวันที่ไร้หัวเดินไปมารอบห้องโถง “สุดยอดสัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิ
เกิดมาก็ทำให้โลกนี้วุ่นวายมากแล้ว ตอนนี้ยังมีเผ่ามังกรเข้ามาเกี่ยว
ด้วย สถานการณ์มันยิ่งวุ่นวายกว่าเดิม เราควรทำยังไงกันต่อดี ?
สมาคมค่ายกลของเราต้องเดินไปในทิศทางไหน ?”
เขายังไม่รู้ว่า อ้าวอู่เหยียนคือองค์รัชทายาทของเผ่ามังกร ไม่งั้นแล้ว
เขาคงไม่อาจจะทำใจให้เย็นอยู่ได้
สูงขึ้นไปกว่าหมื่นลี้
อ้าวอู่เหยียนไม่ได้หยุดและมุ่งหน้าไปทางเหนือราวกับดาวตกระหว่าง
ทางเขาได้แผ่การรับรู้ออกไปตรวจสอบสถานการณ์ด้านล่างแม้ว่า
การแผ่การรับรู้ไปนี้จะใช้พลังจิตไปอย่างมาก แม้ว่าเขาจะเป็นพวก
ระดับสูงสุดแต่ก็ไม่อาจจะใช้มันได้นานนัก แต่เพื่อตามหาตัวเซียน
ค่ายกล เขาจึงไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย
ตราบใดที่หาตัวเซียนค่ายกลเจอ ทุกอย่างก็คุ้มค่า !
“มีพวกขอบเขตตุ้นซวนหลายคน” อ้าวอู่เหยียนพบว่าพวกยอดฝีมือ
ขอบเขตตุ้นซวนของมนุษย์นั้นมีค่อนข้างมาก มันอาจจะมากกว่าที่
เผ่ามังกรมีด้วยซ้ำ แต่พวกที่ก้าวไปยังระดับสูงสุดได้ในหมู่มนุษย์ก็มี
แค่ 4 คน ซึ่งน้อยกว่าที่เผ่ามังกรมี
แน่นอนถึงแม้ว่าพวกระดับสูงสุดของมนุษย์จะมีมากกว่า แต่มนุษย์ก็
ไม่อาจจะเป็นคู่มือของเผ่ามังกรได้ ยังไงซะมังกรก็เป็นสัตว์อสูร
ศักด์ิสิทธ์ิ แม้แต่มังกรที่อ่อนแอที่สุด ก็ยังมีฐานะเทียบเท่ากับสุดยอด
สัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิ หากอยู่ในระดับเดียวกันความแข็งแกร่งของเผ่า
มังกรจะแข็งแกร่งกว่ามนุษย์หลายเท่าตัว มีแค่อัจฉริยะอย่างเป้ยหลง
เท่านั้น ที่พอทัดเทียมกับเผ่ามังกรได้
คนแบบเป้ยหลงนั้นหายาก หลายหมื่นปีถึงจะโผล่มาสักคน
“อ่อนแอเกินไป” อ้าวอู่เหยียนส่ายหน้า พลังที่พวกขอบเขตตุ้นซวน
แผ่ออกมา สำหรับเขาแล้วมันอ่อนแอเกินไป นี่ไม่ต้องพูดถึงการที่
ตอนนี้เขาขึ้นไปถึงจุดสูงสุดแล้ว แม้ว่าเขาจะอยู่แค่ขอบเขตตุ้นซวน
ขั้นต่ำ แต่ก็ทัดเทียมได้กับพวกมนุษย์ที่อยู่ขอบเขตตุ้นซวนขั้นสูง
พลังในการต่อสู้ของมังกรที่แท้จริงนั้น ได้รับการพิสูจน์มาแล้วนับ
ครั้งไม่ถ้วน!
ไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ มังกรสมมุติเทพน่ากลัวขึ้นกว่าเดิม หลังจากที่
ได้รับการสืบทอด สุดยอดสัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิที่อยู่ระดับเดียวกับ
มังกรสมมุติเทพ ก็ยังไม่อาจจะเป็นคู่มือของมังกรสมมุติเทพได้
บางทีคงมีแค่หมาป่าละโมบ, สัตว์อสูรกลืนสวรรค์ และจิ้งจอกเวทย์
ที่อยู่ระดับสูงในหมู่สุดยอดสัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิเท่านั้น ถึงจะเทียบกับ
มังกรสมมุติเทพตอนนี้ได้
ท้องฟ้าเปลี่ยนสี สลับดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ เวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ
ในเสี้ยวพริบตาก็ผ่านไปถึงสองคืนแล้ว อ้าวอู่เหยียนได้บินออกมา
หลายแสนกิโลเมตร ตอนนี้จิตใจของเขาเหนื่อยล้าเพราะการใช้การ
รับรู้มานาน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังหาตัวเขียนค่ายกลไม่พบ
“เจ้านั่นไม่น่าโกหกขาไม่ใช่รึไง?” อ้าวอู่เหยียนคิ้วขมวดแต่ก็อด
สงสัยไม่ได้ เขาค้นหาทั่วทุกที่แล้ว หากเซียนค่ายกลมุ่งหน้าไปทาง
เหนือจริง ๆ ตอนนี้เขาก็น่าจะพบอีกฝ่ายแล้ว แต่ตอนนี้เขากลับไม่
เห็นแม้แต่เงาของเซียนค่ายกลเลย
อ้าวอู่เหยียนแสดงสีหน้าเย็นซาออกมา “หากเขาโกหกข้าจริง ๆ อย่า
โทษว่าข้าไม่ทำตามที่ได้ตกลงกับท่านพ่อเอาไว้ !”
หากหาตัวเซียนค่ายกลไม่พบในทางเหนือของเขตกลาง เขาก็จะกลับไป
ที่สมาคมค่ายกลอีก ซึ่งนั่นถือว่าเป็นจุดจบสำหรับสมาคมค่ายกล!
ในตอนเช้า อ้าวอู่เหยียนก็ได้พบกับยอดเขาที่เต็มไปด้วยหลิงซี่ ซึ่งยาก
ที่จะหาได้ อ้าวอู่เหยียนนั่งขัดสมาธิหันหน้าไปยังทางที่พระอาทิตย์
กำลังจะขึ้น เขาหลับตาลงและทำการพักผ่อน พลังที่หายไปค่อย ๆ
ฟื้นฟูกลับมาช้า ๆ แสงที่สาดมายังผมและใบหน้าของเขา ทำให้เขาดู
สูงส่งยิ่งกว่าเดิม
หากพลังจิตนั้นมีไม่มากพอ เขาก็ไม่รังเกียจที่จะพักฟื้นอีกสัก 2-3 วัน
การใช้การรับรู้นานแบบนี้ใช้พลังจิตอย่างมาก แม้ว่าเขาจะขึ้นมาถึง
ระดับสูงสุดแล้ว แต่ก็ไม่อาจจะใช้การรับรู้ได้นานนัก เขาต้องหยุด
และลงมาเพื่อพักฟื้น
ที่ยอดเขาไร้ชื่อ อ้าวอู่เหยียนนั่งนิ่งราวกับก้อนหิน ตลอดทั้งวันไม่ขยับ
เลยแม้แต่น้อย ภูเขาแห่งนี้สูงชันจนไม่มีใครอื่นนอกจากอ้าวอู่เหยียน
อ้าวอู่เหยียนไม่ได้พูดอะไรก็เป็นธรรมดาที่ที่นี่จะไม่มีเสียงอื่นอีก
ดังนั้นจึงทำให้ภูเขาแห่งนี้เงียบสงบอย่างมาก
แต่ความเงียบนี้คงอยู่ไม่ได้นานนัก ผ่านไปแค่วันเดียวก็มีเสียงหนึ่ง
ดังขึ้นมา “ราชาสัตว์อสูร !”
ภูเขาสั่นไหวตั้งแต่ยอดเขาจนถึงตีนเขา ภูเขาทั้งลูกเริ่มถล่มลงมา ฝุ่น
และหินนับไม่ถ้วนกระจายครอบคลุมไปทั่วภูเขา การถล่มของภูเขา
นี้เหมือนกับจุดจบของภูเขาลูกนี้ เสียงสัตว์อสูรและนกต่างก็ร้อง
ออกมาด้วยความกลัว
อ้าวอู่เหยียนตื่นขึ้นและเคลื่อนย้ายหนีออกไปกว่าสิบกิโลเมตร สี
หน้าของเขาบิดเบี้ยวไปเล็กน้อย
แต่ไม่นานสีหน้าของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความแปลกใจแทน “บรรยากาศ
แบบนี้…พวกระดับสูงสุด !”
เขามองไปทางที่พลังแผ่ออกมา ในพริบตาเขาก็เห็นสองร่างที่อยู่ห่าง
ไปหลายสิบกิโลเมตร คนหนึ่งแผ่พลังของมนุษย์ออกมา อีกคนหนึ่ง
แผ่ปราณของสัตว์อสูรซึ่งเป็นปราณที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งสอง
เผชิญหน้ากันราวกับว่ากำลังจะต่อสู้กัน
“ราชาสัตว์อสูร ?” สีหน้าของอ้าวอู่เหยียนเปลี่ยนไป ไม่ต้องสงสัย
เลยว่าชายหนุ่มที่แผ่ปราณสัตว์อสูรออกมานั้น คือราชาสัตว์อสูรและ
มนุษย์นั่นก็คงเป็นคนที่อ้าวอู่เหยียนตามหามานาน “ข้าตามหาเจ้ามา
นาน แต่เจ้ากลับไปยุ่งกับคนอื่นก่อนงั้นรึ?”
เป้าหมายของเขาประมือกับเซียนค่ายกล แต่ตอนนี้เซียนค่ายกลกลับ
กำลังจะสู้กับราชาสัตว์อสูร มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้ยังไง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบเจ้าสำนัก