ตอนที่ 400 ราชินี
“ช้าก่อน เจ้าหมายความว่ายังไง !” สีหน้าของเซียนค่ายกลเปลี่ยนไป
และตะโกนถามขึ้นมา “เจ้าหาพวกนั้นเจอแล้วรึ ?”
“ฮาฮา…เจ้าลองเดาดูสิ !” เสียงหัวเราะของเฉินกูนี้เหมือนจะดังก้อง
ไปทั่วทั้งโลก
เขาเข้าใจความแข็งแกร่งที่ตัวเองมี พูดกันตามตรง พวกระดับสูงสุด
ของเผ่ามนุษย์ทั้งสี่นั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา แต่ทุกครั้งที่เขาเผชิญหน้า
กับพวกระดับสูงสุดของเผ่ามนุษย์ทั้งสี่คนนั่น เขาก็ไม่กล้าที่จะลงมือ
ท้าทายพวกมัน เรื่องนี้จะไม่ให้เขารู้สึกอึดอัดใจได้อย่างไร
แต่ตอนนี้ด้วยการที่มีจางหยูอยู่ด้วย ในที่สุดเขาก็เลิกกังวลภัยจากทั้ง
สี่คนนั่นได้ !
เขารู้สึกดีกับการได้มาเป็นตัวแทนส่งข้อความให้กับจางหยู
“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ ! มันผ่านมากี่วันกัน ? สัตว์อสูรพบพวก
สุดยอดสัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิเร็วแบบนี้ได้ยังไง !”
เซียนค่ายกลไม่อาจจะยอมรับความจริงข้อนี้ได้ มนุษย์กับสัตว์อสูร
ลงมือแทบจะพร้อมกัน แต่ทำไมพวกสัตว์อสูรถึงได้หาตัวสุดยอด
สัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิได้เร็วกว่า ?
บางสิ่งมันยากที่จะเชื่อได้ แต่คำพูดของเฉินกูก็ทำให้เขาสงสัยว่าพวก
สัตว์อสูรนั้นหาตัวพวกสุดยอดสัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิเจอจริง ๆ หรือเปล่า
โชคร้ายที่เฉินกูไม่ได้ตอบคำถามเขา เพราะเฉินกูได้ออกจากที่นั่นไป
แล้ว
สีหน้าของเซียนค่ายกลบิดเบี้ยวไป “หากราชาสัตว์อสูรเจอพวกสุด
ยอดสัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิจริง ๆ มันก็เป็นปัญหา !”
“นี่คือการขู่ หรือว่าเขาหาพวกนั้นเจอจริง ๆ ?” เซียนค่ายกลสีหน้า
หม่นไป ตอนนี้ในหัวเขามีแต่ความสับสน หากเทียบกับเจ้าสำนัก
ลึกลับนั่นแล้ว เขาสนใจพวกสุดยอดสัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิมากกว่า
ยังไงซะมันก็ไม่ได้มีแค่ตัวเดียว แต่กลับมีเป็นกลุ่ม !
สุดยอดสัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิกว่า 16 ตัว หากเติบโตเต็มที่ งั้นมนุษย์ก็
คงจบสิ้น !
ในทางกลับกันแล้ว เจ้าสำนักลึกลับผู้นั้น แม้ว่าจะมีพลังอันน่ากลัว
แต่กลับไม่ได้ทำอะไรให้กับมนุษย์เลย
“ดูเหมือนว่าข้าต้องไปยังภูเขาที่ว่า!” สักพักเขาก็ถอนหายใจออกมา
พร้อมกับพึมพำ “เรื่องเร่งด่วนที่สุดคือข้าต้องรู้ท่าทีของเจ้าสำนัก
ที่ว่า มันจะดีกว่าหากจะกล่อมให้เขามาร่วมมือกับเรา…”
คนที่สั่งการราชาสัตว์อสูรได้ มันยากที่จะคิดได้ว่าเขาน่ากลัวแค่ไหน
หากดึงคนแบบนั้นเข้าร่วมกับฝั่งมนุษย์ได้ งั้นภัยจากสัตว์อสูรก็จะ
หายไปทันที
ในเวลาเดียวกัน อ้าวอู่เหยียนที่ซ่อนตัวอยู่ไกลออกไป ก็แสดงสีหน้า
ตกตะลึงออกมา
“สัตว์อสูรพบตัวเหล่าสุดยอดสัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิเร็วแบบนี้เลยรึ?”
เขาก็เหมือนกับเซียนค่ายกล เขาเองก็คิดแบบนั้นเช่นกัน
อ้าวอู่เหยียนไม่ได้สนใจเหล่าสุดยอดสัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิเท่าไหร่นัก
แต่หากมันเติบโตขึ้นมาเป็นกลุ่มจำนวนมาก งั้นมันก็ต้องเกิดปัญหา
ตามมา แม้ว่าราชามังกรจะไม่ได้พูดเรื่องนี้ แต่อ้าวอู่เหยียนก็รู้ดีว่า
ต้องหาทางกำจัดสุดยอดสัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิ ไม่งั้นแล้วหากพวกมัน
เติบโตขึ้นมาได้ นี่ไม่ต้องนับมนุษย์เลย แม้แต่เผ่ามังกรที่แข็งแกร่ง ก็
ใช่ว่าจะปลอดภัยอยู่ได้
เผ่ามังกรปกครองโลกนี้มาตั้งแต่แสนปีก่อน และการปรากฏตัวของ
กลุ่มสุดยอดสัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิ ก็เป็นภัยต่อเผ่ามังกร ในฐานะองค์
รัชทายาทของเผ่ามังกร อ้าวอู่เหยียนมีหน้าที่ต้องกำจัดภัยนี่
ไม่มีใครต้องการให้สัตว์อสูรรุ่งโรจน์ ทั้งมนุษย์และเผ่ามังกร
“ต้องหาทางกำจัดพวกสุดยอดสัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิ!” อ้าวอู่เหยียน
แสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมา เขาตัดสินใจแล้วว่าจะมุ่งหน้าไปยัง
ภูเขาที่ราชาสัตว์อสูรพูดถึง เป้าหมายที่ไป หนึ่งเพราะเจ้าสำนัก
ลึกลับ เขาต้องการดูท่าทีของเจ้าสำนัก และสองคือเพราะเฉินกู ที่นั่น
เขามีโอกาสมากมายที่จะตรวจสอบได้ว่า เหล่าสุดยอดสัตว์อสูร
ศักด์ิสิทธ์ิอยู่ที่ไหน
สำหรับเซียนค่ายกลแล้ว อ้าวอู่เหยียนไม่ได้สนใจจะท้าสู้กับอีกฝ่าย
อีก เขามีเรื่องที่สำคัญกว่านั้นต้องไปจัดการ เขาไม่อาจจะเสียเวลาไป
กับเซียนค่ายกลได้
อ้าวอู่เหยียนรู้สึกเสียดายขึ้นมา หากเขารู้ว่ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น เขา
คงไม่มีทางเปิดเผยตัวตนของตัวเองที่สมาคมค่ายกล เขาจะแอบสืบ
ข้อมูลทุกอย่าง เมื่อเขาเปิดเผยตัวตนไปแล้ว และเรื่องนี้ก็น่าจะไปถึง
หูของเฉินกูแล้ว ซึ่งทำให้เฉินกูระวังตัวมากขึ้นไปอีก
นี่ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับอ้าวอู่เหยียน!
“ข้าแข็งแกร่งหรืออ่อนแอกันแน่!” อ้าวอู่เหยียนอดไม่ได้ที่จะถอน
หายใจออกมา “หากข้าแข็งแกร่งเท่ากับท่านพ่อ ข้าก็ไม่จำเป็นต้องระวัง
แบบนี้ ข้าคงไปจับตัวเฉินกู และถามถึงตำแหน่งของเหล่าสุดยอด
สัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิมาได้โดยตรง !”
อ้าวอู่เหยียนแม้ว่าจะเย่อหยิ่ง แต่เขาก็ไม่ได้มั่นใจว่าจะเอาชนะเฉินกู
ได้ อ้าวอู่เหยียนยังคงอยู่นิ่งไม่ได้ขยับราวกับรูปปั้น จนกระทั่งร่องรอย
การผันผวนของมิติหายไป พร้อมกับร่างของเซียนค่ายกลที่หายไป
อ้าวอู่เหยียนถึงได้เดินออกมาจากหลังก้อนหิน เขาไม่ได้กลัวเซียน
ค่ายกลหากต้องสู้กันแบบ 1 ต่อ 1 โอกาสที่ชนะมีมากกว่าครึ่ง แต่เขา
ไม่ต้องการเปิดเผยตัวเอง โดยเฉพาะตอนนี้ เขาไม่ต้องการให้ใครรู้
ว่า เขาแอบฟังบทสนทนาระหว่างราชาสัตว์อสูรและเซียนค่ายกล
อ้าวอู่เหยียนคิดถึงสถานการณ์ของตัวเอง ก่อนจะคิ้วขมวด “ข้าต้อง
ใช้เวลาอย่างน้อย 3-4 วันเพื่อฟื้นฟูพลังจิต” การตามหาตัวเซียนค่าย
กลนี้ เขาใช้พลังจิตไปอย่างมาก ซึ่งไม่อาจจะฟื้นฟูขึ้นมาได้หมดใน
วันเดียว
“วันที่ 15 เดือน 7 คือ…วันมะรืน” อ้าวอู่เหยียนคิด “เวลามันแทบจะ
ไม่พอ ตอนนี้ยังไม่ต้องกังวลเรื่องนั้น ใช้เวลาที่มีในตอนนี้ฟื้นฟูพลัง
ของตัวเองก่อน”
ชัดแล้วว่าภูเขาแห่งนั้นเป็นที่อันตรายอย่างมาก ไม่ใช่แค่มีเจ้าสำนักที่
แข็งแกร่ง แต่ยังมีเฉินกูด้วย อ้าวอู่เหยียนไม่อาจจะประมาทได้ ทางที่
ดีที่สุดคือรอจนกว่าพลังจิตของเขาจะฟื้นฟูกลับมา แล้วค่อยไปที่นั่น
นี่ไม่ต้องคิดถึงการฟื้นฟูจนเต็มที่ อย่างน้อยก็แค่ไม่ให้ความแข็งแกร่ง
ของเขาได้รับผลกระทบจากจุดนี้ก็พอ
เมื่อคิดแบบนั้น อ้าวอู่เหยียนก็บินขึ้นไปในอากาศ และมองหาเมืองที่
มนุษย์อยู่ ทางที่ดีที่สุดในการฟื้นฟูพลังของตัวเองคือการไปยังเมือง
มนุษย์ และดูว่าจะหายาที่ฟื้นฟูพลังจิตได้หรือไม่ หรือมันอาจจะมี
สมบัติที่มีผลฟื้นฟูพลังจิตอยู่ นั่นคือทางที่ดีที่สุด!
แม้ว่าจะหายาหรือสมบัติไม่ได้ แต่การกินอาหารที่อร่อย ก็ช่วยใน
การฟื้นฟูพลังจิตได้เช่นกัน แม้ว่าผลของมันจะน้อยนิดก็ตาม
“ใช่ เป็นการตัดสินใจที่ดี ! ตอนนี้ต้องฟื้นฟูพลังจิตก่อน !” อ้าวอู่เห
ยียนหาเหตุผลเพื่อมาปิดบังความอยากของตัวเอง
…
ที่สมาคมค่ายกล
คังชือหลินนั่งอยู่ในห้องโถงด้วยสีหน้าสลด ชายลึกลับ, สุดยอดสัตว์
อสูรศักด์ิสิทธ์ิ, มังกรที่เข้ามายังโลกนี้ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นทำให้
สถานการณ์ของมนุษย์ตอนนี้ดูน่าเป็นห่วง ต่อหน้าความวุ่นวายแบบ
นี้ สีหน้าของคังชือหลินทั้งสสดและหมดหนทาง เพราะเขาไม่
อาจจะหาวิธีแก้ปัญหาได้เลย!
“เฮ้อ !” คังซื่อหลินถอนหายใจออกมา “ประธาน, รองประธาน ผู้
อาวุโสสูงสุด…แต่ละคนต่างก็ออกจากสมาคมไป และปล่อยให้ข้า
จัดการปัญหาพวกนี้ พวกเขาไม่คิดจะช่วยข้าเลย”
ตอนแรกเขาไม่คิดว่ามันจะมีปัญหาอะไร กับการดูแลที่นี่และยังดีใจ
นิด ๆ ด้วย แต่ด้วยการปรากฏตัวของอ้าวอู่เหยียน เขาก็รู้ว่าเขายังไม่
มีพลังมากพอ กับการดูแลสำนักงานสมาคมค่ายกล
“ข้าหวังว่าเซียนค่ายกลจะไม่เป็นอะไร ไม่งั้นแล้วข้านี่แหละที่จะเป็น
คนผิด!” คังชือหลินแอบภาวนา
อยู่ ๆ คังชือหลินก็รู้สึกได้ว่าค่ายกลเกิดการผันผวนขึ้นมา มันมีความ
ผันผวนของมิติเกิดขึ้นด้านบนสมาคมค่ายกล คังชือหลินคิ้วขมวด
และตะโกนออกมา “ใครกัน !”
ไม่นานมานี้การปรากฏตัวของอ้าวอู่เหยียน ทำให้คังชือหลินต้องสลด
ต่อหน้าอ้าวอู่เหยียนเขาไม่กล้าที่จะโจมตี ถึงจะไม่พอใจเท่าไหร่เขาก็
ได้แต่เก็บมันไว้ในใจ แต่ตอนนี้กลับมีคนนอกกล้าฝ่าเข้ามาในสมาคม
ค่ายกลโดยไม่ได้รับอนุญาติ คังชือหลินจึงไม่อาจจะยับยั้งอารมณ์ของ
ตัวเองได้ ความแค้นในใจเขาได้ระเบิดออกมา “ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร
หากไม่ได้รับอนุญาตจากสมาคมค่ายกล ข้าก็ไม่อาจจะละเว้นเจ้าไป
ได้!”
ตอนนี้ คังชือหลินแทบจะระเบิดความโกรธที่มีทั้งหมดในใจออกมา
ไม่นานก็มีหญิงสาวในชุดสีฟ้าปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเขา ปากของนาง
เป็นสีแดงราวกับไฟ ใบหน้าของนางงดงามไร้ที่ติ นางมีผมสีทองยาว
ปิ่นปักผมสีทองทำให้นางสูงส่งยิ่งกว่าเดิม รูปร่างอันเพรียวบางของ
นางเข้ากันดีกับชุดซึ่งทำให้นางดูมีเสน่ห์ยิ่งขึ้นไปอีก
เมื่อเห็นผู้หญิงคนนั้น ในหัวของคังชือหลินก็มีคำหนึ่งโผล่ขึ้นมา
“ราชินี !”
ราชินีผู้สูงส่ง !
บางทีคงมีแค่คำนี้ที่คู่ควรกับนาง !
คังชือหลินสาบานได้ว่าในชีวิตนี้ไม่เคยเห็นใครสวยเท่ากับนางมา
ก่อน ทั้งหน้าตา, รูปร่าง, บรรยากาศรอบตัวและการแต่งตัวต่างก็อยู่
ในระดับสูงหมด แม้แต่ราชินีที่งดงามไร้ที่เปรียบของอาณาจักรถัง
หากเอามาเทียบกับผู้หญิงตรงหน้าแล้วก็ยังด้อยกว่า
แต่คังชือหลินกลับไม่ได้ยินดีเลยแม้แต่น้อย ในใจเขารู้สึกได้แต่ความ
กลัว
เคลื่อนย้ายพริบตา มันคือเคลื่อนย้ายพริบตา !
คังชือหลินไม่คิดไม่ฝันว่า เมื่อครู่นี้ตัวเองจะตะโกนใส่คนแบบนี้!
“พวกระดับสูงสุดมีมากมายเหมือนกะหล่ำปลีในตลาดตั้งแต่เมื่อไหร่
กัน?” คังชือหลินแทบอยากจะร้องไห้ออกมา เขาอยากจะตบหน้า
ตัวเองที่ระบายความโกรธออกมาใส่พวกระดับสูงสุดแบบนี้
เมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาไม่พอใจ และแฝงไปด้วยความอาฆาตจากหญิง
สาว คังชือหลินก็รู้สึกกดดันอย่างมาก ราวกับว่าภูเขากดทับเขาอยู่
มันอาจจะราวกับว่าทั้งโลกได้กดทับเขาไว้
แข็งแกร่ง !
ไร้เทียมทาน !
คังชือหลินรู้สึกได้ว่าความแข็งแกร่งของนางนั้นสูงส่ง แม้แต่เซียน
ค่ายกลก็ไม่อาจจะทำให้เขากดดันแบบนี้ได้
“อ้าวอู่เหยียนมาที่นี่?” นางมองมาที่คังชือหลินด้วยสีหน้าเฉยเมย ก่อน
จะพูดออกมาช้า ๆ โดยที่อารมณ์ของนางไม่สั่นไหวเลยแม้แต่น้อย
“อ้าวอู่เหยียน…” คังซื่อหลินอึ้ง เขาอยากที่จะตอบ แต่ตอนที่เขาจะ
พูดออกมานั้น เขาก็นึกถึงฐานะของอ้าวอู่เหยียน
อ้าวอู่เหยียนเป็นพวกระดับสูงของเผ่ามังกร หากอ้าวอู่เหยียนกับนาง
โกรธแค้นกัน หากเกิดอะไรขึ้นกับอ้าวอู่เหยียนงั้นเขาก็เป็นคนผิดที่
เปิดเผยข้อมูลนี้ออกไป เขาหรือแม้แต่สมาคมค่ายกล อาจจะได้รับ
การลงโทษจากเผ่ามังกร
พูดไม่ได้ !
อย่างน้อยก่อนที่จะรู้ถึงตัวตนของนาง เขาก็ไม่อาจจะพูดมันออกมา
ได้ !
แม้ว่าจะต้องตายแต่ก็ต้องปิดเรื่องนี้เป็นความลับ !
“ท่านเป็นใครกัน !” ไม่รู้ว่าคังชือหลินเอาความกล้ามาจากไหน ที่ทำ
ให้เขาทนแรงกดดันได้จนถามขึ้นมา สายตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา
พร้อมกับทำให้ทั้งห้องนั้นหนาวเย็นขึ้น
คังชือหลินมีลางสังหรณ์ว่า หากไม่ตอบคำถามนางงั้นนางก็จะฆ่าเขา
จริง ๆ !
เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ และรวบรวมความกล้าพูดขึ้นมา “นอกซะจาก
ว่าท่านจะพิสูจน์ตัวเองว่าเป็นคนของเผ่ามังกร แม้ว่าท่านจะสังหาร
ข้า แต่ข้าก็จะไม่บอกอะไรทั้งนั้น !”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบเจ้าสำนัก