ระบบเจ้าสำนัก นิยาย บท 413

ตอนที่ 413 เจ้าสำนักตัวจริงหรือตัวปลอม (II)
พวกเขาคิดกันว่าเจ้าสำนักสักคนต้องเป็นตัวปลอม และพวกเขาก็ไม่
รู้ตัวเลยตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ พวกเขาพากันใจสั่นแค่ไหน
“เจ้าสำนักที่กินข้าวกับพวกเราหรือเจ้าสำนักที่อยู่กับอาจารย์อ้าวอู่
เหยียนและอาจารย์อ้าวเยว่ ใครกันแน่ที่เป็นตัวปลอม!” โอวเสินเฟิง
พูดขึ้น มันมีเจ้าสำนักตัวปลอมอยู่แต่พวกเขาไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย
อู่ฉิงฉวนสูดหายใจเข้าลึก ๆ และพูดขึ้นมา “ไปยังบ้านพักของเจ้า
สำนัก !”
“พวกท่านจะไปทำอะไรที่นั่น?” ซู่เหยียนแสดงสีหน้ากลัวออกมา
“ถามเขาให้ชัดเจน ! จริงตัวจริงหรือไม่เราก็ต้องรู้คำตอบให้แน่ชัด!!”
อู่ฉิงฉวนพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “เราคงไม่อยากถูกเจ้าสำนักตัว
ปลอมปั่นหัวกันใช่หรือไม่ ?”
หากไม่อาจจะหาคำตอบได้ มันก็จะยังมีปัญหานี้เกิดขึ้นเรื่อย ๆ
ไม่งั้นแล้วพวกเขาคงนอนไม่หลับ !
คิดดูสิ หากอยู่ภายใต้การควบคุมของเจ้าสำนักตัวปลอมแต่พวกเขา
กลับไม่รู้ตัวเลย เรื่องนี้จะน่ากลัวแค่ไหนกัน ?
“แต่หากเจ้าสำนักที่บ้านพักเป็นตัวปลอม เราจะทำยังไงกันดี?” โอว
เสินเฟิงถามขึ้นมา
เมื่อได้ยินแบบนั้น ทุกคนต่างก็พากันสับสน บางคนถึงกับลนลาน
หากเจ้าสำนักที่อยู่ที่บ้านพักเป็นตัวปลอม งั้นเจ้าสำนักตัวจริงอยู่ที่
ไหนกัน ?
มันถึงกับมีคำถามที่น่ากลัวกว่านั้นในหัวของพวกเขา หากเจ้าสำนัก
ทั้งสองเป็นตัวปลอมล่ะ ?
เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ทุกคนต่างก็พากันตัวสั่น
หากเจ้าสำนักนี้เป็นตัวปลอม และมีความแข็งแกร่งที่ไม่อาจจะวัดได้
งั้นพวกเขาที่รู้ตัวตนของอีกฝ่ายคงถูกจัดการแน่
อู่ฉิงฉวนกลืนน้ำลายและพูดขึ้นมา “มันไม่มีทางเป็นแบบนั้นไปหรอก
ใช่ไหม?”
เขาเองก็ลังเล ยังไงซะสิ่งที่ทุกคนกังวลก็ใช่ว่าจะไร้เหตุผล หากครั้ง
นี้พวกเขารู้ความจริง และทำให้เจ้าสำนักตัวปลอมโกรธ บางทีพวก
เขาอาจจะถูกฆ่าปิดปากก็ได้
“ข้าคิดว่ามันจะดีกว่าที่จะได้คำตอบ” อ้าวอู่เหยียนลังเลและพูดขึ้นมา
“การยื้อปัญหานี้ต่อไปไม่มีอะไรดีขึ้นเลย”
อู่ฉิงฉวนสูดหายใจเข้าลึก ๆ และพูดขึ้น “อาจารย์อ้าวอู่เหยียนพูดถูก
เรื่องนี้ไม่อาจจะมองข้ามได้ เพราะมันไม่ได้ส่งผลดีต่อทุกคน”
โอวเสินเฟิง, ซู่เหยียนและคนอื่น ๆ มองหน้ากันก่อนจะพยักหน้า
“ข้าเห็นด้วย”
ตอนแรกพวกเขาคิดจะไปที่ห้องเรียน แต่เมื่อเดินมาได้ครึ่งทาง พวก
เขาก็เปลี่ยนเป้าหมายไปยังบ้านพักของจางหยู
ทุกคนต่างก็เดินออกไปด้วยความหนักใจ
ไม่นานพวกเขาก็มาถึงหน้าประตูบ้านพัก
“เคาะประตูสิ” อู่ฉิงฉวนสูดหายใจเข้าลึก ๆ และบอกกับโอวเสินเฟิง
“เจ้าก็เคาะสิ” โอวเสินเฟิงยื่นมือออกไปกำลังจะเคาะประตู แต่สุดท้าย
ก็ดึงมือกลับและยิ้มอย่างขมขื่นให้อู่ฉิงฉวน
“พระเจ้า เจ้าเป็นร่างวิญญาณนะ! การที่คนอื่น ๆ กลัวนั้นพอเข้าใจ
ได้แต่เจ้าจะกลัวอะไร ?” อู่ฉิงฉวนไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
โอวเสินเฟิงกรอกตาใส่ “ใครบอกว่าผีกลัวบ้างไม่ได้ ?” เขาหยุดไป
ชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อ “และอย่าเรียกข้าว่าผี แม้ว่าข้าจะไม่ได้อยู่ใน
สถานะที่ต่างอะไรจากผี แต่ข้าคิดว่าควรเรียกข้าว่าร่างวิญญาณน่าจะ
เหมาะกว่า”
“เฮ้อ พวกท่านพูดเรื่องอะไรกัน?” ซู่เหยียนถอนหายใจออกมา “รีบ ๆ
เคาะประตูได้แล้ว !”
“ใครอยากจะเคาะก็เคาะ ข้าขอถอนตัว” โอวเสินเฟิงถอยกลับมาและ
มองไปยังซู่เหยียนกับคนอื่น ๆ
ผู้คนมองหน้ากัน ใครบ้างที่จะไม่ปฏิเสธ ? พวกเขาอยากที่จะเคาะ
ประตูนั่นแต่ไม่ได้มีความกล้ามากพอ มีแค่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าเจ้า
สำนักที่อยู่ในบ้านนั้นเป็นตัวจริงหรือไม่ ?
“ซู่เหยียนเจ้าเคาะ” อู่ฉิงฉวนมองไปที่ซู่เหยียน
“แค่ก แค่ก…” ซู่เหยียนไอแห้ง ๆ ออกมา “ช่วงนี้ขาข้าไม่ค่อยดี
เท่าไหร่ เหล่าอู่ เจ้าเคาะเถอะ”
ทุกคนต่างก็หันไปมองที่ซู่เหยียนขาไม่ดี? ข้อแก้ตัวนี้ฟังไม่ขึ้นเลย !
ปากของอู่ฉิงฉวนบิดเบี้ยว สุดท้ายเขาก็ต้องมองไปที่อ้าวเยว่และอ้าว
อู่เหยียน ก่อนจะพูดขึ้น “ถ้างั้น อาจารย์อ้าวเยว่ อาจารย์อ้าวอู่เหยียน
พวกท่านเคาะดีหรือไม่?”
ประตูแค่บานเดียวแต่กลับไม่มีใครกล้าแตะต้องมัน
“ข้าเอง !” อ้าวอู่เหยียนอยากที่จะปฏิเสธ แต่เพราะเกียรติในฐานะ
องค์รัชทายาท ต่อหน้าคนมากมายแบบนี้เขาจะปฏิเสธได้ยังไง ?
เขาค่อย ๆ ยกเท้าก้าวไปที่ปประตู เสียงเท้าของเขาเบาสนิท แต่มัน
เหมือนดังก้องจนทำให้ทุกคนใจสั่น
ระยะทางแค่ 3 ก้าว แต่เหมือนกับใช้เวลายาวนานเป็นร้อย ๆ ปี
สำหรับอ้าวอู่เหยียน
ภายใต้สายตาของทุกคน อ้าวอู่เหยียนได้ยกมือขึ้นพร้อมกับฝ่ามือที่
เกือบจะถึงประตู อยู่ ๆ เขาก็หยุดและหันกลับมามองทุกคน “ข้าจะ
เคาะแล้วนะ”
อู่ฉิงฉวนและคนอื่น ๆ หัวใจแทบหยุดเต้น พวกเขาอยากจะด่าอ้าวอู่
เหยียน แต่ไม่ได้มีความกล้ามากพอที่จะทำแบบนั้น
อ้าวอู่เหยียนละสายตากลับไปมองที่ประตูก่อนจะยกมือขึ้นอีกครั้ง
“พวกเจ้า…” อ้าวอู่เหยียนค่อย ๆ แตะไปที่ประตูช้า ๆ แต่อยู่ ๆ เขาก็
หยุดและหันกลับมามองคนด้านหลัง “อยากให้ข้าเคาะจริง ๆ รึ”
อู่ฉิงฉวนและคนอื่น ๆ ที่อยู่ด้านหลัง แทบกระอักเลือดออกมาเพราะ
ความกังวล
ทุกคนมองไปที่อ้าวอู่เหยียนที่แสดงสีหน้าใสซื่อออกมา พวกเขา
อยากจะด่าและบอกให้อ้าวอู่เหยียนเคาะประตูไปเลย !
หากอ้าวอู่เหยียนไม่ได้แข็งแกร่ง พวกเขารับรองว่าจะต้องสั่งสอน
อ้าวอู่เหยียนที่ทำให้พวกเขาตกใจแบบนี้
การทำแบบนี้ไม่ได้ส่งผลดีต่อหัวใจพวกเขาเลย !
อ้าวอู่เหยียนเหมือนจะรู้ว่าทำให้คนอื่น ๆ โกรธ เขารีบหันหน้า
กลับไปแสดงสีหน้าจริงจัง และมองไปที่ประตูด้วยความกังวล
เขาเองก็กลัวและกังวล การที่เขาจะเครียดแบบนี้คงโทษเขาไม่ได้
ครั้งนี้อ้าวอู่เหยียนใช้เวลาไม่กี่อึดใจ เพื่อควบคุมอารมณ์ของตัวเอง
และยกมือขึ้นยื่นไปที่ประตูแต่เมื่อมือของเขาห่างจากประตูแค่ไม่กี่
นิ้ว เขาก็หยุดและหันกลับมา “ข้า…”
ทุกคนถึงกับกระอักเลือดออกมานิด ๆ ไม่จบไม่สิ้นจริง ๆ เด็กคนนี้ !
ตอนนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาในหูของทุกคน “เฮ้อ !”
จากนั้นประตูก็เปิดขึ้นมาช้า ๆ
ตอนนั้นทุกคนต่างก็พากันใจเต้นรัว ตอนที่ประตูเปิดออกมา ทุกคน
ต่างก็พากันก้มหน้า ไม่กล้าจะมองคนที่กำลังเปิดประตูออกมา พวก
เขากลัว กลัวว่าจะเห็นใบหน้าที่น่ากลัวซึ่งไม่ได้เป็นของเจ้าสำนัก
ในเวลาเดียวกัน อ้าวอู่เหยียนก็กลัวซะจนก้มหน้าหัวแทบชิดกับอก
“พวกท่านมาทำอะไรกันที่นี่?” จางหยูแปลกใจกับท่าทีคนพวกนี้
อันที่จริงเขาเห็นสถานการณ์ด้านนอก และเห็นท่าทีผิดปกติของอ้าว
อู่เหยียน แต่เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าทำไมพวกนี้ถึงได้กลัวมากถึงขนาดนี้ ?
เมื่อได้ยินเสียงเจ้าสำนักที่คุ้นหู ทุกคนก็แอบพากันโล่งอก พวกเขา
รวบรวมความกล้าก่อนจะเงยหน้ามองจางหยู เมื่อเห็นใบหน้าของ
จางหยู ทุกคนก็โล่งอกขึ้นมาอีกรอบ นี่ไม่ใช่สัตว์ประหลาด
เมื่อเห็นสายตาแปลก ๆ ของทุกคน จางหยูก็อดไม่ได้ที่จะคิ้วขมวด
“พวกท่านเล่นบ้าอะไรกัน ? อาจารย์โอว ข้าบอกให้ท่านพาพวกเขา
ไปดูเส้นทางไม่ใช่รึ ? เร็วขนาดนี้เลยรึ ? ที่นอนล่ะ ? ท่านจัดแจงไว้รึ
ยัง ?”
“เกือบแล้ว เกือบแล้ว” โอวเสินเฟิงรีบพูดขึ้นมา
“แล้วพวกท่านมาทำอะไรที่นี่กัน?” จางหยูพูดขึ้นมาด้วยท่าทีไม่พอใจ
“บอกมาว่าพวกท่านมาทำบ้าอะไรกันที่นี่ ?”
ทุกคนพากันเงียบอยู่นาน บรรยากาศที่นั่นดูประหลาดอย่างมาก
โอวเสินเฟิงที่ภายนอกดูใจเย็นเหมือนกับไม่กลัว แต่อันที่จริงแล้วเขา
ก็หวาดกลัวไม่น้อยไปกว่าคนอื่น ๆ แม้ว่าเขาจะสงสัยว่าเจ้าสำนักผู้นี้
คือตัวปลอม แต่เขาก็ไม่มีความกล้าที่จะถามเรื่องนี้ออกมา
แต่แม้ว่าจะไม่มั่นใจว่าเจ้าสำนักผู้นี้เป็นตัวจริงหรือตัวปลอม แต่พวก
เขาก็มั่นใจได้ว่า เจ้าสำนักที่อยู่ตรงหน้าพวกเขานี้คือเจ้าสำนักที่พวก
เขาเพิ่งพบกันที่ลาน คนที่รับอ้าวเยว่และอ้าวอู่เหยียนเข้าสำนัก
“อาจารย์อ้าวอู่เหยียนพูดมา” จางหยูเห็นว่าทุกคนไม่พูดอะไรออกมา
จึงได้แต่เรียกชื่อและคนแรกที่เขาเรียกก็คือ อ้าวอู่เหยียน
อ้าวอู่เหยียน หน้าซีดเพราะความกลัว “อ่ะ ไม่ดีกว่า อย่าให้ข้าพูด
เลย…”
จางหยูคิ้วขมวดหนักขึ้นไปอีก
นี่มันอะไรกัน ?
“เจ้าสำนัก เรามีคำถามจะถาม” ตอนที่ทุกคนพากันเครียดและกลัว
นั้น อ้าวเยว่ก็ได้พูดขึ้นมา นางมองเข้าไปในตาของจางหยูโดยไม่
ลังเล
“นี่สิคนปกติ” จางหยูไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ตอนนี้อ้าวเยว่ที่
เหมือนกับคนบ้า กลับเหมือนคนปกติที่สุด เขาพยักหน้าและพูด
ขึ้นมา “ได้ ถามมาสิ”
อ้าวเยว่มองไปที่จางหยูและถามขึ้นมา”ก่อนหน้านี้สองชั่วโมงท่าน
ไปไหนมา ?”
จางหยูยิ้มออกมา “ท่านน่าจะพูดให้ชัดเจนหน่อยไม่ได้รึ ?”
“เจ้าสำนักตอบคำถามข้ามาตามตรงเถอะ” สีหน้าของอ้าวเยว่ไม่ได้
เปลี่ยนไปจากเดิม นางยังดูเย็นชาเช่นเคย
“ได้ ข้าจะตอบคำถามท่าน ก่อนหน้านี้สองชั่วโมงข้าอยู่ที่นอกเมืองอู่
อันกับท่าน” จางหยูไม่เข้าใจคำถามของอ้าวเยว่
แต่เขาก็ยังตอบตามจริง “มีปัญหาอื่นอีกหรือไม่ ?”
อู่ฉิงฉวน,โอวเสินเฟิงและคนอื่น ๆ มองหน้ากัน และอดไม่ได้ที่จะ
กลืนน้ำลาย พวกเขาพากันถอยออกมาและมองไปที่จางหยูด้วยความ
กลัว
ก่อนหน้านี้พวกเขายังคิดว่าตัวเองคิดถูก พวกเขาสงสัยว่าเจ้าสำนักไม่ได้
อยู่กับอ้าวอู่เหยียน มันเป็นอ้าวอู่เหยียนที่โกหกพวกเขา แต่ตอนนี้เมื่อ
ได้ยินเจ้าสำนักยืนยันด้วยตัวเองแล้ว ความเชื่อมั่นและความคาดหวัง
ที่มีก่อนหน้านี้ก็พังทลายไป
อ้าวอู่เหยียนไม่ได้โกหก !
ตอนนั้นเจ้าสำนักอยู่กับเขาจริง ๆ !
“งั้นใครกันที่มากินข้าวกับเรา?”
อู่ฉิงฉวน, โอวเสินเฟิง, ซู่เหยียนและคนอื่น ๆ ต่างก็พากันขนลุก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบเจ้าสำนัก