ระบบเจ้าสำนัก นิยาย บท 417

ตอนที่ 417 การกลับมาของเฉินกู
ทุกคนต่างก็พากันเงียบ “ใช่ หากโลกแห่งนี้ถูกทำลาย เช่นนั้นไม่ว่า
เราจะประสบความสำเร็จแค่ไหน แต่มันก็ไม่มีค่า”
ความตื่นเต้นที่มีเมื่อตะกี้หายไปในพริบตา พวกเขาไม่รู้ว่าจะออกจาก
โลกนี้ยังไง และนั่นก็หมายความว่าไม่มีใครหนีพ้นวิกฤตนี้ได้ !
“บ่มเพาะขึ้นไปยังระดับสูงสุดและต้านทานการรุกรานจากภายนอก
นี่คือภารกิจสำคัญของสำนักคังเฉียง” จางหยูมองไปรอบ ๆ “และก็
เป็นภารกิจของพวกท่านเช่นกัน”
อ้าวอู่เหยียน, อู่ฉิงฉวนและคนอื่น ๆ มองหน้ากันพร้อมกับความรู้สึก
รับผิดชอบที่ก่อตัวขึ้นมาในใจ พวกเขารู้สึกว่าพวกเขาต้องแบกรับ
ภารกิจที่มันสำคัญอย่างมาก !
เมื่อเห็นท่าทีของทุกคน จางหยูก็ค่อนข้างพอใจ เขาพูดขึ้นมาต่อ “ใน
อนาคต ข้าหวังว่าพวกท่านจะสั่งสอนศิษย์ด้วยใจ และปลุกพรสวรรค์
ของศิษย์ขึ้นมา เพื่อที่พวกเขาจะได้ปกป้องสำนักคังเฉียง แน่นอนว่า
พวกท่านเองก็ต้องหมั่นเพียรในการบ่มเพาะ และอย่าดูถูกฐานะอาจารย์
ของสำนักคังเฉียงไป”
อ้าวอู่เหยียนและคนอื่น ๆ พากันพยักหน้า พวกเขารู้สึกกดดันขึ้นมา
ในใจ
“เอาล่ะ ทุกคนแยกย้ายได้” จางหยูโบกมือ
พวกนั้นค่อย ๆ เดินออกไปจากบ้านพักของจางหยูช้า ๆ หลังจากที่
พวกนั้นกลับไปหมดแล้ว จางหยูและเจ้าสำนักก็ได้เดินกลับเข้าไป
ในบ้าน
“ร่างหลัก เจ้าทำได้ดี” เจ้าสำนักหรี่ตาลงและพูดขึ้นมา “ทุกคนต่างก็
หลงกลกับสิ่งที่เจ้าเล่า แม้แต่สองคนจากเผ่ามังกรก็ยังโดนหลอกไป
ด้วย”
“หลอก ?” จางหยูส่ายหน้า “ข้าไม่ได้หลอกพวกเขา นอกจากเรื่อง
ร่างเทียมแล้วอย่างอื่นข้าไม่ได้พูดไร้สาระ”
เจ้าสำนักเงียบไป
“สถานการณ์ของโลกทวีปป่ าขั้นต่ำนี้ แม้ว่าจะไม่ได้หนักหนาแบบที่
ข้าพูด แต่มันก็ไม่ได้ต่างกันมาก” จางหยูพูดขึ้นอย่างใจเย็น “ข้าแค่
พูดบางอย่างเกินไปบ้างและทำให้พวกเขารู้สึกได้ถึงอันตราย”
เจ้าสำนักเงียบไป เขารู้ว่าจางหยูไม่ได้โกหก โลกทวีปป่ าขั้นต่ำนี้อยู่
ในอันตรายจริง ๆ
และสิ่งที่จางหยูทำอยู่ตอนนี้ก็เพื่อเตรียมรับมือวิกฤตที่อาจจะต้องเจอ
ในอนาคต
“ข้าขอตัวก่อน มีเรื่องอะไรก็ส่งข้อความผ่านจิตมาหาข้า” จางหยู
บอกกับเจ้าสำนัก
“ได้” เจ้าสำนักพยักหน้า
จากนั้นร่างของจางหยูก็หายไปจากบ้านพัก
สูงขึ้นไปกว่าหมื่นลี้ เหนือกลุ่มเมฆนั้นมีมิติที่แยกตัวออกจากโลก
ซ่อนอยู่ที่นั่น ร่างของจางหยูได้ปรากฏตัวขึ้นในมิติแยกตัวนั้นทันที
อ้าวเสี่ยวหร่านยังคงหลับอยู่ แต่พลังที่นางแผ่ออกมานั้นแข็งแกร่ง
กว่าเดิม ร่างกายขนาดเล็กนี้กลับแฝงไปด้วยความกดดันที่น่าทึ่ง ราว
กับแรงกดดันจากสวรรค์
จางหยูตรวจสอบร่างกายของอ้าวเสี่ยวหร่าน และพบว่าไม่มีอะไร
ผิดปกติ
“ทุกคนหยุดก่อน” จางหยูมองไปยังสุดยอดสัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิรอบ ๆ
สุดยอดสัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิทั้ง 16 ต่างก็ตื่นขึ้นจากการบ่มเพาะ ตอนที่
พวกนั้นตื่นขึ้นมา พวกนั้นก็เข้าใจว่าจางหยูจะทำอะไร พวกเขาได้
เดินเข้าไปหาจางหยูและพากันเงียบ
จางหยูอุ้มอ้าวเสี่ยวหร่านเอาไว้และคิดขึ้นมา “ไป”
ในพริบตา จางหยู, อ้าวเสี่ยวหร่าน และสุดยอดสัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิ
ทั้งหมดก็หายตัวไปทันที
ในโลกนภา
ตอนนั้นร่างของจางหยูและคนอื่น ๆ ได้หายไปจากมิติแยกตัว และ
ปรากฏตัวขึ้นในโลกนภา
“หลิงชี่ที่นี่แข็งแกร่งจริง ๆ !” กลุ่มสุดยอดสัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิอดไม่ได้
ที่จะตื่นเต้น “มันเป็นที่ที่ดี !”
หลิงชี่ในโลกนภานี้หนาแน่นกว่าที่โลกทวีปป่ าขั้นต่ำถึงสิบเท่า บาง
ที่ถึงกับหนาแน่นกว่าเป็นร้อยเท่า ที่สำคัญกว่านั้นกฎของที่นี่ชัดเจน
อย่างมาก ความต่างระหว่างสวรรค์และผืนดินนั้นพวกเขาก็รับรู้มัน
ได้อย่างชัดเจน
มันคือดินแดนที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้บ่มเพาะ มันไม่เกินไปที่จะเรียก
ที่นี่ว่าสวรรค์ !
ที่นี่พวกเขาสามารถดูดซับหลิงชี่ได้บริสุทธ์ิมากกว่าเดิม ซึ่งรับรู้ถึง
กฎได้ดีกว่าเดิม รวมไปถึงบ่มเพาะความเข้าใจกฎด้วยความเร็วที่
เพิ่มขึ้นกว่าเดิมด้วย !
นี่คือโลกขั้น 7 ซึ่งสามารถสร้างผู้ที่อยู่เหนือกว่าขอบเขตตุ้นซวนขั้น
สมบูรณ์ได้ !
“ยอดเยี่ยม !” หมาป่ าละโมบพูดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น “ข้ามั่นใจว่า
ถึงแม้ว่าจะไม่มีร่างหลักช่วย แต่ข้าก็สามารถบ่มเพาะขึ้นไปถึงขอบเขต
ตุ้นซวนขั้นสมบูรณ์ได้ภายใน 10 ปีหรืออาจจะเหนือกว่านั้น !”
พรสวรรค์ที่น่ากลัวรวมกับสภาพแวดล้อมที่สมบูรณ์นี้ ทำให้หมาป่ า
ละโมบมั่นใจอย่างมาก
สัตว์อสูรกลืนสวรรค์เองก็พยักหน้า”ที่นี่คือสวรรค์สำหรับผู้บ่มเพาะ
การบ่มเพาะที่นี่หนึ่งวันดีกว่าการบ่มเพาะที่เก่ากว่า 1 เดือน !”
สุดยอดสัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิที่เหลือเองก็พากันแสดงสายตาตื่นเต้น
ออกมา
แม้ว่าจะไม่มีจางหยูคอยช่วย แต่พวกเขาก็มั่นใจว่าจะขึ้นไปถึงขอบเขต
ตุ้นซวนขั้นสมบูรณ์ได้ภายใน 10 ปี หากมีจางหยูคอยช่วย เวลามัน
อาจจะลดลงมาเหลือแค่ 1 ปี !
ใครบ้างที่สามารถสร้างยอดฝีมือระดับสูงสุด 16 คนใน 1 ปีได้ ?
จางหยูเหมือนจะใจเย็นอย่างมาก เขาคิดไว้อยู่แล้วว่าผลลัพธ์จะออกมา
เป็นแบบนี้ ในตอนแรกที่เขาเข้ามายังโลกนภา เป็นธรรมดาที่เขาจะ
ไม่แปลกใจ
ฟิ้ว***
หลิงชี่จากทั่วทุกทิศทางมารวมตัวกัน แค่ไม่กี่อึดใจที่นั่นก็เต็มไป
ด้วยหลิงชี่ จนแทบจะอัดแน่นกันเป็นก้อน
ที่โลกนภาแห่งนี้ จางหยูคือพระเจ้าผู้ขีดเขียนโลกนี้ เขาแค่คิดก็
เรียกหลิงชี่ไม่รู้จบมาได้ เขาไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่ด้วยซ้ำ
จางหยูพูดขึ้นมา “บ่มเพาะซะ”
ร่างของจางหยูได้หายไป และปรากฏตัวขึ้นบนภูเขาใจกลางโลกนี้
หลิงชี่ที่นั่นมีมากกว่าส่วนที่พวกเขาอยู่เมื่อครู่นี้ ต้นไม้ที่นี่ถึงกับมี
หลิงชี่อยู่ในหยดน้ำที่มันปล่อยออกมา ที่ด้านข้างของภูเขามีน้ำพุที่
เต็มไปด้วยม่านหมอก น่าแปลกใจที่ว่าน้ำในน้ำพุและหมอกรอบ ๆ
ของมันต่างก็เป็นหลิงชี่ !
หลิงชี่ไม่รู้จบได้มารวมตัวกันในที่แห่งนี้ จนผ่านมาหลายปี ก็ได้
เปลี่ยนน้ำพุ
จางหยูมองไปยังน้ำพุรอบ ๆ และวางอ้าวเสี่ยวหร่านลงไปในน้ำพุ
ก่อนจะสังเกตอาการ
ตอนที่วางอ้าวเสี่ยวหร่านลงไปในน้ำพุ จางหยูก็รับรู้ได้อย่างชัดเจน
ว่าพลังของนางยกระดับขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จำนวนหลิงชี่ที่ถูกดูดซึม
เข้าไปในร่างกายนั้นได้ยกระดับร่างกายของนางขึ้นมา…
แต่อ้าวเสี่ยวหร่านกลับยังดูสงบดังเดิม แม้ว่าจะดูดซับหลิงชี่จำนวน
มากเข้าไป แต่มันกลับเหมือนไม่ส่งผลใด ๆ เลย
สำหรับอ้าวเสี่ยวหร่านแล้ว หลิงชี่ที่สั่งสมมาตลอดหลายปีมานี้
เหมือนกับแค่หยดน้ำในมหาสมุทร แม้ว่าจะมีมากกว่านี้สักสิบเท่า
แต่มันก็ไม่ได้ส่งผลใด ๆ กับนาง
เมื่อเห็นว่าอ้าวเสี่ยวหร่านเติบโตขึ้นมาโดยไม่มีปัญหาอะไร จางหยูก็
ยิ้มออกมาเล็กน้อยและนั่งข้าง ๆ นางเพื่อทำการบ่มเพาะ

เวลาผ่านพ้นไป ในเสี้ยวพริบตาเวลาในโลกนภาก็ผ่านไป 1 วัน
เวลาในโลกทวีปป่ าขั้นต่ำเองก็มีเวลาเทียบเท่ากับโลกนภา ที่นั่นก็
ผ่านไปหนึ่งวันเช่นกัน
ในตอนเย็นสำนักคังเฉียงเริ่มมีแสงเฉิดฉายขึ้นมา โรงอาหารเต็มไป
ด้วยอาจารย์และศิษย์ ซึ่งทำให้บรรยากาศดูมีชีวิตชีวาขึ้นมา
“เจ้าสำนัก !” เมื่อทุกคนนั่งประจำที่กันแล้ว พวกเขาก็เห็นว่าเจ้าสำนัก
กำลังเดินเข้ามาช้า ๆ พวกเขาพากันตะโกนออกมาด้วยความเคารพ
เจ้าสำนักไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “ข้าบอกกี่ครั้งแล้วว่าถึง
เวลากินไม่ต้องสุภาพ ทำไมพวกเจ้าจำไม่ได้ ? กินกันเลยสิ”
“โอ้ อาหารนี่ดูน่าอร่อยจริง ๆ !”
“ท่านอู่ จงเจริญ !”
เหล่าผู้อาวุโสต่างก็ตาเป็นประกาย ทุกคนพากันตื่นเต้น
“อึก” อ้าวอู่เหยียนกลืนน้ำลายและมองไปยังอาหารบนโต๊ะ เขาไม่
อาจจะละสายตาไปได้เลย
อ้าวเยว่มองเห็นท่าทีของอ้าวอู่เหยียนก็อยากที่จะตบหน้าหลานของ
ตน เกียรติของเผ่ามังกรกำลังจะถูกทำลายเพราะหลานของนาง !
ตอนที่อ้าวเยว่กำลังจะด่าอ้าวอู่เหยียน ร่างหนึ่งก็ค่อย ๆ เดินเข้ามาที่
โรงอาหาร ภายใต้แสงอันพร่ามัวทำให้ร่างนั้นดูเลือนรางไปด้วย
จนร่างนั้นเข้ามาในโรงอาหาร อ้าวเยว่ถึงได้เห็นหน้าตาของเขา
มันคือชายหนุ่มผมยาวดำ, หน้าตาธรรมดาแต่บรรยากาศรอบตัวดู
พิเศษเหมือนกับสัตว์อสูร ซึ่งทำให้คนอื่น ๆ ไม่อาจจะมองข้ามเขา
ได้
“ยอดฝีมือระดับสูงสุด”
อ้าวเยว่แสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมา นางไม่อาจจะเห็นระดับการ
บ่มเพาะของราชาสัตว์อสูรได้ แต่นางก็รับรู้ได้ถึงปราณสัตว์อสูรที่
น่าทึ่ง
“เจ้าสำนัก” ในสายตาของราชาสัตว์อสูรคงเห็นเพียงแค่เจ้าสำนัก
ตอนที่เขาเข้ามาในโรงอาหาร เขาก็เดินมาหาเจ้าสำนักทันที
ท่าทีของเขาที่มีต่อเจ้าสำนักนั้นดูเคารพอยู่บ้าง
เจ้าสำนักเงยหน้าขึ้นและพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “อาจารย์เฉิน ในที่สุด
ท่านก็กลับมา เรื่องเป็นยังไงบ้าง ?”
ไม่คาดคิดเลยว่าชายหนุ่มผู้นี้ก็คือราชาสัตว์อสูรเฉินกู ที่เพิ่งกลับมา
จากเขตกลาง
เฉินกูพยักหน้าและพูดขึ้นมา “ไม่มีทางที่จะไม่สำเร็จ”
การเชิญตัวยอดฝีมือระดับสูงสุดของมนุษย์ทั้งสี่ไม่ใช่เรื่องยาก มัน
ยากกับการค้นหาพวกนั้น เฉินกูกลับมาตอนนี้เพราะเขาเสียเวลาไป
เยอะกับการตามหาทั้งสี่คน
“ฮาฮา ไม่เลว อาจารย์เฉิน ทำได้ดี” จางหยูพอใจอย่างมาก “มา มากิน
อะไรด้วยกันสิ”
เฉินกูยังไม่ทันได้พูด อ้าวเยว่ที่อยู่ไม่ไกลนักก็ลุกขึ้นและใช้สายตา
เย็นชาจับจ้องมาที่เฉินกู “ราชาสัตว์อสูรเฉินกูรึ ?” นางจำที่อ้าวอู่
เหยียนบอกได้ว่า ราชาสัตว์อสูรอาจจะพบสุดยอดสัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิ
แล้ว ภารกิจของการออกจากเกาะของนางคือกำจัดสุดยอดสัตว์อสูร
ศักด์ิสิทธ์ิ ดังนั้นนางจึงคิดว่าจะหาวิธีเข้าหาราชาสัตว์อสูรอยู่ตลอด
เมื่อนางพบกับราชาสัตว์อสูร นางเกือบพุ่งเข้าไปหาราชาสัตว์อสูร
โดยตรง
โชคดีที่นางยังไม่ลืมฐานะอาจารย์ของตัวเองและหักห้ามใจเอาไว้ได้
อ้าวอู่เหยียนที่สนใจแต่อาหาร ได้ยินเสียงของน้าตัวเอง เขาถึงกับตัว
สั่นจนแทบสำลักออกมา
เฉินกูได้ยินแบบนั้นก็มองมาที่อ้าวเยว่และอ้าวอู่เหยียน ตอนนั้นตา
ของเขาก็เป็นประกายขึ้นมา “ยอดฝีมือระดับสูงสุด !”
ยอดฝีมือระดับสูงสุดถึงสองคน !
สำนักคังเฉียงมียอดฝีมือระดับสูงสุดสองคนนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ?
“เดี๋ยวนะ พลังของเจ้า…” เฉินกูคิ้วขมวดและแสดงสีหน้าสงสัย
ออกมา “เจ้ามาจากเผ่ามังกรรึ ? !”
มนุษย์นั้นยากที่จะแบ่งแยกสัตว์อสูรกับมังกรออกจากกันได้ เพราะ
ตอนแรกมังกรก็ถือว่าเป็นสัตว์อสูร จนตอนที่แยกออกมาจากเผ่า
สัตว์อสูร นอกจากนี้พลังของสองเผ่านี้คล้ายคลึงกัน ตราบใดที่ไม่ได้
กลับร่างเดิม ก็ไม่มีใครแยกแยะออกได้ เฉินกูนั้นต่างออกไป เขาเป็น
ราชาสัตว์อสูร การรับรู้พลังของคนนอกนั้นแม่นยำกว่า แม้ว่าเผ่า
มังกรจะถือว่าใกล้เคียงกับเผ่าสัตว์อสูรแต่เขาก็แยกแยะตัวตนของ
อ้าวเยว่และอ้าวอู่เหยียนได้อย่างรวดเร็ว
เฉินกูมองไปที่อ้าวเยว่ด้วยใจที่สั่นไหวขึ้นมา “ยอดฝีมือระดับสูงสุด
ของเผ่ามังกรถึงสองคน ! โดยเฉพาะผู้หญิงนี่ พลังของนางกลับ
แข็งแกร่งกว่าข้า !”
อะไรนะ ?
อาจารย์และศิษย์รอบ ๆ ต่างก็ตกตะลึงเพราะคำพูดของเฉินกู
ทุกคนต่างก็มองไปที่อ้าวเยว่ และพูดออกมาด้วยความตกตะลึง “เผ่า
มังกรรึ ? พวกเขาเป็นมังกรรึ ?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบเจ้าสำนัก