ระบบเจ้าสำนัก นิยาย บท 418

ตอนที่ 418 อาจารย์จากเผ่ามังกร
คนในสำนักรู้แค่ว่า อ้าวเยว่และอ้าวอู่เหยียนต่างก็เป็นยอดฝีมือระดับ
สูงสุด แต่พวกเขาไม่รู้ตัวตนของทั้งคู่ อู่ฉิงฉวนเคยถามด้วยความ
สงสัย แต่อ้าวอู่เหยียนก็หาข้อแก้ตัวไปได้ เมื่อเห็นว่าอ้าวอู่เหยียนไม่
คิดจะพูดเรื่องนี้ออกมา อู่ฉิงฉวนก็ไม่กล้าที่จะถามต่อเพราะกลัวว่า
อีกฝ่ายจะรำคาญ
แต่พวกเขากลับคิดไม่เลยว่าสองคนนี้จะมาจากเผ่ามังกร !
เผ่ามังกร !
ผู้คนในโลกต่างก็เคยได้ยินเรื่องตำนานของเผ่ามังกรกันมา พวกเขารู้
ถึงพลังและให้ความเคารพต่อเผ่ามังกร ตอนนี้เมื่อได้ยินเฉินกูบอกว่า
อ้าวเยว่และอ้าวอู่เหยียนมาจากเผ่ามังกร พวกเขาจะไม่ตกตะลึงกัน
ได้ยังไง ?
แม้ว่าหลายคนจะเคยเห็นอ้าวเสี่ยวหร่านมาก่อน แต่ในสายตาของ
พวกเขาแล้ว นางไม่ได้มาจากเผ่ามังกรจริง ๆ นางถูกขับไล่ออกมา
การเห็นคนจากเผ่ามังกรในตอนนี้ทำให้พวกเขาตื่นเต้นจนยากที่จะ
ใจเย็นลงได้
อ้าวเยว่และอ้าวอู่เหยียนต่างก็พากันหน้าเปลี่ยนสี
“เจ้าพูดเรื่องอะไรกัน!” ใบหน้าของอ้าวอู่เหยียนแดงก่ำขึ้นมา และ
รีบปฏิเสธเฉินกู แต่ในใจเขากลับกังวลเป็นอย่างมาก
อ้าวเยว่มองเฉินกูด้วยสายตาที่เย็นชา นางไม่พอใจมาก แม้แต่ตอนที่
ตกอยู่ในอันตราย นางก็ยังไม่คิดจะเผยตัวตนออกมา เป้าหมายก็คือ
ไม่ต้องการดึงดูดความสนใจจากคนอื่น ๆ แต่ราชาสัตว์อสูรกลับเปิด
เผยตัวตนของนางออกมา แบบนี้แล้วนางจะอยู่อย่างสงบได้ยังไง ?
การตรวจสอบสำนักคังเฉียงจะเป็นยังไง ? นางจะหาสุดยอดสัตว์อสูร
ศักด์ิสิทธ์ิพบได้ยังไง ?
ตอนนี้ทั้งสองคนเหมือนกับหิ่งห้อยในยามค่ำคืนที่มืดมิด พวกเขาได้
กลายเป็นจุดสนใจของทุกคน พวกเขาไม่อาจจะปกปิดตัวตนได้อีก
ต่อไป หากพวกเขาเผยตัวตนของตัวเองออกมาเอง พวกเขาคงไม่
กังวลอะไร แต่พวกเขากังวลว่าเจ้าสำนักจะโกรธ !
ต้องรู้ก่อนว่าพวกเขายังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเจ้าสำนัก เพราะพวกเขา
คิดว่าจะทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ
ทั้งสองมองไปที่เฉินกูแต่หลัก ๆ แล้วพวกเขาสนใจท่าทีของเจ้าสำนัก
มากกว่า
“พูดอะไรนั้นพวกเจ้ารู้ดีแก่ใจ!” เฉินกูฮึดฮัดออกมา จากนั้นก็บอกกับ
ทุกคน “ยอดฝีมือระดับสูงสุดของเผ่ามังกร ถึงกับมาแฝงตัวอยู่ในสำนัก
คังเฉียง มันต้องมีเป้าหมายบางอย่าง ทุกคนระวังตัวเอาไว้ด้วย !”
อันที่จริงเฉินกูก็ไม่พอใจเผ่ามังกรเท่าไหร่นัก เผ่ามังกรถือว่าเป็นคน
ของเผ่าสัตว์อสูร แต่เพราะเผ่ามังกรแข็งแกร่งขึ้นจึงได้แยกตัวออกไป
จากเผ่าสัตว์อสูร เผ่าสัตว์อสูรจึงตกต่ำลง ในความเห็นของเฉินกูแล้ว
มันไม่ได้ต่างอะไรจากคนทรยศ และยังเป็นคนทรยศที่แข็งแกร่ง แม้ว่า
เผ่าสัตว์อสูรจะร่วมมือกัน แต่ก็ไม่อาจจะเป็นคู่มือกับเผ่ามังกรได้
เฉินกูเกลียดเผ่ามังกรและยังหวั่นเกรงเผ่ามังกรด้วย
เมื่อได้ยินที่เฉินกูพูดมา อ้าวอู่เหยียนก็หน้าซีดลง “ราชาสัตว์อสูร เจ้า
คนไร้ความรับผิดชอบ เจ้าไม่ได้มีหลักฐานอะไร ทำไมถึงได้มา
ปรักปรำเรา !”
อ้าวเยว่เองก็ใจหล่นวูบ นางรู้สึกค่อนข้างแย่กับเรื่องนี้
แต่สิ่งที่ทำให้ทั้งสองแปลกใจคือ เจ้าสำนักกลับไม่ได้แปลกใจกับ
ตัวตนของทั้งสองคน เขากลับหัวเราะออกมา “ฮาฮา อาจารย์เฉิน ไม่
ต้องกังวลไป ข้ารู้ตัวตนของทั้งคู่มาตั้งแต่แรกแล้ว ข้ารู้ดีกว่านี้ด้วยซ้ำ
ไม่ต้องกังวลไป”
เฉินกูตะลึงและมองไปที่เจ้าสำนักด้วยความสับสน “เจ้าสำนัก ท่านรู้
ตัวตนของพวกนี้แล้วรึ ?”
อ้าวเยว่และอ้าวอู่เหยียนต่างก็สงสัย พวกเขาปิดบังตัวเองอย่างดี พวก
เขาไม่ได้เผยจุดอ่อนเลยแม้แต่น้อย เจ้าสำนักรู้ตัวตนของพวกเขาได้
ยังไง ? หากเจ้าสำนักรู้ตัวตนของพวกเขาแล้ว ทำไมถึงรับพวกเขา
เข้าสำนักคังเฉียง เจ้าสำนักรู้ความลับอะไรบ้าง ?
“พวกท่านปกปิดอะไรข้าไม่ได้มากหรอก” เจ้าสำนักยิ้มออกมา “เอา
ล่ะ นั่งลงก่อน อย่าทำให้บรรยากาศเสีย ทุกคนต่างก็เป็นอาจารย์ของ
สำนักคังเฉียงไม่ใช่รึ? นั่งลงและพูดคุยกันดี ๆ ใช่สิ อาจารย์เฉินคง
ยังไม่รู้ สองคนนี้คืออาจารย์ใหม่ของพวกเรา ข้าขอแนะนำพวกเขา
ให้รู้จัก”
เฉินกูนั่งลงข้างเจ้าสำนัก แต่สายตาเขายังจับจ้องไปที่อ้าวเยว่และอ้าว
อู่เหยียน โดยเฉพาะอ้าวเยว่ที่ทำให้เขารู้สึกถึงอันตราย
เจ้าสำนักยิ้มออกมา “คนข้าง ๆ ท่านอู่ คืออาจารย์อ้าวอู่เหยียน” เจ้า
สำนักเงียบไปชั่วครู่และพูดต่อ “อาจารย์อ้าวอู่เหยียนไม่ใช่แค่ยอด
ฝีมือระดับสูงสุด แต่ยังมีอีกสถานะหนึ่ง นั่นก็คือ…องค์รัชทายาทของ
เผ่ามังกร”
เฉินกูที่เพิ่งจะนั่งลงก็อึ้งไปกับคำพูดของเจ้าสำนัก และมองไปที่อ้าว
อู่เหยียนด้วยความตกใจ
อู่ฉิงฉวน,โอวเสินเฟิงและคนอื่น ๆ เองก็มองไปที่อ้าวอู่เหยียนด้วย
สีหน้าเหลือเชื่อ ศิษย์ทั้งมนุษย์และสัตว์อสูรต่างก็มองไปที่อ้าวอู่
เหยียนด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
องค์รัชทายาทของเผ่ามังกร !
แม้ว่าจะไม่รู้จักเผ่ามังกรดีนัก แต่มันก็ชัดเจนแล้วว่าองค์รัชทายาท
ของเผ่ามังกรนั้นคือตัวตนที่สูงส่ง เขาคือคนที่จะขึ้นเป็นราชาใน
อนาคต ใครกันที่จะใจเย็นอยู่ได้เมื่อเผชิญหน้ากับคนระดับนี้ ?
นี่คือองค์รัชทายาท เขาคือว่าที่ราชาในอนาคต !
ราชามังกรทุกคนต่างก็เป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของทวีปป่ า แม้ว่าจะ
มีคนอย่างเจ้าสำนักอยู่ เลยทำให้อันดับหนึ่งของราชามังกรนั้นลดลง
มา แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น ก็ไม่มีใครสงสัยในความน่ากลัวของราชา
มังกรได้ อ้าวอู่เหยียนคือองค์รัชทายาทของเผ่ามังกร ไม่ใช่ว่าเขาจะ
เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นอันดับสองของทวีปป่าในอนาคตไม่ใช่
หรือไง?
สายตาของคนอื่น ๆ ที่มองไปยังอ้าวอู่เหยียนเปลี่ยนไปอย่างมาก
องค์รัชทายาทของเผ่ามังกรนั้นมีฐานะที่สูงส่งกว่าเฉินกูที่เป็นราชา
สัตว์อสูรอีก
อ้าวอู่เหยียนตกตะลึงกับคำพูดของจางหยู เขาสับสนและคิดอะไรไม่
ออก
“อีกคนคือ อาจารย์อ้าวเยว่” จางหยูไม่ได้สนใจสีหน้าแปลกใจของ
ทุกคนและพูดต่อ “อาจารย์อ้าวเยว่เองก็เหมือนกับอาจารย์อ้าวอู่เหยียน
นางมีอีกสถานะหนึ่ง นั่นก็คือ…ผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่ามังกร ยิ่งไป
กว่านั้นนางยังเป็นน้องสาวของราชามังกรด้วย”
ทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้น ทุกคนในโรงอาหารต่างก็พากันเงียบ
ผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่ามังกร ตัวตนนี้ก็สูงส่ง ! ยิ่งไปกว่านั้นนางก็เป็น
ถึงน้องสาวของราชามังกรอีกด้วย!
อ้าวเยว่มองไปที่เจ้าสำนักด้วยสีหน้าแปลกใจ ใบหน้าที่เย็นชากลับ
แสดงความกังวลที่หายากออกมา
“เขารู้ตัวตนของเราได้ยังไง ?” ในหัวอ้าวเยว่คิดเพียงแค่ว่า อ้าวอู่เหยียน
เป็นคนบอกเรื่องนี้ ไม่งั้นแล้วแม้ว่าจางหยูจะรู้ว่าพวกเขามาจากเผ่า
มังกร แต่ก็คงไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดและองค์รัชทายาท
ของเผ่ามังกร แต่เมื่อนางเห็นสีหน้าที่ตกตะลึงของอ้าวอู่เหยียน นาง
ก็ตัดความคิดนี้ทิ้งไป หากอ้าวอู่เหยียนเป็นคนบอกเรื่องนี้ เขาคงไม่
ตะลึงแบบนี้
แต่ถ้าไม่ใช่อ้าวอู่เหยียนที่เป็นคนบอกแล้วเจ้าสำนักรู้ได้ยังไง ?
อ้าวเยว่คิดไม่ออก นางมั่นใจว่าไม่เคยพบกับจางหยูมาก่อน แม้แต่
ราชามังกรก็ยังไม่รู้จักจางหยู แต่จางหยูกลับเหมือนรู้จักพวกเขาดี…
“เจ้าสำนักรู้ตัวตนของพวกเรา แต่ยังให้เราเข้าร่วมกับสำนักคังเฉียง”
อ้าวเยว่ไม่เข้าใจความคิดของจางหยู
“องค์รัชทายาทกับผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่ามังกร!” เฉินกูสีหน้าเคร่ง
เครียดอย่างมาก “ผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่ามังกรแข็งแกร่งกว่าข้าอีกรึ?”
หากไม่ได้ประมือกันจริง ๆ เฉินกูก็ไม่อาจจะตัดสินความแข็งแกร่ง
ของอ้าวเยว่และอ้าวอู่เหยียนได้ชัดเจนนัก เขาตัดสินได้จากพลังที่ทั้ง
คู่แผ่ออกมา จึงคาดเดาระดับความแข็งแกร่งได้ พลังที่อ้าวเยว่แผ่ออก
มานั้นแข็งแกร่งกว่าเขา เป็นธรรมดาที่เขาจะไม่กล้าลงมือกับอ้าวเยว่
ในหัวเขามีความคิดโผล่มามากมาย เฉินกูสูดหายใจเข้าลึก ๆ และพูด
ขึ้นมาด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด “เผ่ามังกรอยู่ที่ทะเลมานานและหายาก
ที่จะปรากฏตัวสักครั้ง นี่ไม่ต้องนับองค์รัชทายาทกับผู้อาวุโสสูงสุด
ของเผ่ามังกรเลย การที่เจ้าสองคนโผล่มาที่ทวีปป่ านี้ก็ถือว่าเป็นเรื่อง
พิเศษ”
เขาพูดตามที่เขาคิด
“เราจะไปที่ไหนแล้วเจ้ามาเกี่ยวอะไรด้วย?” หากเผชิญหน้ากับเฉินกู
เพียงลำพัง อ้าวอู่เหยียนคงไม่พูดแบบนี้ออกมา แต่เมื่อมีน้าเขาอยู่
ด้วย อ้าวอู่เหยียนก็กล้าขึ้นมาโดยไม่กลัวเฉินกูเลยแม้แต่น้อย
ตอนนี้เขาไม่อาจแสดงท่าทีหวาดกลัวออกมาได้ ไม่งั้นแล้วมันจะไม่
หมายความว่าพวกเขามีจุดประสงค์อื่นแอบแฝงหรือไง ?
แม้ว่า….จุดประสงค์ของพวกเขาจะไม่ธรรมดาก็ตาม
“ฮี่ฮี่ ทั้งสามคนอย่าใจร้อนไป” เจ้าสำนักพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “ทั้ง
สามคนต่างก็เป็นอาจารย์ของสำนักคังเฉียง เป็นสมาชิกที่สำคัญของ
สำนักคังเฉียง ข้าหวังว่าพวกท่านจะมองข้ามความบาดหมางและเชื่อ
ใจกัน ท่านเองก็ใจเย็นลงได้แล้ว ไม่ว่าทั้งสองจะมีจุดประสงค์อะไร
ตราบใดที่ไม่ส่งผลเสียต่อสำนักคังเฉียง มันก็ไม่สำคัญ”
เฉินกูเงียบไปก่อนจะพูดขึ้น”เจ้าสำนัก ข้าต้องการประมือกับอาจารย์
อ้าวเยว่ !”
เขามองไปที่อ้าวเยว่ เขารู้สึกได้ถึงอันตราย และท่าทีที่อ้าวเยว่แสดง
ออกมา ก็ทำให้เขาไม่พอใจ
เจ้าสำนักยักคิ้วและพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่เย็นชา “อาจาร์เฉิน อย่าให้
มากเกินไป !”
เมื่อเห็นท่าทีไม่พอใจของเจ้าสำนัก เฉินกูก็อดไม่ได้ที่จะกังวล “เจ้า
สำนัก ข้าไม่ได้ต้องการอย่างอื่น ข้าแค่ต้องการประลองกับอาจารย์
อ้าวเยว่เท่านั้น ข้ารับปากว่าจะหยุดไม่ให้เกิดอันตรายขึ้น”
เจ้าสำนักมองไปที่อ้าวเยว่และถามขึ้นมา “อาจารย์อ้าวเยว่ ว่ายังไง ?
สบายใจได้ ไม่มีใครบังคับท่านหากท่านไม่ต้องการ”
“ข้าตกลง” อ้าวเยว่เงยหน้าขึ้นมองเฉินกูและพูดด้วยท่าทีเย็นชา
“ไม่ !” สีหน้าของอ้าวอู่เหยียนเปลี่ยนไป เขาพูดขึ้นมาด้วยความ
กังวล “ท่านน้า ท่านลืมไปแล้วหรือว่าพลังจิตของท่านยังไม่ฟื้นฟู !”
อ้าวเยว่มองไปที่อ้าวอู่เหยียนด้วยสายตาที่เย็นชา ก่อนจะพูดขึ้นมา
“อะไร?” พลังจิตของนางยังไม่ฟื้นฟูแต่นางก็ยังมั่นใจว่าจะเอาชนะ
เฉินกูได้ ช่องว่างระหว่างยอดฝีมือระดับสูงกับระดับสูงสุดไม่ใช่
น้อย ๆ เลย
เฉินกูตะลึง “พลังจิตรึ ?” เขาไม่รู้ว่าอ้าวเยว่ได้ประมือกับจางหยูมา
ก่อน และยังไม่ฟื้นฟูตัวเองดี ไม่งั้นแล้วด้วยนิสัยทระนงตนของเขา
เขาคงไม่มีทางที่จะท้าทายอ้าวเยว่ในตอนที่อ่อนแอแบบนี้
“สิ่งที่อาจารย์อ้าวอู่เหยียนกังวล ใช่ว่าจะไร้เหตุผล ดังนั้นการประมือ
ของทั้งสองคนเอาเป็นสามวันจากนี้เป็นยังไง?” เจ้าสำนักยิ้มออกมา
“อาจารย์อ้าวเยว่ ในช่วงกลางวันท่านทำการฟื้นฟูตัวเอง หากต้องการ
ยาอะไรก็ให้อู่โม่ปรุงให้ ด้วยระดับการปรุงยาของเขาแล้ว ยาทั่วไป
ไม่น่าจะสร้างปัญหาให้กับเขาได้”
เฉินกูและอ้าวเยว่ต่างก็พยักหน้า
“โอ้ อย่ายืนนิ่งกันสิ มา รีบมากินเร็วเข้า” เจ้าสำนักพูดขึ้นมา
เมื่อได้ยินคำสั่งนั้น ทุกคนก็กลับมากินอาหารกันอีกรอบ แต่ในใจ
พวกเขากลับจดจ่อกับการต่อสู้ระหว่างอ้าวเยว่และเฉินกูในอีกสามวัน
จากนี้ อาหารที่อยู่ตรงหน้ายากที่จะทำให้พวกเขาสนใจได้อีกต่อไป
แต่ละคนต่างก็ดูเหม่อลอย พวกเขาอยากให้เวลานั้นมาถึงเร็ว ๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบเจ้าสำนัก