ระบบเจ้าสำนัก นิยาย บท 419

ตอนที่ 419 ประชุม
“อาจารย์เฉิน รอสักครู่” อู่ฉิงฉวนรีบเข้าไปในครัว และไม่นานก็
กลับมาพร้อมกับถาดอาหารซึ่งมีอาหารอยู่มากมาย
เฉินกูตอบกลับด้วยความสุภาพ “รบกวนท่านจริง ๆ ท่านอู่”
แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งกว่าอู่ฉิงฉวน แต่เฉินกูก็ยังแสดงท่าทีสุภาพต่อ
อู่ฉิงฉวน อันที่จริงแล้ว สำหรับอาจารย์และศิษย์ของสำนักคังเฉียง
แล้ว เฉินกูมักจะแสดงท่าทีเป็นกันเองออกมา เขาเก็บความหยิ่งทะนง
ของตัวเองเอาไว้ ผู้คนที่ไม่รู้จักฐานะของเขาอาจจะไม่เชื่อว่าชายหนุ่ม
ที่แสดงท่าทีถ่อมตัวและสุภาพผู้นี้ คือราชาสัตว์อสูรที่โด่งดัง
ถึงอย่างนั้น เฉินกูกลับไม่ได้แสดงท่าทีเป็นมิตรกับอ้าวเยว่และอ้าวอู่
เหยียน
เฉินกูไปนั่งข้าง ๆ เจ้าสำนัก เขาไม่ได้ขยับปากแต่ทำการส่งข้อความ
แทน “เจ้าสำนัก ท่านเชื่อจริง ๆ หรือว่าพวกนั้นไม่ได้มีจุดประสงค์
แอบแฝงกับการมาที่นี่?”
พวกนั้นที่ว่า หมายถึงอ้าวเยว่และอ้าวอู่เหยียน
“สำคัญด้วยรึ ?” เจ้าสำนักยิ้มออกมาและตอบกลับ “ยอดฝีมือระดับ
สูงสุดทั้งสองนี้มาจากเผ่ามังกร ถ้าหากเป็นท่าน ท่านจะปฏิเสธได้รึ ?”
เขาไม่ได้โง่และเดาได้ว่าอ้าวเยว่และอ้าวอู่เหยียน มาที่ทวีปป่ าแห่งนี้
เพราะจุดประสงค์พิเศษ ตอนแรกอ้าวเยว่และอ้าวอู่เหยียนต่างก็ปกปิด
ฐานะของตัวเอง แค่นี้ก็สมควรจะตรวจสอบพวกเขา
แต่เจ้าสำนักกลับไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย
ทั้งอ้าวเยว่และอ้าวอู่เหยียนต่างก็หลงเชื่อคำพูดของจางหยูแล้ว ทั้งสอง
ไม่อาจจะหวั่นไหวกับเรื่องอื่นได้ แน่นอนว่าสิ่งที่ทำให้เขาสบายใจ
จริง ๆ คือ ทั้งสองคนได้ลงชื่อในสัญญานภาแล้ว ด้วยพลังของสัญญา
นั้นก็เป็นไปไม่ได้ที่ทั้งสองจะหักหลังสำนักคังเฉียง แม้ว่าจะมีเป้าหมาย
พิเศษ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างความเสียหายให้กับสำนักคังเฉียง
เฉินกูได้ยินแบบนั้นก็ตกใจขึ้นมา “เจ้าสำนักรู้ถึงท่าทีที่แปลกประหลาด
ของพวกนี้อยู่แล้วรึ ?”
เขาสับสนนิด ๆ ในเมื่อเจ้าสำนักรู้ว่าทั้งสองคนมีจุดประสงค์ที่แอบ
แฝง แต่ทำไมถึงรับทั้งสองเข้าสำนักคังเฉียงล่ะ? ไม่ใช่ว่าเอาหมาป่ า
เข้าคอกแกะรึ ?
อยู่ ๆ เขาก็นึกถึงคำพูดที่เจ้าสำนักเพิ่งพูดไปและค่อย ๆ รู้ตัว “เจ้าสำนัก
ไม่ได้สนใจพวกนั้นเลยแม้แต่น้อยรึ ?” เขาตะลึง “พลังของผู้หญิงคน
นั่นแข็งแกร่งกว่าข้ามาก อย่างน้อยก็อยู่ระดับเดียวกับราชามังกร ยอด
ฝีมือแบบนี้กลับไม่ได้อยู่ในสายตาของเจ้าสำนักเลยรึ ?”
เฉินกูถือว่าจางหยูแข็งแกร่งทัดเทียมกับราชามังกร แต่ตอนนี้เขารู้สึก
ว่าเขาประเมินเจ้าสำนักต่ำไป
“ไม่ต้องรีบร้อน กินซะก่อน” เจ้าสำนักบอกกับเฉินกู
เฉินกูไม่อาจจะคาดเดาคำตอบได้ เขาต้องกินพร้อมกับนั่งคิดไปด้วย
หลังจากนั้นสักพักทุกคนก็กินเสร็จ และแยกย้ายกลับไปทำธุระของ
ตัวเอง ตอนที่กำลังจะเดินออกไปนั้น อ้าวเยว่ได้มองมาที่เฉินกูและ
ส่งข้อความให้ “อีกสามวันจากนี้ข้าจะรอเจ้าที่สำนักคังเฉียง”
“ได้” เฉินกูไม่ได้กลัวอ้าวเยว่ แม้ว่าจะด้อยกว่าก็ตาม เขากลับคาดหวัง
กับอีกสามวันหลังจากนี้
อ้าวเยว่หันหลังกลับและเดินออกไปพร้อมกับอ้าวอู่เหยียน ก่อนที่
ร่างของพวกเขาจะหายไปในความมืดมิด
เฉินกูมองตามด้วยสีหน้าเฉยชา แต่ไม่มีใครบอกได้เลยว่าเขาคิดอะไร
อยู่ หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจเฉินกูก็ได้ละสายตากลับมาแล้วลุกขึ้น เตรียม
จะออกจากที่นั่น
“อาจารย์เฉิน รอสักเดี๋ยว” เจ้าสำนักพูดขึ้นมา
“เจ้าสำนัก” ท่าทีของเฉินกูยังคงดูสภาพ
“ท่านไม่ต้องกังวลเรื่องสุดยอดสัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิหรอก” เจ้าสำนัก
ยิ้มและพูดขึ้นมา “ข้าได้พาพวกนั้นไปยังที่ลับแล้ว มันปลอดภัยและ
ไม่มีใครหาพบ เมื่อถึงเวลา ข้าจะพาท่านไปดู ข้าเชื่อว่าพวกท่าน
น่าจะมีเรื่องพูดคุยกันมากมาย”
เฉินกูตอบกลับทันที “ขอบคุณเจ้าสำนัก !”
เมื่อได้พูดคุยกับเจ้าสำนัก เฉินกูก็โล่งอกขึ้นมาทันที เมื่อเจ้าสำนัก
บอกว่าไม่มีใครหาที่นั่นเจอ ก็ไม่มีใครหาเจอ สำหรับเจ้าสำนักแล้ว
เฉินกูเชื่อแบบสนิทใจ ตอนแรกเฉินกูก็กังวลนิด ๆ ว่า อ้าวเยว่และ
อ้าวอู่เหยียนมาเพราะเรื่องสุดยอดสัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิ แต่ตอนนี้เขา
ไม่กังวลแล้ว
….
ที่เขตกลาง
ในจักรวรรดิฉินด้านบนยอดเขามีคฤหาสน์หลังใหญ่ตั้งอยู่ ท่ามกลาง
แสงจันทร์ที่สาดทอลงมา มีหลายร่างนั่งอยู่ในสวนภายในคฤหาสน์
ทางทิศใต้, ตะวันออก, ตะวันตกและเหนือมีสี่คนนั่งอยู่ตามสี่ทิศทาง
สีหน้าของทั้งสี่คนดูเคร่งเครียดแต่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา ทำให้ที่
นั่นเงียบสนิท
เวลาผ่านไปช้า ๆ ดวงจันทร์บนท้องฟ้าค่อย ๆ ลอยสูงขึ้นและแสง
จันทร์ก็สว่างขึ้นเรื่อย ๆ ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ในที่สุดก็มีเสียง
แก่ ๆ ดังขึ้นมา “พวกเจ้าคิดว่ายังไง?”
“แผน มันต้องเป็นแผนแน่ ๆ ! ราชาสัตว์อสูรคงกลัวว่าพวกเราจะ
จัดการกับเขา ดังนั้นเขาจึงมาขู่เรา…”
“ระยะเวลาที่เราเคยรับมือกับราชาสัตว์อสูรไม่ใช่สั้น ๆ เขาเป็นคนแบบ
ไหน ข้าคิดว่าทุกคนคงจะรู้ เอาจริง ๆ แล้วข้าไม่เชื่อว่าคนเย่อหยิ่ง
แบบเขาจะยอมรับคำสั่งจากคนอื่น …”
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทั้งสี่คนนี้คือยอดฝีมือระดับสูงสุดทั้งสี่คนของ
มนุษย์ เซียนโอสถ, เซียนหลอม, เซียนอักษรและเซียนค่ายกล
“เซียนอักษร เจ้าคิดว่ายังไง?” เซียนค่ายกลมองไปที่เซียนอักษร
“เซียนโอสถและเซียนหลอมพูดถูก อย่าตัดความเป็นไปได้ที่ราชา
สัตว์อสูรจะทำให้เรากลัวออก” เซียนอักษรคิดและพูดขึ้น “แต่ข้าเชื่อ
ว่าราชาสัตว์อสูรคงไม่ได้โกหก”
เซียนค่ายกลถามขึ้นมา “ทำไมกัน ?”
เซียนอักษรวิเคราะห์ “เซียนหลอมเพิ่งจะพูดไป ราชาสัตว์อสูรนั้น
เย่อหยิ่ง คนแบบเขาไม่ได้สนใจเรื่องวางแผนหรอก”
“ใครจะไปรู้ได้? ใครกันที่จะรับรองได้ว่าเขาจะไม่ทำเรื่องผิดปกติ
เพื่อเอาตัวรอด?” เซียนโอสถค้านขึ้นมา
“ใช่ แค่เรื่องนี้ไม่อาจจะพิสูจน์อะไรได้” เซียนหลอมพยักหน้า
“หากเขาต้องการโกหกเราจริง ๆ ทำไมต้องแต่งเรื่องที่ฟังดูเกินจริง
แบบนั้นด้วย?” เซียนอักษรมองไปรอบ ๆ และถามขึ้นมา “ความฉลาด
ของราชาสัตว์อสูร พวกเจ้าก็เคยเห็นมาแล้ว แม้ว่าจะไม่เคยเห็นแต่ก็
ต้องเคยได้ยินมาบ้าง เขาคือคนฉลาด หากต้องการจะแต่งเรื่อง พวก
เจ้าคงมองไม่ออกแน่ …”
ตอนนั้นเองสวนก็กลับคืนสู่ความเงียบอีกครั้ง
หลังจากนั้นสักพัก เซียนค่ายกลก็พูดขึ้นมา “เราจะไปที่ภูเขาร้างกัน
แน่รึ?”
“ไป !” เซียนโอสถ, เซียนช่างและเซียนอักษรตอบกลับเป็นเสียง
เดียวกัน
ไม่ว่าจะเป็นกับดักหรือไม่ แต่พวกเขาก็ต้องไป ในเรื่องนี้ เซียนโอสถ,
เซียนหลอมและเซียนอักษรต่างก็เห็นพ้องต้องกัน
เซียนค่ายกลพยักหน้า “ดี ในเมื่อทุกคนคิดเห็นเหมือนกันก็ออก
เดินทางในวันมะรืน” เซียนค่ายกลเงียบไปชั่วครู่และพูดต่อ “ตัดสิน
แล้วว่าเราจะไปยังภูเขาร้าง เรื่องต่อไปข้าอยากรู้ว่าพวกเจ้าคิดยังไง
กับการปรากฏตัวของคนเผ่ามังกรที่สมาคมค่ายกล”
เมื่อได้ยินแบบนั้นสีหน้าของทุกคนก็ดูเคร่งเครียดกันขึ้นมา เผ่ามังกร
เผ่าที่แข็งแกร่งที่ถือว่าปกครองทวีปป่ าแห่งนี้ ราชามังกรที่ถือว่าเป็น
ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกนี้ ต่อหน้าเผ่าที่แข็งแกร่งแบบนั้น ใครกันที่
จะกล้าหาเรื่องด้วย?
แม้แต่เซียนโอสถที่มักจะแสดงท่าทีหยิ่งทะนง ก็ไม่กล้าออกความเห็น
ในปัญหานี้
เมื่อเห็นว่าทุกคนไม่พูดอะไรออกมา เซียนค่ายกลก็ถอนหายใจก่อน
จะพูดขึ้น “ถ้าเช่นนั้นเรารวบรวมข้อมูลกันก่อนแล้วค่อยมาพูดคุย
เรื่องนี้กันภายหลัง”
“เผ่ามังกร เราไม่อาจจะควบคุมพวกเขาได้” เซียนโอสถเงียบไปและ
ส่ายหน้า “ไม่ว่าพวกเขาจะมีเป้าหมายอะไร เราก็ไม่อาจจะเข้าไปยุ่ง
ด้วยได้ สิ่งเดียวที่เราทำได้คือมองข้ามและไม่ไปหาเรื่องพวกนั้น”
ไม่มีใครหัวเราะเยาะเซียนโอสถ เพราะพวกเขาก็คิดแบบนั้นเช่นกัน
การที่มนุษย์ถูกกดขี่แบบนี้ไม่ใช่เรื่องน่าอาย ศักด์ิศรีไม่มีทางดีไป
กว่าการจะมีชีวิตอยู่ต่อได้ !
เซียนอักษรก้มหน้า และคิดสักพักก่อนจะพูดขึ้นมาอย่างใจเย็น “ข้า
เดาว่าเป้าหมายของพวกเขาก็น่าจะเหมือนกับเรา”
เซียนค่ายกลลองคิดตามและเงยหน้าขึ้นมา “เจ้าหมายความว่าเป้าหมาย
ของพวกเขา ก็คือสุดยอดสัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิรึ ?”
“เหตุการณ์ผิดปกติกับการกำเนิดของสุดยอดสัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิเกิด
ขึ้นไปทั่วทั้งโลก การที่คนของเผ่ามังกรเข้ามาในทวีปป่ านี้ไม่น่าจะ
เดาได้ยาก” เซียนอักษรพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “นอกจากเรื่อง
สุดยอดสัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิแล้ว ข้าคิดเรื่องอื่นไม่ได้จริง ๆ บนทวีป
ป่ าของเรานี้มีอะไรที่คู่ควรที่เผ่ามังกรต้องมาที่นี่…”
“อีกอย่างแล้ว สุดยอดสัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิก็เกิดมาตั้ง 16 ตัว แม้แต่เผ่า
มังกร ข้าเกรงว่าพวกเขาคงไม่อาจจะนิ่งเฉยได้เหมือนกัน?”
หากปล่อยให้สุดยอดสัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิทั้ง 16 เติบโตขึ้นมา แม้แต่
เผ่ามังกรก็อาจจะไม่ใช่คู่มือของพวกนั้น
ในเรื่องนี้ไม่มีใครเห็นแย้งเลยสักคน !
“สุดยอดสัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิทุกตัว ต่างก็สามารถพัฒนาขึ้นเป็นยอด
ฝีมือระดับสูงสุดได้ ตราบใดที่ไม่ตายก่อน พวกมันก็สามารถขึ้นเป็น
ยอดฝีมือระดับสูงสุดได้ในอนาคต และทัดเทียมได้กับราชามังกร
สุดยอดสัตว์อสูรศักด์ิสิทธ์ิมีถึง 16 ตัว แต่ราชามังกรมีแค่คนเดียว
เมื่อพวกนั้นร่วมมือกัน นี่ไม่ต้องนับเผ่ามนุษย์เลย แม้แต่เผ่ามังกรที่
แข็งแกร่งก็ไม่อาจจะหนีจากโชคชะตาที่ถูกกวาดล้างได้”
เซียนอักษรพูดขึ้นมาพร้อมกับยิ้ม “มังกรไม่ได้โง่ พวกเขาต้องลงมือ
บ้างและยอดฝีมือระดับสูงสุดของเผ่ามังกรก็ได้มายังสมาคมค่ายกล
เป้าหมายของพวกนั้นคงไม่จำเป็นต้องพูดถึง”
เมื่อได้ยินแบบนั้นเซียนโอสถก็ดวงตาเป็นประกายขึ้นมา
“หากเป้าหมายของพวกนั้นเหมือนกับเรา มีโอกาสหรือไม่ที่พวกเรา
จะร่วมมือกับพวกนั้น?” เซียนโอสถถามขึ้นมา เซียนค่ายกลและ
เซียนหลอมต่างก็คาดหวังกับผลลัพธ์นี้
แต่เซียนอักษรได้พูดขึ้นมาทำลายความหวังของพวกเขา “เป็นไป
ไม่ได้ !”
เซียนโอสถคิ้วขมวด “ทำไมถึงไม่ได้ ?”
“เผ่ามังกรเย่อหยิ่งแค่ไหน เจ้ายังไม่รู้อีกรึ ? อย่าพูดถึงมังกรที่เป็น
ยอดฝีมือระดับสูงสุดเลย แม้แต่มังกรทั่วไปก็ใช่ว่าจะเย่อหยิ่งน้อย
กว่าราชามังกร” เซียนอักษรฮึดฮัดออกมา “พูดกันตามตรงแล้ว เผ่า
มังกรนั้นดูถูกมนุษย์ แม้ว่าเราจะเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดเหมือนกัน
แต่พวกนั้นก็ไม่เห็นพวกเราอยู่ในสายตาหรอก ท่าทีที่พวกนั้นแสดง
ออกมาที่สมาคมค่ายกลนั้นไม่เพียงพอที่จะอธิบายถึงปัญหานี้รึ ?
พวกที่เย่อหยิ่งแบบนั้นจะยอมร่วมมือกับพวกเรางั้นรึ ?”
สีหน้าของเซียนทั้งสามต่างก็บิดเบี้ยวไป แต่พวกเขาก็ต้องยอมรับว่า
ที่เซียนอักษรพูดมานั้นก็มีเหตุผลอย่างมาก ถึงพวกเขาจะไปหามังกร
ทั้งสอง แต่พวกนั้นอาจจะไม่สนใจพวกเขา หากเป็นแบบนั้นจริง ทั้ง
สี่คนคงเสียหน้าอย่างมาก !
“แม้ว่าข้าจะหาโอกาสเริ่มต้นการร่วมมือกับพวกนั้นไม่ได้ แต่ด้วย
ตำแหน่งที่เทียบเท่ากันนี้ พวกเราคงไม่ต้องกังวลว่าพวกนั้นจะสร้าง
ปัญหาขึ้นมา” เซียนอักษรพูดขึ้นมา “อย่างมากเราก็ไม่ต้องไปขัดขา
กัน ดังนั้นแม้ว่าจะไม่ได้ร่วมมือกันแต่มันก็ไม่ได้ต่างอะไรจากการ
ร่วมมือกันจริง ๆ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบเจ้าสำนัก