ใบหน้าของอันหลินเห่อร้อน ถูกคำพูดของซูเฉี่ยนอวิ๋นทำเอาสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
นานกว่าเขาจะหลุดจากภวังค์คำพูดของซูเฉี่ยนอวิ๋นได้ เขาถามขึ้นอย่างประหลาดใจว่า “ฉางเอ๋อหรือ ฉางเอ๋อที่อยู่บนตำหนักกว่างหานกง[2]คนนั้นใช่ไหม นางเป็นพี่สาวของเจ้าหรือ”
“อืม ไม่ใช่พี่สาวโดยสายเลือดหรอก พี่สาวร่วมสาบานน่ะ นางดีกับข้ามากเลยล่ะ เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของข้า”
พอพูดถึงฉางเอ๋อ ใบหน้าของซูเฉี่ยนอวิ๋นก็มีรอยยิ้ม
อันหลินก็เกิดความสนใจขึ้นมาแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าฉางเอ๋อในตำนานของโลก จะมีอยู่ในดินแดนนี้ด้วยเหมือนกัน
อันหลินอดคิดไปต่างๆ นานาไม่ได้ เขาถามต่ออีกว่า “บนดวงจันทร์มีกระต่ายที่ตำยาอยู่อีกตัว กับผู้ชายที่ตัดต้นไม้ทุกวันด้วยไม่ใช่หรือ”
“อ๋อ เจ้าหมายถึงเสี่ยวเยว่สินะ มันปรุงยาบนดวงจันทร์น่ะ อีกอย่าง ตำหนักกว่างหานกงมีกฎหมายเป็นลายลักษณ์อักษร ห้ามบุรุษรุกล้ำกล้ำกราย เจ้าบอกว่ามีผู้ชายตัดต้นไม้ที่นั่น จะเป็นไปได้อย่างไร!” ซูเฉี่ยนอวิ๋นตอบยิ้มๆ
“แบบนี้นี่เอง” อันหลินพยักหน้า
ท่าทางความเป็นจริงของที่นี่ กับตำนานบนโลกจะมีความคลาดเคลื่อนอยู่บ้าง
“โฮ่วอี้[3]กับฉางเอ๋อยังเป็นสามีภรรยากันอยู่หรือเปล่า” อันหลินถามต่อด้วยความสงสัย
“จะเป็นไปได้อย่างไร พี่ฉางเอ๋อเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของสรวงสวรรค์ คนตามเกี้ยวนางต่อแถวตั้งแต่สรวงสวรรค์ไปถึงวังมังกรทะเลตะวันออก จะหลงรักเซียนพสุธาคนที่ทำเป็นแค่ยิงจันทราได้อย่างไร”
“ยิงจันทราหรือ” คราวนี้อันหลินงงยิ่งกว่าเดิม
“เพราะคนที่ตามเกี้ยวพี่ฉางเอ๋อมีมากเหลือเกิน นางจึงตั้งกฎข้อหนึ่งว่า ใครสามารถยิงธนูจากพื้นดินไปถึงดวงจันทร์ได้ ถึงจะมีสิทธิ์พบหน้านาง” ซูเฉี่ยนอวิ๋นอธิบาย
“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง” อันหลินเข้าใจทันที “แล้วตอนหลังเขายิงธนูไปถึงดวงจันทร์หรือไม่”
ซูเฉี่ยนอวิ๋นส่ายหน้า “เปล่า ได้ยินว่าเขายืนหยัดถึงเก้าปี สุดท้ายเหมือนจะตระหนักรู้ถึงวิถีธนู บรรลุเป็นเซียนพสุธา จากนั้นก็จากไปด้วยความเบิกบานใจ”
อันหลิน “…”
มันแตกต่างกับโฮ่วอี้ในความทรงจำของเขามากเหลือเกิน ทำให้เขาพูดอะไรไม่ออก
“แล้วเจ้าเป็นพี่น้องกับฉางเอ๋อได้อย่างไร”
“เรื่องนี้ต้องย้อนไปตอนที่ข้าอายุห้าขวบ ตอนนั้นพี่ฉางเอ๋อมาเก็บน้ำเย็นจันทราที่แคว้นจื่อซิง ผ่านวังชิงมู่…”
เดิมทีอันหลินแค่ถามไปอย่างนั้น ไม่คิดว่าซูเฉี่ยนอวิ๋นจะบอกเล่าเรื่องราวระหว่างนางกับฉางเอ๋อไม่หยุดโดยไม่ระแวงเลยสักนิด
ซูเฉี่ยนอวิ๋นตั้งใจพูดอย่างมาก ตั้งแต่ผูกพันกับฉางเอ๋อเพราะนางมองออกว่าตนมีพรสวรรค์แต่เด็ก จนถึงตอนที่อยู่กับฉางเอ๋อตอนโตแล้ว ไม่ว่าจะเล็กใหญ่ ต่างก็เล่าให้อันหลินฟังทั้งหมด
ยิ่งอันหลินได้ฟัง ก็ยิ่งรู้สึกกระวนกระวายใจ
นี่ เจ้าเชื่อใจข้าเกินไปหรือเปล่า
แม้แต่เรื่องที่เจ้าไปเที่ยวเล่นที่ดวงจันทร์ ฉางเอ๋อจะจูบเจ้าทุกครั้งที่พบหน้าก็เล่าให้ข้าฟังด้วยหรือ
เดี๋ยวนะ ตอนอายุสิบหก ฉางเอ๋อนอนกอดเจ้าด้วยงั้นเหรอ!
อันหลินตระหนักได้ว่าตัวเองกำลังได้ยินสิ่งที่ไม่ควรเข้าเสียแล้ว
เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ตัวเองต้องประสบกับเหตุไม่คาดฝัน เพราะรู้มากเกินไป เขาจึงรีบหยุดประเด็นสนทนาที่ซูเฉี่ยนอวิ๋นจะพูดต่อทันที
อันหลินเขินอายเล็กน้อย ทำไมซูเฉี่ยนอวิ๋นถึงบอกเขาทุกเรื่อง ไม่สมเหตุผลเอาเสียเลย
มิหนำซ้ำไม่ว่าเขาถามอะไร ซูเฉี่ยนอวิ๋นก็บอก ยังมีความตระหนักรู้ของเทพีอันดับหนึ่งอยู่ไหม
ในตอนนั้นเอง ข้อสันนิษฐานประการหนึ่งก็ผุดขึ้นในใจอันหลินอย่างเลี่ยงไม่ได้
หรือว่านางจะเป็นพวกเอ๋อโดยกำเนิด
“เอ่อ คือว่าพวกเรารีบฝึกฝนกันต่อดีกว่า” อันหลินเสนอความเห็นอย่างจนปัญญา
จู่ๆ ก็ถูกอันหลินพูดแทรก ซูเฉี่ยนอวิ๋นไม่โกรธเคือง กลับตอบอืมอย่างว่าง่าย จากนั้นก็วางมือลงบนโต๊ะ รอเนื้อหาที่อันหลินจะสอนในลำดับต่อไปเงียบๆ
เมื่อเห็นท่าทางในตอนนี้ของนาง ความคิดบางอย่างก็ฉายวาบในสมองของอันหลิน
หลังต่อสู้กับตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็อยากลองดูสักตั้งอยู่ดี
“ต่อไปเราจะมาลองพูดประโยคง่ายๆ กันหน่อย” อันหลินพูดอย่างเคร่งขรึม
พูดจบ เขาก็เขียนสองประโยคลงบนกระดาษแล้วพูดว่า “สิ่งที่จะฝึกต่อไปนี้เป็นโครงสร้างประธานกริยา กรรมที่ง่ายที่สุด เจ้าอ่านตามข้านะ”
“ได้เลย ข้าจะตั้งใจอ่านแน่นอน” ซูเฉี่ยนอวิ๋นใจจดใจจ่อ
“I love you”

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม