เมื่อข้ามม่านแสงสีฟ้ามาแล้ว พวกอันหลินต่างก็ยืนนิ่งอยู่กับที่
พวกเขาคิดว่าหรือจะมาผิดประตู มาผิดสถานที่
ภายในโถงอันโอ่อ่ากว้างขวาง มีโต๊ะ เก้าอี้ ประติมากรรมอันงดงามตั้งเรียงรายอยู่รอบๆ
พื้นและผนังสร้างจากวัสดุผสมสีขาวบางอย่าง เกลี้ยงเกลาและสะอาด ไม่จับฝุ่น
หุ่นจักรกลใหม่เอี่ยมลอยคว้างกลางอากาศ แผ่แสงของโลหะที่เย็นเยียบ
ทุกสิ่งข้างในนี้เป็นระเบียบและสะอาด…
ของทุกชิ้นใหม่เอี่ยม ราวกับเป็นบ้านใหม่อย่างไรอย่างนั้น
ประเด็นที่สำคัญที่สุดคือ ที่นี่ล้ำสมัยเหลือเกิน!
คุณเคยเห็นโบราณสถานที่ใดมีกันดั้มหรือเปล่า
มีที่นี่นี่แหละ!
อันหลินเดินไปยืนตรงหน้าหุ่นจักรกลเหล่านั้นแล้วเพ่งพิศ
รูปลักษณ์ภายนอกของหุ่นจักรกลเหล่านี้คล้ายคลึงกับมนุษย์ ทุกส่วนเต็มไปด้วยลำแสงกระบี่คมกริบ และมีกระบอกผืนกระจายอยู่รอบทิศ ตรงกลางมีลูกกลมๆ ราวกับเป็นขุมพลังงาน…
เขากล้าสันนิษฐานอย่างแม่นยำว่า นี่เป็นกันดั้มมนุษย์!
อันหลินงุงงงขึ้นมาชั่วขณะ ของพวกนี้มาอยู่ในแดนบำเพ็ญเซียนได้อย่างไร มันไม่สมจริงเอาเสียเลย!
เขาลองย้ายกันดั้มมนุษย์ตัวนี้เข้าไปเก็บในแหวนมิติ แต่กลับถูกพลังไร้รูปร่างขัดขวาง ขยับไม่ได้ แถมยังแตะต้องไม่ได้ด้วยซ้ำ มีกำแพงไร้รูปร่างชั้นหนึ่งขวางกั้น
ถึงว่ามีนักพรตเข้ามายังโบราณแห่งนี้ไม่น้อยเลย กันดั้มมากมายวางอยู่ตรงนี้ ไม่มีทางเลยที่พวกเขาจะไม่คิดนอกลู่นอกทาง ท่าทางพวกเขาก็อย่าหวังจะได้ของพวกนี้มาครองเลย
ปลายทางของห้องโถง เป็นเส้นทางมืดสลัวไร้แสงไฟ ให้ความรู้สึกอันตราย
“พี่อัน พวกเราจะทำอะไรต่อไป” เหมียวเถียนเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน
อันหลินก็ตัดสินใจไม่ได้ อันที่จริงก่อนหน้านี้พวกเขาเพียงต้องหาเหตุผลไม่ให้มังกรโกรธก็เท่านั้น เพราะไม่ง่ายเลยกว่าจะเรียกมันออกมาได้ จะบอกว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด ให้มันกลับรังของมันไปคงไม่ได้
พวกเขาแค่นั่งรอบนเก้าอี้สักระยะ จากนั้นค่อยเป่าแตรสัญญาณก็จะออกไปจากที่นี่ได้แล้ว นี่เป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด
แต่ทว่า ที่นี่เป็นโบราณสถาน ที่นี่มีสมบัติ…
การบำเพ็ญเพียรต้องมีทั้งพรสวรรค์และโชค
สำหรับทุกคนแล้ว การเผลอเข้ามายังโบราณสถานโดยไม่ตั้งใจ ไม่แน่ว่าอาจเป็นโชคดีก็ได้
แต่สำหรับมังกรในทะเลสาบแล้ว โบราณสถานแห่งนี้เต็มไปด้วยอันตราย อาจถึงแก่ชีวิตได้
“เอาอย่างนี้ สมาชิกที่อยากผจญภัยในโบราณสถานมากับข้า คนที่ไม่อยากไป รออยู่ที่นี่” อันหลินไม่มั่นใจว่าจะรับรองความปลอดภัยของสมาชิกได้ เขาทำได้แค่เพียงให้สมาชิกตัดสินใจเอง
จากนั้น ทุกคนต่างก็ยืนข้างเขา ความหมายของมันไม่ต้องเอ่ยก็รู้
อันหลินแปลกใจเล็กน้อย “พวกเจ้าไม่กลัวตายกันเลยหรือ บอกไว้ก่อนนะ ตอนนี้ข้าไม่ใช่เทพอันที่สังหารราชินีอ้านเย่ในใจพวกเจ้านะ ข้าเป็นแค่นักพรตหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นกลางธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้น”
“รู้แล้วน่า” เหมียวเถียนกลอกตาใส่เขา ยู่ปากจิ้มลิ้ม ทำท่าราวกับไม่พอใจ
จงหย่งเหยียนโบกพัด พูดนิ่งๆ ว่า “ย่อมกลัวตายอยู่แล้ว แต่หากว่าไม่มีชีวิตเป็นอมตะ สุดท้ายแล้วมนุษย์ก็ต้องตาย มันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ บัดนี้เสี่ยงชีวิตไปแสวงโชค ก็เพื่อเพิ่มความเป็นไปได้เพียงน้อยนิดให้กับความเป็นอมตะในวันหน้า”
ทุกคนได้ยินก็พยักหน้าเงียบๆ ชัดเจนว่าเห็นด้วยกับคำพูดของจงหย่งเหยียน
เมื่ออันหลินเห็นความตั้งใจของสมาชิก ก็ไม่พูดอะไรอีก ก้าวเข้าไปยังเส้นทางดำทะมึนของห้องโถงก่อน
มือขวาของเขาถือกระบี่ มือซ้ายเป็นก้อนอิฐ แลดูอหังการน่าหลงใหล
เมื่อมาถึงปากทาง ด้านในมืดสนิท ยามทอดมองออกไป ราวกับมีทางแยกสามทาง แต่เพราะทัศนวิสัยถูกบดบัง จึงมองไม่เห็นปลายทาง
ประตูมีป้ายโลหะ ด้านบนมีตัวอักษรที่เลือนรางไม่ชัดเจน
“นี่มัน…”
จู่ๆ ซุนเซิ่งเหลียนที่เงียบขรึมก็โพล่งขึ้นมา ใบหน้าฉายความประหลาดใจ



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม