ผนังและพื้นของทางเดินล้วนทำมาจากวัสดุโลหะที่ดำสนิทชนิดหนึ่ง
อันหลินไม่เคยเห็นวัสดุชนิดนี้ แต่ดำปานนั้น น่าจะทนทานเป็นอย่างมาก
“อืม ถึงทางแยกแล้ว เจ้าอัปลักษณ์ ส่องทั้งสองฝั่งให้หน่อย”
อันหลินมองเส้นทางมืดสนิทที่แยกเป็นสองทางพร้อมกับพูดขึ้นมา
เจ้าอัปลักษณ์ได้ยินก็หันมองทั้งสองฝั่ง ภายใต้แสงสว่างจากดวงตาไฟฉาย พวกเขาพบว่ามีประตูสีแดงคล้ำบานใหญ่ตั้งขวางทางทั้งสองฝั่ง
“หรือจะแยกกันดี” ลั่วจื่อผิวพูด
“เจ้าโง่หรือ! หลักการคนเยอะกำลังมากไม่รู้จักหรือ มีนักพรตตั้งเท่าใดที่ถูกโจมตีทีละคนเพราะเชื่อหลักการแยกย้ายกันน่ะ” เหมียวเถียนกลอกตาใส่ลั่วจื่อผิงพลางพูดเหน็บแนม
ลั่วจื่อผิง “…”
“งั้นพวกเราไปทางนี้ด้วยกันเถอะ” อันหลินชี้ไปทางขวามือ
ทุกคนไม่ค้าน อย่างไรเสียก็ต้องเลือกหนึ่งในสอง มีประตูขวางทั้งสองฝั่ง ไม่เห็นความแตกต่างเลย
เมื่อมาถึงหน้าประตู มันก็เปิดเองอัตโนมัติ…
ยังคงเป็นม่านแสงสีฟ้าเช่นเดิม มองไม่เห็นทิวทัศน์ด้านใน
อันหลินกำก้อนอิฐกับกระบี่แน่น ก้าวผ่านม่านแสงอย่างเชื่องช้า
อดพูดไม่ได้ว่า การที่มองไม่เห็นว่าข้างในมีสภาพอย่างไร ความรู้สึกไม่รู้เช่นนั้น มันชวนให้รู้สึกหวั่นวิตกจริงๆ
ทัศนวิสัยเปลี่ยนไป กลิ่นคาวเลือดจางๆ ลอยมาพร้อมกับกลิ่นเหม็นฉุนประหลาด
“แหวะ…”
“นี่มันกลิ่นอะไรน่ะ น่าสะอิดสะเอียนนัก!”
อันหลินทนไม่ไหวแล้ว สมาชิกด้านหลังก็ทยอยเข้ามา ต่างก็คลื่นไส้เป็นระยะๆ เช่นกัน
ที่นี่มีไฟสีเขียว กลิ่นประหลาดคละคลุ้ง ผิวดินมีคราบสีแดงกระจัดกระจาย วัตถุพิสดารไม่ปกติทั้งหลายทำให้คิ้วของพวกเขาขมวดเป็นปม
ห้องนี้มีพื้นที่ใหญ่ มีไฟเบอร์กลาสทรงกระบอกร่วมร้อยชิ้น ด้านในบรรจุของเหลวสีแดง
สัตว์ร่างมนุษย์ถูกแช่อยู่ข้างใน ไม่รู้ว่าหลับใหลหรือว่าตายไปแล้ว
ร่างเหล่านี้เต็มไปด้วยเกล็ดสีเขียว บ้างก็มีปีกงอกออกจากแผ่นหลัง บ้างก็มีหางกิ้งก่า ยิ่งกว่านั้นคือส่วนหัวที่กลายเป็นศีรษะของสัตว์ป่า แลดูน่าสยดสยองผิดปกติ
“ห้องทดลองผสมข้ามสายพันธุ์…”
ซุนเซิ่งเหลียนมองตัวหนังสือบนผนังแล้วอ่านออกเสียง
ผสมข้ามสายพันธุ์?
เมื่อได้ยินคำนี้ สายตาที่มองหลอดแก้วของทุกคนก็แตกต่างไปจากเดิม
“ดัดแปลงสายพันธุ์ด้วยการผสมพันธุ์มนุษย์กับสัตว์ประหลาดงั้นหรือ” จงหย่งเหยียนขมวดคิ้ว เสียงค่อยๆ เย็นเยียบลงช้าๆ
อันหลินมองร่างกายครึ่งคนครึ่งสัตว์เหล่านี้ด้วยแววตาเจือความเวทนา
แม้เทคโนโลยีจะก้าวหน้า แต่การทดลองที่มืดมนก็ยังไม่หายไป ไม่แน่ว่าความปรารถนาบางอย่างอาจจะรุนแรงขึ้นก็ได้
พวกเขาเดินวนรอบห้องทดลอง นอกจากร่างที่มีรูปร่างพิลึกทั้งหลายแหล่แล้ว ก็ไม่พบอะไรเป็นพิเศษอีก
“ไปกันเถอะ เราไปห้องลับอีกห้องกันเถอะ”
อันหลินส่ายหน้า เดินนำสมาชิกไปยังประตูของห้องลับอีกห้องหนึ่ง
สถาบันวิจัยหมายเลขแปดสิบแปดใหญ่แค่ไหน
ไม่มีใครรู้ได้
ซุนเซิ่งเหลียนที่มาจากราชวงศ์ชิงมู่แห่งแคว้นจื่อซิงแอบเผยขนาดโบราณสถานของสถาบันวิจัยอีกสองแห่งที่พวกเขาก่อตั้ง มันใหญ่กว่าเมืองติ้งอันเสียอีก
ด้วยเหตุนี้ สถาบันวิจัยหมายเลขแปดสิบแปดแห่งนี้ต้องไม่เล็กแน่นอน
หลังพวกเขาก้าวเข้าไปยังห้องลับอีกห้อง แสงสีเขียวของห้องทดลองข้ามสายพันธุ์ก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นแสงสีแดง ขณะเดียวกัน ก็มีฟองอากาศเล็กๆ ปรากฏให้เห็นภายในของเหลวของหลอดแก้ว…
สภาพแวดล้อมของห้องลับห้องที่สองไม่ได้ดีไปกว่าห้องที่หนึ่งมากนัก ที่นี่เป็นห้องยา
เรียกมันว่าห้องยาก็แล้วกัน เพราะรอบๆ เต็มไปด้วยตู้กระจกใส ข้างในมียานานาชนิด และมีของเหลวหลากสีสันอยู่ด้วย
อันหลินเดินเข้าไป ลองย้ายของจากตู้กระจกใส่แหวนมิติอีกครั้ง แต่น่าเสียดายที่ล้มเหลวอีกแล้ว
เจ้าอัปลักษณ์ถึงขั้นว่ายกกระบองเงินขึ้นฟาดตู้กระจกอย่างแรง
แต่ตู้กระจกกลับนิ่งไม่ไหวติง กลับกันเป็นตัวมันเองที่ถูกสะเทือนจนถอยออกไปหลายเมตร
คราวนี้เขาเลือกประตูฝั่งซ้าย เพราะโดยทั่วไปแล้ว ของสำคัญมักจะอยู่ในตำแหน่งศูนย์กลางของโบราณสถาน เช่นนั้นโอกาสในการพบเจอของดีจะมากกว่า
จากนั้นพวกเขาก็เจอของดีเข้าแล้วจริงๆ
หญิงงามสวมชุดขาวพลิ้วไหว!
“ยินดีต้อนรับผู้สอบเข้าสู่ลานทดสอบปัญจธาตุ” หญิงชุดขาวพูดด้วยน้ำเสียงแฝงอารมณ์อย่างเต็มเปี่ยม
พวกอันหลินต่างก็ชะงัก แต่ไม่นานพวกเขาก็พบความผิดปกติ



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม