“…สรุปก็คือ ข้าคิดว่าผู้ชนะเลิศในการประลองครั้งนี้คือข่วงเร่อ!” เซวียนหยวนเฉิงพูดอย่างเคร่งขรึม
อันหลินยืนตาแดงก่ำอยู่ข้างๆ เจ็บปวดใจเหลือเกิน ‘ให้ตายสิ หนึ่งแสนหินวิญญาณของเรา!’
จะโทษพี่เฉิงได้เหรอ
เห็นเขาวิเคราะห์อย่างตั้งอกตั้งใจแบบนี้ อันหลินไม่มีหน้าจะโทษเขาเลยจริงๆ!
ขณะนั้นเอง การประลองรอบคัดเลือกสองคนสุดท้ายก็เริ่มขึ้น
รอบแรก จางเหยียนปะทะทังซือหยวน รอบที่สอง หลูเหรินปะทะข่วงเร่อ
ทังซือหยวนสวมชุดขาวรับกับใบหน้าอันงดงาม มีชีวิตชีวาเป็นธรรมชาติปานพุดตานพ้นน้ำ มือกำกระบี่เมฆาดุจไอน้ำเล่มหนึ่งแน่น วับแวมดุจดั่งภาพลวงตา
คาดว่านางน่าจะเป็นขวัญใจที่ชายมากมายในสำนักเซียนหมื่นชีวิตชื่นชม แค่ออกโรงก็ได้รับเสียงโห่ร้องดังกระหึ่มจากศิษย์ชายนับไม่ถ้วนแล้ว
เมื่อเทียบกันแล้ว การออกโรงของร่างอ้วนล่ำอย่างจางเหยียน แลดูธรรมดาเรียบง่ายไปเลย
เป็นอัจฉริยะแห่งสำนักเซียนหมื่นชีวิตเหมือนกัน ทำไมถึงได้แตกต่างกันขนาดนี้ล่ะ
อันหลินลูบคาง ไม่นานก็ได้คำตอบ
ความจริงวงการบำเพ็ญเซียน…ก็เป็นวงการที่ดูหน้าตาเหมือนกันนี่นา!
หากเปลี่ยนจากใบหน้าของจางเหยียนเป็นใบหน้าของเซวียนหยวนเฉิง เสียงโห่ร้องในสนามต้องไม่เบากว่าทังซือหยวนแน่นอน!
“ทังซือหยวนสู้ๆ!” อันหลินก็ตะโกนโห่ร้องตามเช่นกัน
เซวียนหยวนเฉิงถูกเสียงตะโกนกะทันหันของอันหลินทำให้ตกใจจนสะดุ้ง เหลือบมองเขาด้วยสายตาแปลกๆ
อันหลินใจสลาย สิ่งที่เขาทำเพื่อทังซือหยวนได้ ดูเหมือนจะมีแค่เรื่องนี้แล้ว
หนึ่งแสนหินวิญญาณเชียวนะ…ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เลย แต่เป็นเงินที่สามารถซื้อยาเซียนขั้นต่ำได้ตั้งหนึ่งเม็ด หากว่าคว้าน้ำเหลว มันน่าปวดใจมากจริงๆ นะ
การประลองระหว่างทังซือหยวนกับจางเหยียนเริ่มขึ้นแล้ว
เพิ่งเปิดฉากการประลองก็เข้าสู่ช่วงดุเดือด กระบี่เมฆาขาวของทังซือหยวนประณีตอย่างไร้ที่เปรียบ กระบี่ที่เป็นดุจภาพลวงตาทำให้ยากจะป้องกันได้ จางเหยียนเนื้อตัวแดงฉาน มีเปลวไฟสีแดงปกคลุมตั้งแต่หัวจรดเท้าประหนึ่งปีศาจดึกดำบรรพ์ ทุกการโจมตีล้วนแฝงด้วยพลังยิ่งใหญ่
การปะทะของทั้งคู่ทำให้เกิดคลื่นรุนแรงอย่างยิ่งในลานประลอง กระบี่เมฆาของทังซือหยวนฟันลงบนกำปั้นของจางเหยียน ทิ้งไว้เพียงรอยแผลเส้นเล็กๆ แต่กำปั้นของจางเหยียนมีพลังมหาศาล ทำให้นางกระเด็นออกไปทันที
อันหลินลุ้นระทึก ตะโกนให้กำลังใจเสียงดังลั่น
เซวียนหยวนเฉิงเห็นว่าอันหลินเหมือนจะสนใจทังซือหยวนมากทีเดียว จึงถามด้วยรอยยิ้มว่า “ประเดี๋ยวหลังประลองเสร็จ จะให้ข้าแนะนำพวกเจ้าให้รู้จักกันหน่อยไหม”
อันหลินได้ฟังก็ชะงัก จากนั้นก็ตระหนักได้ว่าเหมือนพี่เฉิงจะเข้าใจอะไรผิดไป จึงโบกมือเป็นพัลวัน “พี่เฉิงอย่าอย่างนี้สิ ข้ามีต้าไป๋ก็พอแล้ว”
ต้าไป๋ที่อยู่ข้างๆ สะดุ้งโหยง แอบถอยห่างออกไปหลายก้าวอย่างเงียบเชียบ
เซวียนหยวนเฉิงก็จ้องอันหลินอย่างตกใจเช่นกัน ราวกับได้รู้จักผู้ชายคนนี้ใหม่อีกครั้ง
อันหลิน “…”
นี่มันเป็นการล้อเล่นไหมเล่า!
ขณะที่กำลังคุยกัน การต่อสู้ของทังซือหยวนกับจางเหยียนก็มาถึงโค้งสุดท้ายแล้ว
“สุนัขเพลิงบงกชสีชาด!” จางเหยียนตะโกนลั่น กำปั้นทั้งสองข้างปล่อยสุนัขเพลิงสีแดงสิบกว่าตัวออกไปในพริบตา กำลังกระโจนใส่ทังซือหยวน
“เมฆาร่อนรำ” ริมฝีปากแดงเรื่อของทังซือหยวนอ้าออกเล็กน้อย ไอน้ำผุดออกจากกระบี่เมฆาดุจภาพลวงตา ทำให้มีหมอกปกคลุมตัวนาง
ซิ่ว!
นางเคลื่อนไหวแล้ว มันรวดเร็วอย่างยิ่ง!
ตูมๆ ๆ!
สุนัขสีเพลิงตัวใหญ่กระโจนใส่นาง กลับถูกนางหลบหลีกด้วยฝีเท้าอันปราดเปรียว เกิดการระเบิดอย่างรุนแรงรอบตัว
“รู้ผลแล้ว” เซวียนหยวนเฉิงยิ้มบางๆ
ร่างอรชรประหนึ่งไอน้ำหลบการโจมตีทั้งหมดของจางเหยียนได้ มาประชิดตัวเขาในเสี้ยววินาที กระบี่เมฆาสีขาวพุ่งผ่านไป ทิ้งแผลขนาดใหญ่ไว้
ฉัวะ…


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม