อันหลินกับซูเฉี่ยนอวิ๋นเดินเคียงคู่กันมาถึงวังชิงมู่
วังชิงมู่ใหญ่โตโอ่อ่ายิ่งนัก ไม่ได้มีเพียงตำหนักกว้างใหญ่เท่านั้น แต่ยังมีขุนเขาที่มีทิวทัศน์ดุจภาพเขียน ทะเลสาบใสแจ๋วปานหินหยก รวมถึงทุ่งดอกไม้ที่มีบุปผชาตินับหมื่นพัน
อดพูดไม่ได้ว่า ทัศนียภาพภายในพระราชวังแห่งนี้งดงามมากเหลือเกิน
ทั้งคู่เที่ยวเล่นอย่างถึงอกถึงใจ ราบรื่นไร้อุปสรรคตลอดทาง
นอกจากจะมีสายตาประหลาดของเหล่าชาวประชาที่คอยเมียงมองอันหลินแล้ว ไม่มีเรื่องอื่นใดเกิดขึ้น
“ข้างหน้าก็คือห้องวิจัยหมายเลขหกของวังเรา อยากไปดูไหม” ซูเฉี่ยนอวิ๋นชี้บ้านซึ่งก่อจากหินหยกที่ตั้งอยู่เบื้องหน้าแล้วพูดขึ้นมา
“ห้องวิจัยหรือ เกี่ยวข้องกับการวิจัยเทคโนโลยีและการบำเพ็ญเพียรไหม” อันหลินถามด้วยนัยน์ตาที่เป็นประกาย
“อืม ใช่แล้ว มันเป็นสถานที่วิจัยของศาตราจารย์หยาง นักวิทยาศาสตร์แห่งราชวงศ์เรา ภายในมีของน่าสนใจมากมายเชียวล่ะ” ซูเฉี่ยนอวิ๋นกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ระหว่างที่พูด ลักยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าขาวเป็นยองใยของนาง แลดูน่ารักจับใจยิ่งนัก
“ไป เราไปดูกันเถอะ!” อันหลินได้ยินดังนั้นก็เกิดความสนใจขึ้นมาทันที
เขามีความสงสัยและความอยากรู้อยากลองกับเรื่องที่ผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีกับการบำเพ็ญเพียรเป็นอย่างมาก
เมื่อผลักประตูเหล็กบานนั้นออก สิ่งที่ปรากฏสู่สายตาคือเครื่องจักรกลแปลกใหม่นานาชนิด และมีศาสตราวุธจานเจ็ดดาวทั้งหลายแหล่แขวนอย่างล้นหลาม
“โอ้โฮ…ของมีค่าเต็มไปหมดเลย!” อันหลินมองวัตถุที่เต็มไปด้วยเนื้อสัมผัสของโลหะเหล่านี้ จนประกายในดวงตาแทบจะหลุดออกมาแล้ว
“ฮ่าๆ คำว่า ‘ของมีค่า’ ใช้ได้เหมาะสมนัก ข้าชอบ!” ชายวัยกลางคนสวมแว่น ใบหน้ามีตอหนวด ผมเผ้ารุงรังคนหนึ่งเดินมา เอ่ยตอบด้วยรอยยิ้ม
อันหลินมองชายวัยกลางคนคนนี้อึ้งๆ เป็นครั้งแรกที่เขาเคยเห็นคนใส่แว่นในแดนจิ่วโจว
อ้อ…ไม่สิ เซียนพสุธาเยว่อิ่งก็เคยใส่เหมือนกัน แต่นางใช้เป็นเครื่องประดับเฉยๆ
“เขานี่แหละศาสตราจารย์หยาง นักวิทยาศาสตร์แห่งราชวงศ์ชิงมู่เรา” ซูเฉี่ยนอวิ๋นแนะนำยิ้มๆ
อันหลินพยักหน้าอย่างนอบน้อม “สวัสดีขอรับ ข้าชื่ออันหลิน เป็นเพื่อนของซูเฉี่ยนอวิ๋น”
ศาตราจารย์หยางดันเลนส์แว่น แว่นสะท้อนแสงแห่งปัญญา ใบหน้าเผยรอยยิ้มมีเลศนัย “องค์หญิงอวิ๋นเล่อ เหมือนว่าเจ้าพาชายอื่นเดินเล่นเป็นครั้งแรกสินะ สนิทสนมกันไม่เบาเลย”
“อันหลินเป็นเพื่อนของข้า ข้า…ข้ากำลังทำหน้าที่ของเจ้าบ้านให้ดีที่สุด!” ซูเฉี่ยนอวิ๋นเป็นหญิงที่หน้าบาง ถูกหยอกเย้าเพียงเล็กน้อย ใบหน้างดงามก็เริ่มแดงก่ำขึ้นมา
ศาสตราจารย์หยางโบกมือส่งๆ “เรื่องนี้ข้าก็คร้านสนใจ อย่างไรเสียเทพธิดาฉางเอ๋อไม่โกรธก็พอ จริงสิ พวกเจ้ามาทำอะไรที่นี่”
“อืม ข้าพาสหายอันหลินมาเยี่ยมชมสิ่งประดิษฐ์ทางเทคโนโลยีการบำเพ็ญเพียรอันก้าวล้ำน่ะ” เมื่อเปลี่ยนหัวข้อแล้ว ซูเฉี่ยนอวิ๋นก็สงบสติอารมณ์ลงเล็กน้อย จึงเอ่ยปากตอบ
ศาสตราจารย์หยางลูบคาง “เช่นนี้เองหรือ ของบางอย่างแตะสุ่มสี่สุ่มห้าอันตรายมาก ข้าแนะนำและสาธิตให้พวกเจ้าดูเองก็แล้วกัน”
ซูเฉี่ยนอวิ๋นได้ฟังก็ดีใจ “เช่นนี้ก็ดีแล้ว รบกวนศาสตราจารย์หยางด้วยนะ!”
จากนั้นศาสตราจารย์หยางก็พาอันหลินและซูเฉี่ยนอวิ๋นไปชมสิ่งประดิษฐ์จักรกลต่างๆ
มีทั้งประเภทยานบิน เช่นปีกกระดูกเหล็กที่ทำให้มนุษย์โบยบินบนท้องนภาได้ เหมาะแก่การพกพาก็คือบูทเมฆาเคลื่อนและจานลอยฟ้าเป็นต้น
สิ่งประดิษฐ์เหล่านี้ แม้จะไม่ได้คล่องตัวเหมือนการเหาะเหินด้วยการขี่อาวุธของนักพรตหล่อเลี้ยงวิญญาณ แต่เหนือกว่าตรงที่ทำให้นักพรตระดับกายแห่งมรรค เหาะเหินได้ด้วยพลังปราณของตัวเอง
มันเป็นพระคุณอย่างใหญ่หลวงสำหรับนักพรตกายแห่งมรรคที่ปรารถนาจะโบยบิน
เพียงแต่ว่าของเหล่านี้มีราคาสูงลิ่ว ตอนนี้จึงมีแค่หน่วยรบพิเศษเท่านั้นที่ใช้ได้

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม