รุ่งอรุณ อันหลินตื่นขึ้นมา แสงแดดลอดผ่านหน้าต่างส่องกระทบใบหน้า แลดูอบอุ่น
กระถางริมหน้าต่างมีดอกไม้สีแดงปักอยู่ มันคือเสี่ยวหงนั่นเอง
แม้ตลอดหลายวันนี้อันหลินจะไม่ลืมเอามันไปตากแดดเพื่อสังเคราะห์แสง แต่จนบัดนี้แล้วยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่นเลย
เขาเก็บเสี่ยวหงใส่กระเป๋า เรียกต้าไป๋กับเจ้าอัปลักษณ์รวมตัว จากนั้นก็อำลาเซวียนหยวนเฉิง
ก่อนจากลา ทังซือหยวนมอบพู่ห้อยหยกสีขาวให้อันหลินหนึ่งชิ้น เพื่อใช้ป้องกันตัว บอกว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณที่ช่วยชีวิตที่ยอดเขาแสงสวรรค์
อันหลินรับไว้โดยที่ไม่คิดอะไรมาก
ทังซือหยวนสวมชุดสีขาว ดุจหญิงสาวราวภาพฝัน ยืนสง่างามบนยอดเขา มองอันหลินขี่สุนัขจากไปเงียบๆ ลมพัดโชยผมดำขลับของนาง มือเล็กขาวหยวกกำพู่ห้อยหยกอีกชิ้นหนึ่งไว้แน่น
…
แคว้นจื่อซิงตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของแคว้นสือหลง เป็นแคว้นใหญ่หนึ่งเดียวในแดนจิ่วโจวที่ไม่ยับยั้งการเติบโตของเทคโนโลยี
ราชวงศ์ชิงมู่ในสี่สำนักเก้าราชวงศ์แห่งสวรรค์ กลายเป็นต้นแบบลำหน้าของการผสานการพัฒนาระหว่างเทคโนโลยีและการบำเพ็ญเพียร
ราชวงศ์ชิงมู่กับสรวงสวรรค์มีข้อตกลงบางอย่างร่วมกัน สรวงสวรรค์จึงไม่แทรกแซงการวิจัยของพวกเขา กลับกันให้ความช่วยเหลือเสียด้วยซ้ำ
แคว้นจื่อซิงกับแคว้นสือหลงเชื่อมต่อกัน อันหลินจึงไม่ได้ใช้ค่ายกลขนส่ง แต่ขี่สุนัขเหาะเหินไป
เมื่อเข้าสู่อาณาเขตของแคว้นจื่อซิง เขาก็สัมผัสถึงความแตกต่างอย่างชัดเจนได้
อาคารบ้านเรือนของที่นี่ไม่ใช่โครงสร้างง่ายๆ อย่างการก่ออิฐอีก สิ่งปลูกสร้างที่ทำจากปูนซีเมนต์เริ่มปรากฏให้เห็น ถึงขั้นว่าเห็นรถไฟ แม้จะเป็นเพียงรถจักรไอน้ำ แต่ก็น่าตกใจมากเช่นกัน
ถนนหนทางจัดระเบียบเป็นอย่างดี มีอุปกรณ์ประหลาดนานาชนิดเดินเหิน มีทั้งยานพาหนะสี่ล้อที่รูปร่างคล้ายรถยนต์ และมียานบินเพรียวลมลอยอยู่กลางอากาศ
เขายังเห็นเรือลำใหญ่ที่เหาะเหินบนเวหาอีกด้วย ความเร็วไม่สูง แต่จำนวนคนที่บรรทุกมีไม่ต่ำกว่าพันชีวิต
อารยธรรมเทคโนโลยีของแคว้นจื่อซิงน่าจะเป็นหลังการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งแรก แต่กลับมีวัตถุที่ไม่เคยปรากฏบนโลกมนุษย์มากมาย ภาพที่ผสมผสานระหว่างอนาคตกับโบราณ ทำเอาอันหลินอุทานไม่ขาดปาก
ตลอดทางที่พวกเขามุ่งหน้าไปยังวังชิงมู่ เรื่องแปลกใหม่ที่พบเห็นมีนับไม่ถ้วน กระทั่งสุดท้ายอันหลินก็เริ่มกังวลว่าราชวังที่ไปจะเป็นตึกสูงระฟ้า
สุดท้ายก็มาถึงจุดหมายปลายทาง
เขาโล่งใจไปเปราะหนึ่ง เพราะภาพของราชวังชิงมู่ ถือว่าไม่ต่างจากภาพที่เขาจินตนาการไว้ในใจมากนัก
ตำหนักเหลืองอร่ามแวววาว วิจิตรงดงามหลังแล้วหลังเล่า รวมกันเป็นกลุ่มตำหนักใหญ่โตโอฬารและเกรียงไกร หลังคาแก้วสีทอง ฉายรัศมีอันสูงส่งและน่ายำเกรงภายใต้แสงแดดส่องกระทบ
ประตูของวังหลวงมีทหารสวมชุดเกราะ กลิ่นอายยิ่งใหญ่หลายสิบนายยืนเฝ้าอยู่
หลังอันหลินแจ้งเจตนาของตนแล้ว นายพลเฝ้ายามนายหนึ่งจึงรีบติดต่อผู้ดูแลข้าหลวงในวังทันที
“ขอรับ ข้าจะพาแขกเข้าไปเดี๋ยวนี้ อะไรนะ…องค์หญิงจะมาด้วยตัวเองหรือ ขอรับๆ…”
นายพลตัดสัญญาณของยันต์สื่อจิต พูดกับอันหลินอย่างนอบน้อมว่า “องค์หญิงอวิ๋นเล่อกำลังเดินทางมา กรุณาอดทนรอสักครู่นะขอรับ”
อันหลินพยักหน้าเล็กน้อย บิดขี้เกียจบนหลังต้าไป๋
ไม่นานเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังครึกโครม
“สหายอันหลิน” เสียงหวานแว่วมาแต่ไกล
อันหลินเงยหน้าขึ้น มองเห็นซูเฉี่ยนอวิ๋นนั่งอยู่บนหลังหมาป่าสีฟ้าสูงราวสองจั้งตัวหนึ่ง กำลังวิ่งห้อมา
นางสวมชุดหงส์สีชาด ใบหน้างามสะคราญเปื้อนรอยยิ้ม โบกมือหยอยๆ ให้อันหลิน
“ฮาย ซูเฉี่ยนอวิ๋น” อันหลินยิ้มและกล่าวคำทักทายไปเช่นกัน
“ไม่คิดเลยว่าอันหลินจะมาหาข้า ข้าประหลาดใจจริงๆ”
ซูเฉี่ยนอวิ๋นดีใจมากอย่างเห็นได้ชัด เผยรอยยิ้มงดงามหวานเยิ้ม ทำให้อันหลินมองจนละสายตาไม่ได้
“จริงสิ หมาป่าเทียนหูตัวนี้ชื่อเสี่ยวหมาน เป็นสัตว์เลี้ยงของข้า” ซูเฉี่ยนอวิ๋นขี่หมาป่าสีฟ้า พาอันหลินเข้าวังพลางเอ่ยคำแนะนำ


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม