ไต้ซือกระบี่เจียงหย่าหนานเป็นผู้ใด เขาถูกยกย่องเป็นอัจฉริยะกระบี่อันดับหนึ่งแห่งแคว้นจื่อซิง
เขาเป็นเซียนกระบี่แต่กำเนิด ว่ากันว่าตอนที่เขาถือกำเนิด ก็ใช้มือเป็นกระบี่ ฟันสายสะดือที่เชื่อมต่อกับมารดาด้วยตนเอง เขาฝึกควงกระบี่ไม้ตั้งแต่ตอนที่ยังไม่หัดเดินแล้ว
ในวัยสามขวบ เจียงหย่าหนานบรรลุระดับกายแห่งมรรคขั้นสอง กลายเป็นเด็กอัจฉริยะที่มีชื่อเสียงระบือไกล
ที่น่ากลัวกว่านั้นคือ เขาสามารถใช้ศาสตราวุธอย่างกระบี่ ปล่อยแสงกระบี่ที่มีแต่นักพรตกายแห่งมรรคขั้นสี่เท่านั้นที่ทำได้
เดิมทีแล้วบุคคลอัจฉริยะเช่นนี้ควรจะบรรลุระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณก่อนวัยสามสิบ
แต่เขากลับทำมันได้สำเร็จในวัยสามสิบ เพราะเหตุใด นั่นเป็นเพราะเขาศึกษาว่าจะขี่กระบี่เหาะเหินในระดับกายแห่งมรรคได้อย่างไร…
คราแรกมันเป็นเรื่องพันหนึ่งราตรี[1]
การขี่กระบี่เหาะเหินจำต้องใช้พลังปราณที่ละเอียดอ่อนอย่างยิ่งควบคุมจึงจะทำได้ ข้อนี้ ต้องพึ่งพาพลังของรากฐาน
แต่ทว่า เจียงหย่าหนานทำได้แล้ว
เขาขี่กระบี่เหินเวหาได้ในระดับกายแห่งมรรคขั้นสิบได้สำเร็จ!
เขากลายเป็นคนแรกที่ขี่กระบี่เหินเวหาในระดับกายแห่งมรรคของประวัติกาล!
ต่อมาสิ่งที่เขาได้สั่งสมมาก็ค่อยๆ ปรากฏให้เห็น เข้าสู่ระดับแปลงจิตในวัยห้าสิบปี ระดับแปลงจิตขั้นปลายเมื่ออายุสองร้อยปี
ตอนนี้ แม้จะอยู่ในระดับแปลงจิตขั้นปลาย แต่การหยั่งรู้มรรคแห่งกระบี่ กลับลึกล้ำกว้างไกลยิ่งกว่ายอดฝีมือระดับหวนสู่ความว่างเปล่า และแก่นแท้แห่งกระบี่ หยั่งรู้ถึงขั้นที่เกินจะจินตนาการได้
ประสบการณ์ของเขา กลายเป็นตำนานเล่าขานในแคว้นจื่อซิง แม้กระทั่งว่ามีชื่อลือเลื่องไปทั่วแดนจิ่วโจว
บุคคลสุดยอดเช่นนี้นี่แหละ ที่ตอนนี้กำลังถ่ายทอดมรรคแห่งกระบี่ของเขาที่ลานประลองยุทธ์ของวังหลวง
บนลานประลองยุทธ์ ปราชญ์ที่แต่งตัวหรูหราหลายร้อยชีวิตกำลังนั่งอยู่บนเบาะหญ้า
พวกเขาเป็นชาวราชวงศ์ชิงมู่ แม้จะเป็นเพียงญาติห่างๆ ไม่ได้เป็นสายเลือดทางตรงเช่นซูเฉี่ยนอวิ๋น ซูกู่และซูซิ่น แต่ศักดิ์ของพวกเขาก็ถือว่าสูงส่งในแคว้นจื่อซิงอยู่ดี
ยามนี้ พวกเขากำลังตั้งใจฟังการถ่ายทอดวิชาความรู้ของเจียงหย่าหนานอย่างนอบน้อม บางคนถึงขั้นว่านัยน์ตาวาวโรจน์ ประหนึ่งเห็นไอดอลอย่างไรอย่างนั้น ไม่ละสายตาแม้แต่วินาทีเดียว
เจียงหย่าหนานยืนสง่างามอยู่บนลานประลองยุทธ์ ใบหน้าหล่อเหลา องอาจผึ่งผาย เส้นผมขาวโพลนปล่อยสยายด้านหลัง
ผมสีนี้เขาตั้งใจย้อมเอง เพราะเขาคิดว่าเช่นนี้ช่วยให้มาดของเขาดูโดดเด่นยิ่งกว่า
ดูสิ เบื้องล่างมีนักเรียนหลายร้อยชีวิตนั่งอยู่ สายตาร้อนระอุเหล่านั้นก็บ่งบอกทุกอย่างแล้ว!
เจียงหย่าหนานยิ้มบางๆ ถ่ายทอดวิชาต่อไป “พูดเรื่องมรรคแห่งกระบี่เสร็จแล้ว ต่อไปเรามาพูดถึงจิตแห่งกระบี่!”
“มรรคแห่งกระบี่และจิตแห่งกระบี่แตกต่างกันที่ มรรคแห่งกระบี่เป็นมรรควิถีของเซียนกระบี่คนนั้น แต่จิตแห่งกระบี่กลับเป็นความหมายที่แท้จริงของแก่นแท้ มันเป็นนามธรรม สามารถปรากฏให้เห็นประจักษ์ และทำให้อานุภาพเพลงกระบี่ของเราเพิ่มพูนได้อีกด้วย!”
ในตอนนั้นเอง อันหลิน ซูเฉี่ยนอวิ๋นและซูซิ่นก็เดินมาด้วยกัน
การมาเยือนของราชนิกุลผู้สืบสายเลือดโดยตรง ดึงดูดสายตาของผู้คนมากมายในลานประลองยุทธ์อย่างไร้ข้อกังขา
เจียงหย่าหนานก็สังเกตเห็นทั้งสามคนเช่นกัน เขากำลังมองหาคนมาเป็นคู่สาธิต ต้องมีตัวอย่างที่ตรงกันข้าม บัดนี้เมื่อเห็นอันหลินที่แปลกหน้า ความคิดก็ผุดขึ้นในใจ เอ่ยอย่างสบายๆ ว่า “ข้ามีผลึกหินประชันความคิด สามารถใส่ความคิดที่แท้จริงของคนลงไปในผลึกหิน เพื่อทำการประลองในขอบเขตของความคิด เช่นนี้จะสะท้อนให้เห็นถึงมรรคและแก่นแท้ของกระบี่ที่คนคนนั้นรู้ได้อย่างแม่นยำมากกว่า”
“ข้าเห็นว่าสหายท่านนี้งามสง่าเหนือธรรมดา เจ้าช่วยมาประลองกับข้าสักหน่อยดีหรือไม่” เจียงหย่าหนานผายมือเป็นท่าเชื้อเชิญอันหลิน
อันหลินที่ตั้งใจว่าจะมาเป็นผู้ชมเฉยๆ ในคราแรก เห็นอากัปกิริยาของเจียงหย่าหนานก็อดชะงัก ชี้ตัวเองไม่ได้ “ข้าหรือ”
ใบหน้าของเจียงหย่าหนานมีรอยยิ้มอบอุ่นดุจสายลมฤดูวสันต์ “ใช่แล้ว เจ้านั่นแหละ ไม่ต้องห่วง ต่อให้ความคิดถูกความคิดในผลึกหินทำลาย มันจะไม่ส่งผลอันตรายต่อเจ้าของร่างกาย แถมข้ายังให้คำแนะนำที่เหมาะสมกับเจ้าได้ตามความรู้ที่เจ้ามีด้วย”
เมื่อได้ยินคำพูดของเจียงหย่าหนาน เหล่านักเรียนของราชวงศ์ต่างก็จ้องอันหลินด้วยสายตาอิจฉา ได้รับคำแนะนำด้านมรรคและแก่นแท้ของกระบี่จากเจียงหย่าหนานเชียวนะ นี่มันเป็นโอกาสที่หายากเหลือเกิน!
ณ เหตุการณ์ในตอนนี้ ไม่อนุญาตให้อันหลินปฏิเสธ เขาทำได้แค่ฝืนเดินมายืนข้างกายเจียงหย่าหนาน
เจียงหย่าหนานมองอันหลินด้วยแววตาอ่อนโยน การประลองและแนะนำความคิดที่แท้จริง เลือกชายหนุ่มคนตรงหน้าคนนี้เหมาะสมที่สุดแล้ว


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม