“สหายอันหลิน เจ้าลงมือก่อนเถอะ”
“ในพื้นที่แห่งนี้ แก่นแท้แห่งกระบี่ของเจ้าจะปรากฏให้เห็นเป็นรูปร่าง ยามเคลื่อนไหวอย่าลืมผสานความรู้สึก!”
เจียงหย่าหนานกำกระบี่ กล่าวด้วยท่าทีงามสง่า
หากว่าเขาชิงลงมือก่อน อันหลินต้องจบเห่แน่ จึงขอให้อันหลินเป็นฝ่ายลงมือก่อน สะดวกแก่การชี้แนะอีกด้วย
อันหลินพยักหน้าจริงจัง เขาครุ่นคิดเล็กน้อย ตัดสินใจใช้กระบี่วายุในหกกระบี่เทพสงคราม กระบวนท่านี้เป็นหนึ่งในไพ่ตายของเขา น่าจะไม่ขายหน้ามากนัก
เมื่อคิดได้ดังนั้น กระแสลมสีขาวก็เริ่มห่อหุ้มกระบี่ของเขา
ทันใดนั้น กระแสอากาศของมิติโดยรอบก็ทะลักออกมา
ด้านหลังของเขา มีร่างมายาของชายคนหนึ่งโผล่ขึ้นมากะทันหัน
มือของชายคนนี้กำผืนฟ้า ม้วนลมและเมฆในโลกหล้า สุดท้ายก่อตัวเป็นกระบี่ ชี้ไปทางเจียงหย่าหนาน
คราแรกเหล่าลูกศิษย์ในลานประลองยุทธ์ไม่ได้สนใจอันหลิน บัดนี้เมื่อเห็นภาพที่อลังการเช่นนี้ ก็พากันเพ่งจุดสนใจไปที่ฝั่งของอันหลินอย่างอดไม่ได้
“จิตแห่งกระบี่นี้ถือว่าแข็งแกร่งหรืออ่อนแอ”
“ไม่รู้เหมือนกัน ข้าก็เพิ่งเคยชมการประชันจิตแห่งกระบี่เป็นครั้งแรก”
“แต่ดูจากท่าทางแล้ว รู้สึกว่าจะแข็งแกร่งมาก”
“หึ ก็แค่วางมาดเท่านั้นแหละ อย่างไรเสียผลลัพธ์ก็ถูกเทพเจียงจัดการในกระบี่เดียวอยู่ดี”
…
เมื่อเทียบกับผู้ชมที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ในลานประลองยุทธ์แล้ว เจียงหย่าหนานกลับเบิกตากว้าง ใบหน้ามีแต่ความตะลึง
เขาเป็นผู้ที่เผชิญหน้ากับแก่นแท้แห่งกระบี่ของอันหลิน จึงสัมผัสได้ถึงอารมณ์แบบนี้ได้โดยตรง
แรงกดดันที่รวบรวมลมและเมฆในปฐพีไว้ที่กระบี่ ลักษณะอันอหังการประหนึ่งว่าข้าเป็นหนึ่งเดียวในธรณีเช่นนั้น ทำให้เขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว
เจียงหย่าหนานรู้แล้วว่า คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาต้องเป็นอัจฉริยะแน่แท้
ไม่สิ…เป็นศัตรูตัวฉกาจที่สุดของชั่วชีวิตนี้!
“ไปเลย!” มิติสั่นระริกเมื่อเจียงหย่าหนานกางแขน จากนั้นก็เริ่มแยกออกเป็นช่องว่างที่ดำทะมึน พลังงานแรกกำเนิดและไอทมิฬที่กลืนกินสรรพสิ่งก็บรรจบที่กระบี่ ทำให้กระบี่ส่องแสงสีดำสว่างไสว ราวกับจะดูดและเขมือบทุกสรรพสิ่ง
“กระบี่เล่มนี้ชื่อว่าอวสาน ขยี้มิติ ตัดกาลเวลาได้!” เจียงหย่าหนานถือกระบี่สีนิล ทำท่าเหมือนจะฟันอันหลิน
อันหลินเห็นดังนั้นกลับถลึงตา
ให้ตายสิ! ไหนบอกว่าให้เราลงมือก่อน ทำไมตอนนี้ยกกระบี่มาจะฟันเราเสียแล้วล่ะ
ใบหน้าของเจียงหย่าหนานขึงขัง ผมขาวพลิ้วไหวปลิวตามแรงลม ท่วงท่าเหนือชั้น แต่กลับคิดในใจว่า ‘พับผ่าสิ หากให้เจ้าลงมือก่อน ข้าก็จบเห่น่ะสิ!’
ด้วยเหตุนี้ เจียงหย่าหนานจึงถือกระบี่อวสานที่สาดแสงดำทมิฬพุ่งตัวไปหาอันหลิน
อันหลินเกิดความคิดบางอย่าง ตอนแรกตั้งใจจะกระโจนใส่เจียงหย่าหนาน คิดไม่ถึงว่าชายที่อยู่ด้านหลังจะพุ่งออกไปก่อน กระบี่สีขาวในมือประดุจแสงอันสูงส่งทำลายล้างไอแรกกำเนิด กลายเป็นสีสันเดียวในสายตาเขา!
ตูม!
การปะทะกันของความคิดระเบิดภายในพื้นที่ของผลึกหิน แผ่กระจายไปรอบทิศทาง
เหล่าลูกศิษย์ราชนิกุลในลานประลองยุทธ์เห็นเพียงสีดำและขาวผสมปนเปบนหน้าจอเท่านั้น ไม่เห็นอย่างอื่นอีก พลังสองลูกกัดทึ้งกันปานเป็นสัตว์คลั่ง
ยามนี้ต่อให้เป็นคนโง่เขลาปานใด ก็เริ่มตระหนักได้แล้วว่า ชายที่ชื่ออันหลินคนนี้ มีจิตแห่งกระบี่ที่เหนือชั้นแน่นอน
แววตาของซูซิ่นเป็นประกาย เขาเคยเห็นการประชันจิตแห่งกระบี่ แต่ภาพแบบนี้เขาเพิ่งเคยพบเห็นเป็นครั้งแรก บัดนี้จึงอดอุทานไม่ได้ว่า “สหายอันหลินมีพรสวรรค์ไร้จำกัด หาธรรมดาไม่”
ซูเฉี่ยนอวิ๋นไม่พูดอะไร แต่ดวงตาคู่งามจ้องภาพที่ปรากฏบนผลึกหินไม่วางตา
แสงสว่างค่อยๆ มลายหายไป เผยให้เห็นร่างของทั้งสองคนบนจออีกครั้ง
ทั้งคู่หมดสภาพอย่างยิ่ง ต่างก็เต็มไปด้วยแผลเหวอะหวะ หน้าม่อยคอตก
“คุณพระ เทพเจียงบาดเจ็บหรือ!”
“นี่ไม่ใช่ประเด็น สำคัญที่อันหลินสู้กับเทพเจียงจนถึงขั้นนี้ได้”
“อัจฉริยะกระบี่คนใหม่จะถือกำเนิดแล้วหรือ”
ลูกศิษย์มากมายมองร่างบนผลึกหินอึ้งๆ ประหนึ่งเห็นภาพอันน่าเหลือเชื่อ คราแรกพวกเขาคิดว่าเจียงหย่าหนานจะบดขยี้อันหลินได้อย่างง่ายดาย ดูจากตอนนี้แล้ว ไม่ใช่เช่นนั้นแต่อย่างใด
คนที่ตกใจที่สุดในตอนนี้คือ เจียงหย่าหนานที่ยังคงต่อสู้อยู่



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม