ผู้ที่ขึ้นสำแดงพลังวรยุทธ์ก่อนเป็นอันดับแรก เป็นตัวแทนจากสวนเอเดน
เชอรีล ออกัสและอาเธอร์ สามคนนี้อันหลินค่อนข้างจะสนิทสนม เพราะเมื่อวานพวกเขายังร่วมทานมื้อเที่ยงด้วยกัน และยังได้สนทนากันพอสมควรด้วย
อาเธอร์อยู่ในระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นปลาย เขาก้าวขึ้นสังเวียนก่อน ชักคันธนูสีเงินออกมา พลังปราณกระเพื่อมอย่างบ้าคลั่ง ก่อตัวเป็นลูกศรสีทองด้ามหนึ่งพุ่งออกไปทันที
โครม!
ลูกศรคมกริบโจมตีแท่นศิลาจนดังสนั่นหวั่นไหว การระเบิดของพลังงานทำให้ปฐพีสั่นสะเทือน
โชคดีที่มีการยับยั้งของค่ายกล พลังงานที่แผ่กระจายไปทั่วทุกสารทิศถูกลดทอนกำลังลงอย่างต่อเนื่อง เมื่อส่งมาถึงพวกอันหลินและคนรอบข้าง รู้สึกถึงแค่ลมกระโชกแรงระลอกหนึ่ง ไม่ถูกโจมตีแต่อย่างใด
ศิลาประเมินระดับวรยุทธ์สีดำไม่ขยับเขยื้อนเมื่อถูกจู่โจม เพียงแค่แสดงค่าพลังให้เห็นเท่านั้น ‘ระดับพสุธา ขั้นต้น’
“อาเธอร์ เจ็ดคะแนน!” พระโพธิสัตว์ฮุ่ยหมิงประกาศเสียงดัง
คนต่อไปที่จะสำแดงวิชาคือเชอรีล
เธอหลับตาครู่หนึ่ง นัยน์ตาลุ่มลึก ดุจหญิงสาวโฉมสะคราญที่สวรรค์ประทานพร
จากนั้นลำแสงสีขาวก็ปรากฏขึ้นรอบตัว พันเกี่ยวตามร่างกายดั่งเป็นสายลมอ่อน นี่เป็นโครงร่างของบาเรีย!
แสงที่เจือด้วยพลังชีวิตอันแก่กล้าผุดขึ้นจากฝ่ามือของนางดวงแล้วดวงเล่า ลอยไปทางศิลาสีดำ จากนั้นก็ซึมหายไปในศิลา
ศิลาสั่นระริกครู่หนึ่ง แสดงค่าพลังให้เห็นอีกครั้ง ‘ระดับพสุธา ขั้นสูง’
“เชอรีล เก้าคะแนน!” ฮุ่ยหมิงประกาศอีกครั้ง
สุดท้ายออกัสก็ขึ้นสังเวียน
การโจมตีของเขาในครั้งนั้นทำให้อันหลินกับต้าไป๋หล่นร่วง ความสามารถเรียกได้ว่าน่ากลัวอย่างยิ่ง เป็นผู้แข็งแกร่งระดับแปลงจิตเฉกเช่นเดียวกับหวังเสวียนจ้าน
ครั้งนี้ยังคงปล่อยพลังเสาคลื่นสีขาว การลงทัณฑ์แห่งเทพเช่นเดิม
เพียงแต่ว่าครั้งนี้เป็นการปล่อยพลังแบบไม่ยั้งมืออย่างสิ้นเชิง พลังงานสีขาวทะยานลงมาจากท้องฟ้า จู่โจมศิลาสีดำทันใด ลำแสงที่ระเบิดออกมาเจิดจ้าจนไม่อาจจ้องมองได้
แม้จะมีการป้องกันของค่ายกล แต่สังเวียนประลองก็แตกกระจายภายใต้อานุภาพยิ่งใหญ่ของเสาแสง พลังงานที่น่ากลัวกระจายไปทั่ว อันหลินอยู่ไกลคนละโยชน์ แต่ก็ถูกพลังงานจู่โจมให้ถอยหลังสองก้าว
“ระดับสวรรค์ขั้นต้น”
“ออกัส สิบคะแนน!”
ครั้งนี้ ในที่สุดผู้ชมหลายหมื่นคนรอบเวทีก็พากันอุทานออกมาอย่างห้ามไม่ได้
ตัวแทนของสวนเอเดนออกโรงเป็นลำดับแรก ฝีมือของพวกเขาช่างโดดเด่นอย่างยิ่ง คะแนนรวมสูงถึงยี่สิบหกคะแนน สร้างความกดดันให้สามกลุ่มที่เหลือไม่น้อยเลย
จากนั้นกลุ่มตัวแทนของหอสร้างโลกก็ขึ้นเวที
หงโต้ว ตงเยี่ยน หวงส่านได้คะแนนทั้งสิ้นเจ็ดคะแนน แปดคะแนนและเก้าคะแนนตามลำดับ คะแนนรวมคือยี่สิบสี่คะแนน
หงโต้วที่สู้กับอันหลินอุตลุดอ่อนแอที่สุดตามคาด มันทำให้อันหลินกระวนกระวายใจเหลือเกิน
กลุ่มตัวแทนที่มาจากเมืองพุทธก็ขึ้นสังเวียนแล้ว ชิงจือ ชิงเหยียนและชิงซินได้เก้าคะแนน แปดคะแนนและแปดคะแนนตามลำดับ รวมทั้งสิ้นยี่สิบห้าคะแนน
คะแนนของทั้งสามกลุ่มใกล้เคียงกันยิ่งนัก สวนเอเดนนำไปก่อนชั่วคราว
ตัวแทนของสรวงสวรรค์อย่างพวกอันหลินขึ้นเวทีแล้ว
อันหลินหันมองกลุ่มอื่น พบว่าหงโต้วกำลังกระหยิ่มยิ้มย่องใส่ตน ราวกับกำลังพูดว่า ‘ข้าได้เจ็ดคะแนนแล้วอย่างไร อย่างไรเสียมีเจ้าเป็นรอง ข้าไม่ขายหน้า’
พับผ่าสิ นี่เป็นการดูถูกของพวกบ๊วยงั้นเหรอ!
ไม่รู้เพราะอะไร อันหลินรู้สึกอัดอั้นใจเมื่อเห็นใบหน้าของหงโต้ว
หวังเสวียนจ้านขึ้นสังเวียนคนแรก เขาสืบทอดสายเลือดมังกร มีความรู้ด้านพลังอัสนีที่แก่กล้าอย่างยิ่ง เมื่อสำแดงพลังของมังกรอัสนี ก็เหมือนสายฟ้าคำรามลั่น ทำให้ตะลึงกันทั้งจัตุรัสในทันที
สุดท้ายยอดฝีมือก็ถูกประเมินว่าเป็นระดับสวรรค์ขั้นต้น เช่นเดียวกับออกัส
หวังเสวียนจ้านเบะปาก เหมือนกับไม่ค่อยพอใจกับคะแนนมากเท่าใดนัก แต่ก็เดินกลับมายืนข้างอันหลินเหมือนเดิม
ต่อมาก็ถึงตาหลิวเชียนฮ่วนออกโรง
นางเป็นนักเรียนที่สองของอันดับในรั้วสำนัก หญิงสาวที่มีทั้งรูปโฉมและความสามารถ ได้ยินว่าอยู่ในระดับกึ่งแปลงจิตแล้ว
ขอเพียงหลิวเชียนฮ่วนทำได้ดี เช่นนั้นอันหลินก็จะผ่อนคลายขึ้นมากเลยทีเดียว
แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด อันหลินไม่ค่อยไว้ใจศิษย์พี่หลิวคนนี้เลย
“คิคิ ในที่สุดก็ถือตาข้าแสดงฝีมือแล้ว!” หลิวเชียนฮ่วนก้าวไปข้างหน้าด้วยความยิ้มแย้ม ดวงตาสีม่วงปานดวงดาวพร่างพราว ดึงดูดใจเป็นที่สุด
การขึ้นเวทีของหลิวเชียนฮ่วน ทำให้เกิดเสียงโห่ร้องของผู้ชายนับหมื่นคนในจัตุรัส
นางจดจ้องศิลาสีดำเบื้องหน้า สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ยื่นมือทั้งสองข้างออกไป ฝ่ามือหันเข้าหาศิลา
คทาขนนกที่ลอยอยู่ข้างหน้าหมุนอย่างรวดเร็ว พลังงานที่น่ากลัวอย่างยิ่งกำลังรวมตัว
“เอาลำแสงสุดท้ายของข้าไปกิน!”
เมื่อเสียงใสแจ๋วดังขึ้น พลังงานก็ทะลักออกจากคทา ก่อตัวเป็นเสาแสงพลังงานสีชมพู โจมตีศิลาสีดำโดยพลันราวกับปืนเลเซอร์


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม