อันหลินจะลงมือแล้ว ผู้ชมในจัตุรัสต่างก็จ้องเขาด้วยนัยน์ตาที่เป็นประกาย
เหยาหมิงซีและเหยาซิ่วกำมือแน่นด้วยความตื่นเต้น ให้กำลังใจไอดอลของตนในใจไม่หยุด
บนที่นั่งของแขกผู้มีเกียรติ หญิงที่สวมชุดสีเรียบคนหนึ่ง ใช้นิ้วมือเรียวงามพันปอยผมงามสลวยเป็นเกลียว มองชายหนุ่มบนสังเวียนอย่างสนใจ
“พวกเจ้าว่า ครั้งนี้พี่อันจะได้กี่คะแนน” หญิงผมสั้นหน้าตาสะสวยคนหนึ่งพูดขึ้น
คนที่พูดคือเหมียวเถียน สมาชิกกลุ่มอันหลินนั่นเอง
“เรามาพนันกันดีกว่า หนึ่งร้อยหินวิญญาณ ข้าขอพนันว่าพี่อันได้สิบสองคะแนน!” จงหย่งเหยียนโบกพัดพลางเอ่ยเสียงเรียบ
“ข้าก็ขอพนันด้วยว่าพี่อันได้สิบสองคะแนน” ลั่วจื่อผิงพูด
“สิบสองคะแนนด้วยคน” ซุนเซิ่งเหลียนหญิงงามหน้าอกอวบอิ่มพูดต่อ
“เฮ้อ…” เหมียวเถียนส่ายหน้าเล็กน้อย ทอดถอนหายใจ “ท่าทางการเดิมพันครั้งนี้จะเปล่าประโยชน์”
ขณะนั้นเอง อันหลินก็หาระยะห่างระหว่างศิลาประเมินระดับพลังยุทธ์สีนิลได้แล้ว
ตั้งแต่การปล่อยหมัดไปจนถึงเวลาระเบิด และตอนที่ระเบิดควรจะเป็นชั่ววินาทีที่สัมผัสศิลาจะดีที่สุด ทุกสิ่งเหล่านี้จำต้องคาดคะเนให้ดี
เขาย้อนความทรงจำที่น่ากลัววันนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายก็กะระยะทางได้ ยืนสงบอยู่กับที่
อันหลินสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วหันมองสองคนข้างกาย “ความปลอดภัยของชีวิตข้า ขึ้นอยู่กับพวกท่านสองคนแล้วนะ!”
หวังเสวียนจ้านกับหลิวเชียนฮ่วนพยักหน้า ต่างก็เตรียมพร้อมคุ้มกันแล้ว
ผู้ชมล้วนสงสัยและไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมสองคนนั้นต้องตามขึ้นไปด้วย
แต่เมื่อพวกเขาเห็นมือซ้ายของอันหลินชักนำสายฟ้า หมัดขวาสาดแสงสีทอง ก็มีคนบางส่วนถึงบางอ้อ โดยเฉพาะนักเรียนหลายสิบคนของปีสองห้องหนึ่ง พวกเขานึกถึงความน่ากลัวของเมฆรูปเห็ดที่พวยพุ่งขึ้นในคาบเรียนพลังเซียน
หนวดของเซียนพสุธาชางชิงกระตุก ดวงตาเบิกกว้าง พึมพำว่า “จะใช้กระบวนท่านั้นจริงหรือ”
สวีเสี่ยวหลานเห็นเช่นนั้นก็ไม่รู้ว่าควรจะเป็นห่วงหรือโมโหดี จึงมองอันหลินอย่างขุ่นเคือง “หาเรื่องอีกแล้ว!”
หงโต้วที่อยู่ไม่ไกลเกาหัวอย่างงุนงง
นี่มันหมัดสะเทือนขุนเขาอัสนีที่เคยใช้ตอนสู้กับมันไม่ใช่หรือ อย่างมากก็แค่เจ็ดคะแนน ไยคนอื่นถึงได้คาดหวังในตัวอันหลินสูงปานนั้น
กระแสไฟสีน้ำเงินกลางอากาศเริ่มไหลมารวมตัวที่หมัดขวาของอันหลินช้าๆ กลายเป็นสายฟ้าสีทอง
หยาดเหงื่อค่อยๆ ผุดขึ้นบนหน้าผากของอันหลิน แก่นแท้ของอนธการดั้งเดิมเริ่มผสานกับพลังยุทธ์ พลังที่ประนีประนอมและทำลายสรรพสิ่งเริ่มทำให้พลังเกิดการเปลี่ยนแปลง
สายฟ้าสีทองอันบ้าคลั่งเริ่มถูกกระแสสีดำชักนำ ค่อยๆ สงบลง อานุภาพที่ชวนให้หยุดหายใจเริ่มแผ่ซ่านแล้ว
ผู้ชมทั้งหลายต่างก็รู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึงขึ้นมาชอบกล
บัดนี้ยอดฝีมือระดับหวนสู่ความว่างเปล่าอย่างอวี้หัว ฮุ่ยหมิง ราชสีห์และวาเนสซาอึ้งงัน จ้องหมัดขวาของอันหลินไม่วางตา
“หมัดปรมาณูอัสนี!”
เมื่อสิ้นเสียงตะโกนของอันหลิน กำปั้นสีทองที่ห้อมล้อมด้วยกระแสไฟสีทองก็พุ่งออกไป
คทาขนนกของหลิวเชียนฮ่วนส่องแสงสว่างไสว สร้างบาเรียสีชมพูครอบพวกอันหลินไว้
หวังเสวียนจ้านตะลึงกับพลังงานที่ชวนให้หยุดหายใจนั่น ก็รีบคลี่ม่านคุ้มกันลูกวารีปิดล้อมทั้งสามคนไว้ทันทีเช่นกัน
ชั่วขณะที่หมัดสีทองใกล้จะสัมผัสศิลานั้น กระแสสีดำแผ่กระจายภายในกำปั้นดุจบัวบาน คล้ายมีเส้นด้ายกระชากหมัดด้วยพลังดับสูญกับความบ้าคลั่ง ทำให้มันหดเล็กลงอย่างน่าประหลาด…
และในเสี้ยววินาทีนั้นเอง ทุกสิ่งก็เงียบงันไร้เสียง
โครม!


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม