ขณะที่อันหลินกำลังสิ้นหวัง จู่ๆ หน้าจอของระบบก็ปรากฏขึ้นในสมองของเขา
ตรวจสอบพบว่าโฮสต์เข้าสู่แผ่นดินบรรพกาลแล้ว กำลังติดตั้งระบบภาษา…
อันหลินเห็นก็ออกอาการดีใจ คิดในใจว่าปัญหาที่สื่อสารไม่รู้เรื่อง ได้รับการแก้ไขสักที
เพียงครู่เดียว ระบบก็แจ้งเตือนอีกครั้งว่า
การติดตั้งภาษาล้มเหลว…
ขอให้โฮสต์ใช้เสียงไม่ต่ำกว่า 70 เดซิเบล ร้องเลียนเสียงสุนัขว่า ‘โฮ่ง โฮ่ง’ สองครั้ง
อันหลิน “…”
ใครก็ได้บอกฉันทีว่า นี่มันเรื่องบ้าอะไร!
ทำไมต้องให้ฉันร้องเลียนเสียงสุนัขด้วย มันมีความหมายอะไร!
อันหลินคำรามในใจ แต่หน้าจอระบบกลับไม่ตอบสนองอะไรเลย…
“โฮ่งๆ” อันหลินทำหน้าอับอาย ร้องเสียงต่ำ
ครู่หนึ่ง ระบบก็แจ้งเตือนอีกครั้งว่า ตรวจสอบพบว่าเสียงของโฮสต์อยู่ที่ 20 เดซิเบล เสียงดังไม่พอ ไม่สามารถติดตั้งได้
อันหลิน “…”
พี่สาวเซียนมองอันหลินด้วยความแปลกใจเล็กน้อย ท่าทางเหมือนเธอจะได้ยินอันหลินส่งเสียงประหลาด…
จากนั้นหญิงงามคนนั้นก็พูดภาษาที่เขาฟังไม่รู้เรื่องออกมาอีก สายตาที่มองเขาก็ค่อยๆ แปรเปลี่ยนไปทีละน้อย
ใช่แล้ว ตอนนี้เธอใช้สายตาที่มองคนเสียสติมองอันหลินแล้ว
อันหลินทนไม่ไหวอีกแล้ว เขาตัดสินใจทุ่มสุดตัว ตะโกนออกมาเสียงดังว่า “โฮ่ง! โฮ่ง!”
เสียงของเขาดังเกินไป ทำให้สายตาของผู้คนบนท้องถนนพากันจับจ้องมาที่เขา ด้วยสีหน้าตกตะลึง
หญิงสาวตรงหน้าอันหลินตกใจจนสะดุ้งโหยง
“เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ!” หญิงคนนั้นอุทาน
ฮ่าๆ ถูกมองว่าเป็นคนบ้าจริงๆ เสียแล้ว อันหลินแค่นยิ้ม
“เดี๋ยวนะ…ข้าฟังเจ้ารู้เรื่องแล้ว!”
อันหลินได้สติ ราวกับเป็นสัญชาตญาณ ภาษาประหลาดอย่างหนึ่งถูกเปล่งออกมาจากปากเขา
หญิงคนนั้นป้องปากขำน้อยๆ “นี่ ที่แท้เจ้าก็พูดภาษาคนนี่เอง ทำไมเมื่อครู่จู่ๆ เจ้าถึงร้องโฮ่งๆ ล่ะ ข้าเกือบคิดว่าเจ้าจะแปลงร่างกลายเป็นปีศาจสุนัขเสียแล้ว”
อันหลินหน้าแดงก่ำ รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “เอ่อ สวัสดี ข้าชื่ออันหลิน เพิ่งเคยมาที่นี่ครั้งแรก ไม่ทราบว่าที่นี่ที่ไหน”
หญิงคนนั้นได้ยินก็ประหลาดใจเล็กน้อย “เจ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่นี่ที่ไหน แล้วเจ้ามาได้ยังไง”
“อันที่จริงคือยอดฝีมือท่านหนึ่งใช้วิธีพิเศษ ส่งข้ามาถึงที่นี่โดยตรง ข้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับที่นี่เลย” อันหลินชี้แจง
“อ้อ อย่างนี้นี่เอง ผืนดินผืนนี้เป็นอาณาเขตของสรวงสวรรค์” หญิงคนนั้นชี้ไปที่กลุ่มวังหลังประตูใหญ่แล้วพูดว่า “อาณาเขตในประตูก็คือเขตของสำนักความร่วมมือบำเพ็ญเซียน ข้าคิดว่าเจ้าเป็นศิษย์ใหม่เหมือนกันเสียอีก”
“โอ้โห เจ้าบอกว่าอาณาเขตกว้างขวางปานนี้ในประตู เป็นเขตของสำนักความร่วมมือทั้งหมดเลยหรือ” อันหลินทำหน้าตกใจ
เขาทอดสายตามองไป กลุ่มสิ่งปลูกสร้างหลังประตูใหญ่ตั้งเรียงราย กินเนื้อที่กว้างใหญ่ มองไม่เห็นที่สิ้นสุด
“น่าแปลกมากหรือ จะว่าไปเจ้ามาทำอะไรที่นี่” หญิงสาวถามด้วยความสงสัย
“อันที่จริงเมื่อครู่เจ้าเดาถูกแล้ว ข้าเป็นศิษย์ใหม่ของที่นี่จริงๆ” ขณะที่พูด อันหลินก็ยื่นกระดาษสีทองในมือให้หญิงคนนั้นดู
“จดหมายรับรองของผู้เที่ยงแท้[1]” หญิงสาวอุทาน
จากนั้น สายตาที่นางมองอันหลินแปรเปลี่ยนไปในพริบตา
หญิงสาวเผยรอยยิ้มน่าหลงใหล แนะนำตัวเองกับอันหลินว่า “สวัสดี ข้าชื่อสวีเสี่ยวหลาน มาจากแคว้นสือหลง ข้าก็เป็นศิษย์ใหม่ของรุ่นนี้เหมือนกัน!”
“ในเมื่อเจ้าไม่คุ้นเคยกับที่นี่ งั้นข้าพาเจ้าไปลงทะเบียนดีกว่า”
ไม่รอให้อันหลินพูด สวีเสี่ยวหลานก็เป็นฝ่ายจูงมือเขาแล้วเดินไปทางประตูสำนัก
อันหลินแปลกใจที่ได้รับเมตตาเอ็นดู ทำไมท่าทีของหญิงงามข้างหน้าคนนี้ถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้กันล่ะ
“สำนักความร่วมมือบำเพ็ญเซียนอยู่ในความรับผิดชอบของสรวงสวรรค์ เป็นสำนักบำเพ็ญเซียนอันดับหนึ่งของแคว้นจิ่วโจว ทั้งสำนักมีพื้นที่สี่หมื่นตารางกิโลเมตร…” สวีเสี่ยวหลานเดินพลางแนะนำข้อมูลเกี่ยวกับสำนักแห่งนี้ให้อันหลิน
ใบหน้าของอันหลินแสดงความคาดหวัง สำนักหนึ่งมีพื้นที่ใหญ่กว่าเกาะมหาสมบัติ[2]ทั้งเกาะเสียอีก!
หลังเข้ามาในเขตสำนัก สิ่งที่ทำให้เขาตะลึงที่สุด ไม่ใช่ที่อยู่อาศัยของเซียนที่วิเศษพวกนั้น แต่เป็น ‘คน’ ที่พบเจอตลอดทาง
ไม่ได้มีแค่การแต่งกายของพวกเขาที่แปลกเท่านั้น แม้แต่สีผิวก็ยังหลากหลาย อันหลินถึงขั้นว่าเจอผู้ชายที่มีหนวดแมลงยาว แบกเปลือกหอยทากเดินเหินอยู่…
เมื่อเทียบกันแล้ว สวีเสี่ยวหลานที่สวมชุดนักพรตเป็นคนที่ปกติที่สุดแล้ว
วิธีเดินเหินของลูกศิษย์บางส่วนก็น่าสนใจมากเหมือนกัน บางคนใช้วิธีการลอย บางคนก็ยิ่งสะดุดตา ขี่ศาสตราวุธเหาะเหินกลางเวหา พวกนี้ดูแล้วยังพอรับได้
แต่คนที่นั่งพายุทอร์นาโดคนนั้นมันอะไรกันล่ะ
แค่เจ้านั่งพายุทอร์นาโดเคลื่อนไหวก็มากพอแล้ว ทำไมต้องหมุนตามพายุด้วยเล่า…
เมื่อเห็นฉากนี้ อันหลินทนไม่ไหวแล้วจริงๆ หลุดขำพรืดออกมา
คิดไม่ถึงว่าคนที่นั่งพายุทอร์นาโดคนนั้น จะรู้สึกไวต่อเสียงหัวเราะเป็นอย่างมาก พอพบว่าอันหลินกำลังหัวเราะเขา ก็จ้องอันหลินด้วยความโกรธ
จากนั้น อันหลินก็ไม่กล้าหัวเราะอีก พยายามอดทนอดกลั้นต่อสายตาโกรธขึงที่หมุนมารอบแล้วรอบเล่า กระทั่งเขาลอยไปไกล…
“ข้างหน้าก็คือจุดลงทะเบียน” สวีเสี่ยวหลานชี้บริเวณที่มีผู้คนกระจุกตัวอยู่ข้างหน้า
ตรงนั้นเป็นจัตุรัสเล็กๆ ขนาดไม่ใหญ่ แต่กลับมีคนรวมตัวกันมุงดูนับพันชีวิต
แท่นศิลาสีดำขนาดมหึมาตั้งอยู่กลางฝูงชน ส่องแสงสว่างสีขาวออกมาตลอดเวลา
“กายแห่งมรรคขั้นเจ็ด!”
“โอ้โห สุดยอด…”
ผู้คนฮือฮากันขึ้นมา
อันหลินมึนงง ความรู้สึกเดจาวูของการทดสอบแบบนี้มันคืออะไรกัน



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม