เหนือบริเวณที่อันหลินอยู่ นอกฉากกั้นแบ่งเขตสีฟ้าอ่อน มีหนังสือขนาดมหึมาลอยอยู่กลางอากาศ
หญิงที่สวมแว่นกรอบสีแดง ผมหยักศกเล็กน้อย รูปร่างสูงระหงกำลังฟุบอยู่บนหนังสือ
นางยกขาเรียวได้สัดส่วนที่สวมถุงน่องสีดำขึ้นไขว่ห้าง มองลงไปข้างล่างด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“เจ้าพวกเด็กที่อยู่ข้างล่างช่างน่าสนใจจริงๆ อันหลินในฐานะของตัวแทนประจำวิชาแดนมนุษย์ อย่าทำให้วิชาแดนมนุษย์ของข้าขายหน้าเชียว อย่างน้อย ก็แพ้ให้สมเกียรติหน่อย” หญิงสาวหยักยิ้ม จ้องมองนักเรียนพวกนั้นที่อยู่ข้างล่างด้วยสายตาแวววาว
ผู้หญิงคนนี้เป็นเซียนพสุธาเยว่อิ่ง อาจารย์วิชาแดนมนุษย์ของอันหลินนั่นเอง นางรับผิดชอบดูแลการประลองของเขตนี้
อันหลินถูกนักเรียนที่เกรี้ยวกราดหลายคนล้อมไว้ ทำให้นางรู้สึกว่าน่าสนใจเป็นอย่างมาก
จากนั้น ฉากที่น่าสนใจยิ่งกว่าก็เกิดขึ้น
นักเรียนสี่คน เริ่มโต้เถียงกันอย่างไม่ลดละ เพื่อชิงโอกาสประลองกับอันหลิน
ในขณะนั้นเอง กระต่ายน้อยทนไม่ไหวเอ่ยปากขึ้นมาว่า
“คือว่า…ข้าคิดว่าพวกเจ้าใช้วิธีประลองยุทธ์มาตัดสิน เพื่อให้ได้คนสุดท้ายที่จะมาประลองกับข้าเถอะ”
เมื่ออันหลินพูดประโยคนี้ ที่แห่งนั้นก็เงียบลงในทันใด
…
“นั่นสิ ทำไมข้าถึงคิดไม่ได้ล่ะเนี่ย!” จงเหวินตบเข่าฉาดหนึ่ง นึกขึ้นมาได้ในฉับพลัน
“นี่เป็นความคิดที่ดี ปัญหาที่แก้ไขด้วยวาจาไม่ได้ คงต้องใช้กำลังแก้ไขแล้ว” หลี่เจิ้งหยางก็ดวงตาลุกวาวเช่นกัน
“ผู้ประสบเหตุมองสถานการณ์ไม่ทะลุ สุดท้ายศิษย์น้องอันหลินก็หาทางออกที่ดีให้ได้” เฉินซูเป่าพยักหน้า บอกเป็นนัยว่าเห็นด้วย
“งั้นพวกเรามาจับสลากกำหนดคู่ต่อสู้กันเถอะ!” เซี่ยซือเหยาอยากรู้อยากลอง
ด้วยเหตุนี้ ทั้งสี่คนจึงเริ่มจับสลากการประลองอย่างสบายอกสบายใจ…
อันหลินหลบอยู่อีกมุม อันที่จริงเขายังมีอีกประโยคที่ไม่กล้าพูดออกมา นั่นก็คือ
พวกเจ้าไม่คิดจะใช้วิธีจับสลาก มากำหนดคนที่จะ ‘ฝากเนื้อฝากตัว’ กับข้าโดยตรงหรือ
แน่นอนว่า หากเขายังไม่อยากตาย จะไม่มีทางพูดประโยคนี้ออกไปเด็ดขาด
ด้วยเหตุนี้ การประลองจึงได้เริ่มขึ้น
รอบแรกเป็นการประลองระหว่าง เซี่ยซือเหยาปีหนึ่งห้องเก้า กับ จงเหวินปีสามห้องยี่สิบหก
เมื่อการประลองเริ่มขึ้น ทั้งสองต่างก็ปล่อยพลังอันน่าตะลึงอย่างยิ่งออกมา
พวกเขาอยู่ในระดับกายแห่งมรรคขั้นแปดทั้งคู่ ระดับเท่ากัน อยากจะรู้ผลแพ้ชนะ จำต้องทุ่มเทสุดความสามารถ จึงจะมีโอกาส
ดังนั้น การประลองจึงดุเดือดอย่างยิ่งตั้งแต่เริ่มประลอง
ลูกตุ้มดาวตกของจงเหวินมีพลังมหาศาล ทุกการโจมตีกระแทกผิวดินจนเป็นหลุมลึก
เขามั่นใจว่า ขอเพียงลูกตุ้มดาวตกโดนเซี่ยซือเหยาหนเดียว การประลองก็จะจบลงทันที
แต่เซี่ยซือเหยาเป็นนักพรตประเภทคล่องแคล่ว เรือนร่างเล็กกะทัดรัดของนางเคลื่อนไหวรวดเร็ว ทิ้งไว้เพียงร่างลวงตาสีชมพู ทำให้จงเหวินจับตำแหน่งแม่นยำของนางได้ยากมาก
ลูกตุ้มดาวตกพุ่งหวีดหวิวมา เซี่ยซือเหยาหลบหลีกด้วยท่าท่างอันปราดเปรียว จากนั้นก็พุ่งออกไปหาจงเหวินด้วยความเร็วแสง
“ฮี่ๆ ศิษย์พี่ ท่านช้าเกินไปแล้ว”
เซี่ยซือเหยายิ้มตาหยี เผยให้เห็นเขี้ยวน่ารัก กริชในมือยื่นไปหาจงเหวินอย่างไม่ปราณี
ลำแสงสว่างวาบ กริชคมผิดปกติ แค่แทงเบาๆ ก็ปักเข้าไปในอกของจงเหวินจนมิดด้ามแล้ว
“อ๊าก!” จงเหวินกรีดร้อง ถอยหลังกรูด
เซี่ยซือเหวินชักกริชออกมา ระหว่างที่เลือดสาดกระเซ็น นางก็ไล่ล่าอย่างรวดเร็ว กริชคมแปรเปลี่ยนเป็นลำแสงคร่าชีวิต พุ่งไปหาร่างของจงเหวินอีกครั้ง
เลือดสาดกระจาย จงเหวินโหยหวนไม่อยู่ เพียงแค่ชั่วขณะก็บาดเจ็บหลายที่ เลือดแดงฉานย้อมเสื้อของเขา
ผู้หญิงตรงหน้านี้รวดเร็วเสียจนทำให้จงเหวินสิ้นหวัง ไม่ว่าเขาจะตอบโต้อย่างไร ก็ทำอะไรนางไม่ได้ ทำได้แค่เป็นฝ่ายถูกทิ่มแทงไม่หยุดหย่อน
อันหลินที่มองอยู่ตรงมุมหนึ่งอกสั่นขวัญแขวน
เวรแล้ว เซี่ยซือเหยาจะฆ่าคนแล้ว!
นักเรียนหญิงที่น่ารักน่าเอ็นดู กลายร่างเป็นมือสังหารกระหายเลือด ฉากที่ตามล่าศิษย์พี่อย่างไม่ปราณี ถูกบันทึกลงในสมองของอันหลินอย่างลึกซึ้งแล้ว
สุดท้าย แสงทองคุ้มกันก็ปรากฏขึ้นรอบตัวศิษย์พี่จงเหวิน บ่งบอกว่าเขาแพ้ศึกแล้ว
“ขอบคุณที่ศิษย์พี่ยอมแพ้”
เซี่ยซือเหยาเก็บกริช กลับมาเป็นเด็กผู้หญิงที่น่ารักอีกครั้ง มือไพล่หลัง พูดพลางยิ้มกริ่ม
จงเหวินกอดร่างกายที่เลือดไหลไม่หยุดไว้ มองหญิงสาวคนตรงหน้าด้วยสีหน้าขมขื่น
เขาถอนหายใจแผ่วเบา ไม่พูดอะไร ถูกส่งตัวออกจากเขตแดนค่ายกลทันที
เซี่ยซือเหยาหันกลับมามองอันหลินแวบหนึ่ง ยักคิ้วใส่เขาเป็นเชิงยั่วเย้า จากนั้นก็หันหลังกลับไปต่อสู้อีกทางหนึ่ง
เมื่ออันหลินถูกนางมองเช่นนี้ ขนก็ลุกเกรียวกราวทั้งตัว
ในใจมีเสียงกำลังร่ำร้องว่า ไม่เอานะ ผู้ชนะคนสุดท้ายห้ามเป็นนางเด็ดขาด!
อันหลินยอมถูกลูกตุ้มดาวตกกระแทกจนหมดสติไป ดีกว่ายอมถูกมีดเล็กๆ ทิ่มแทงทีละครั้ง มันน่ากลัวเกินไปแล้ว!
การต่อสู้ระหว่างเฉินซูเป่ากับหลี่เจิ้งหยาง ก็รู้ผลแพ้ชนะในขณะนั้นแล้วเช่นกัน
ชัยชนะของหลี่เจิ้งหยางใช่ว่าจะได้มาง่ายดาย เสื้อของเขาขาดรุ่งริ่ง รอยแผลปรากฏบนผิวหนังอย่างเด่นชัด ตัวเขาเองก็หายใจหอบหนัก เพราะใช้พลังงานมากเกินไป
อันหลินเห็นสภาพของหลี่เจิ้งหยาง ก็แอบคิดในใจว่าแย่แล้ว
เซี่ยซือเหยาเอาชนะจงเหวินได้ด้วยวิธีที่เรียกได้ว่าราบรื่น ตอนนี้มาเจอกับหลี่เจิ้งหยางที่เสียเลือด คงเอาชนะได้อย่างราบรื่นอีกครั้งแน่ๆ
เมื่อหลี่เจิ้งหยางรู้ว่าคู่ต่อสู้ของเขาคือเซี่ยซือเหยา ก็ตกใจเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าคิดไม่ถึงว่านางจะเป็นผู้ชนะ
ไม่นาน การต่อสู้ระหว่างเซี่ยซือเหยากับหลี่เจิ้งหยางก็เริ่มต้นขึ้น
หลี่เจิ้งหยางยอดเยี่ยมกว่าที่อันหลินจินตนาการไว้มาก การต่อสู้ไม่มีสถานการณ์ที่ได้เปรียบฝ่ายเดียวเกิดขึ้น
แม้สภาพของหลี่เจิ้งหยางจะย่ำแย่ แต่เพราะเขามีระดับพลังยุทธ์กายแห่งมรรคขั้นเก้า บวกกับวิชากระบี่ประณีตและอหังการ จึงต่อสู้กับเซี่ยซือเหยาโดยที่ตัดสินผลแพ้ชนะไม่ได้ในทันที
กริชยากลึกหยั่งถึงของเซี่ยซือเหยา ทลายการป้องกันวิชากระบี่ของหลี่เจิ้งหยางไม่ได้ ทำให้นางเริ่มกระวนกระวายใจขึ้นมา
ท่าเงาฉับพลัน!
ตอนที่กริชพุ่งไปหาหลี่เจิ้งหยาง ก็มีภาพแยกของใบมีดสีดำปรากฏออกมา จู่ๆ เงาใบมีดก็ยืดยาว ยื่นไปทิ่มแทงหลี่เจิ้งหยาง
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม