“เรียกหาอะไร”
“จอกศักดิ์สิทธิ์ทอง”
คำตอบของหลิวเชียนฮ่วนเป็นเหมือนสายฟ้า ผ่าหวังเสวียนจ้านกับอันหลินจนสะดุ้งโหยง
“วาดค่ายกลเรียกจอกศักดิ์สิทธิ์ทองหรือ”
“ท่านแน่ใจนะว่าไม่ได้ล้อข้าเล่น”
อันหลินจ้องลวดลายซับซ้อนบนพื้นดินด้วยความเหลือเชื่อ อุทานด้วยความตกใจ
“คิกๆ ข้ากำลังล้อเจ้าเล่นอยู่นั่นแหละ เจ้าทึ่ม!”
นัยน์ตาของหลิวเชียนฮ่วนเปื้อนยิ้ม ย่นจมูกจิ้มลิ้มเล็กน้อยแล้วพูดยิ้มๆ
อันหลิน “…”
หวังเสวียนจ้าน “…”
เมื่อเห็นสองคนที่กุมขมับ หลิวเชียนฮ่วนก็พูดความจริงออกมาในที่สุด “ข้าเดาว่ามีพลังเชื่อมต่อระหว่างจอกศักดิ์สิทธิ์ บนจอกศักดิ์สิทธิ์มีลวดลายประหลาด น่าจะเป็นสัญลักษณ์พิเศษบางอย่างของจอกศักดิ์สิทธิ์ เติมสัญลักษณ์พิเศษเหล่านี้ลงบนค่ายกลตามปราณ ไม่แน่อาจจะทำให้ค่ายกลเชื่อมต่อกันจอกศักดิ์สิทธิ์ที่เหลือก็ได้”
อันหลินกะพริบตาปริบๆ แม้จะไม่ค่อยเข้าใจมากนัก แต่ก็รู้สึกว่าสุดยอดไปเลย
แต่หวังเสวียนจ้านกลับตาลุกวาว “ค่ายกลตามปราณคล้ายคลึงกับค่ายกลติดตามสายเลือดอะไรเทือกนั้นสินะ ค่ายกลติดตามสายเลือดสามารถใช้สายเลือดค้นหาสิ่งมีชีวิตที่มีสายเลือดเกี่ยวข้องกันได้ แต่ค่ายกลตามปราณมีระดับสูงกว่าค่ายกลติดตามสายเลือดหลายขั้น ได้ยินว่าเกี่ยวข้องกับพลังด้านผลกรรม ไม่คิดเลยว่าศิษย์พี่หลิวจะรู้จักค่ายกลแบบนี้ด้วย”
หลิวเชียนฮ่วนตอบยิ้มๆ ว่า “ตอนนี้ข้าทำได้แค่วาดค่ายกลตามปราณที่ง่ายที่สุดเท่านั้น สัญลักษณ์พิเศษบนจอกศักดิ์สิทธิ์จำต้องเป็นคุณสมบัติดั้งเดิมของมัน ค่ายกลนี้จึงจะได้ผล และยิ่งมีสัญลักษณ์พิเศษมากเท่าใด ระยะทางจะยิ่งใกล้ ประสิทธิภาพจะยิ่งสูงมากขึ้นเท่านั้น!”
ผ่านไปครู่หนึ่ง แผนผังค่ายกลที่สลับซับซ้อนอย่างยิ่งก็ปรากฏให้เห็นบนพื้นดิน
ใบหน้าของหลิวเชียนฮ่วนซีดเผือด หน้าผากขาวผ่องมีเหงื่อซึม เห็นได้ชัดว่าแผนผังของค่ายกลนี้ค่อนข้างผลาญพลังงาน
ศูนย์กลางของค่ายกลมีลวดลายพิเศษของจอกศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้า ถูกสลักไว้ภายในด้วยวิธีพิเศษบางอย่าง ถือเป็นการเชื่อมสัมพันธ์
จู่ๆ ก็มีเมฆและลมซัดสาด พลังปราณมหาศาลเริ่มหลั่งไหลมาบรรจบที่ค่ายกลตามปราณ พยายามกระตุ้นค่ายกล
อันหลินลอบกลืนน้ำลาย จับจ้องค่ายกลอย่างลุ้นระทึก
ทันใดนั้น ค่ายกลก็สาดแสงสีขาว
เข็มสีขาวสามอันปรากฏให้เห็นบนค่ายกล ชี้ไปยังทิศทางที่แตกต่างกัน
“สำเร็จแล้ว!” หลิวเชียนฮ่วนอุทาน
อันที่จริงนางเพียงแค่ลองดูไม่ได้คาดหวังมากเท่าใดนัก ไม่คิดเลยว่าจะคลำทางจนถูก อารมณ์ในตอนนี้ ตื่นเต้นกว่าอันหลินกับหวังเสวียนจ้านหลายเท่า ราวกับถูกรางวัลใหญ่
“เข็มทิศทั้งสามหมายถึงทิศทางของจอกศักดิ์สิทธิ์หรือ เช่นนั้นทางไหนเล่าที่ถูกต้อง” หวังเสวียนจ้านพูดอย่างสงสัย
“ไม่ใช่ทั้งนั้น” ดวงตาสีม่วงของหลิวเชียนฮ่วนทอแสงน่าชม มือชี้บางแห่งบนค่ายกล “นี่ต่างหากทิศทางที่ถูกต้อง!”
อันหลินกับหวังเสวียนจ้านมองตามทิศทางที่หลิวเชียนฮ่วนชี้ ถึงได้พบว่าเข็มทิศที่ค่อนข้างเล็กและบาง ราวกับจะจางหายไปในค่ายกล กำลังชี้ไปยังทิศทางหนึ่ง
อันหลินได้สติ พูดอย่างกระจ่างใจว่า “ข้าเข้าใจแล้ว เข็มทิศสามอันบอกตำแหน่งของจอกศักดิ์สิทธิ์โลหะกับจอกศักดิ์สิทธิ์เงินอื่นๆ ลวดลายพิเศษที่สลักลงในค่ายกล เป็นริ้วรอยของจอกเงินและจอกโลหะ ความสัมพันธ์ของพวกมันกับจอกเงินและจอกโลหะแน่นแฟ้นกว่า แต่จอกศักดิ์สิทธิ์ทองกลับแยกตัวเป็นเอกเทศ ความสัมพันธ์เบาบางกว่า เข็มทิศจึงไม่สะดุดมากขนาดนั้น”
หลิวเชียนฮ่วนดีดนิ้ว พูดยิ้มๆ ว่า “ถูกต้อง! เข็มทิศที่เล็กเหมือนเห็ดเข็มทองนี้ บอกทิศทางของจอกศักดิ์สิทธิ์เงิน คราวนี้พวกเรามีเป้าหมายแล้ว!”
เพิ่งสิ้นเสียง ค่ายกลก็ระเบิดดังกึกก้อง เข็มทิศแตกละเอียด แสงสว่างเลือนหาย
อืม…นี่เป็นเค้าลางที่ค่ายกลต้านไม่ไหว พังทลายด้วยตัวเอง
หลิวเชียนฮ่วนแลบลิ้นออกมาอย่างเก้อเขิน กล่าวว่า “อย่างไรเสียก็รู้ทิศทางแล้ว เราไปกันเถอะ!”
อันหลินกับหวังเสวียนจ้านพยักหน้า ตอนนี้อย่างน้อยก็มีเบาะแสแล้ว ย่อมไม่เสียเวลาอีก เหาะไปทางที่เข็มทิศของหลิวเชียนฮ่วนบอกทันที
ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเทือกเขาจงหลง
มีภูเขาที่หินดำสลับซับซ้อน ยอดเขามีหิมะขาวโพลน แม้ตอนนี้จะดึกดื่นค่อนคืนแล้ว แต่หิมะบนยอดเขากลับส่องแสงสีขาวนวลกระจ่างภายใต้แสงจันทร์ แลดูบริสุทธิ์และสงบ
พื้นที่ว่างแห่งหนึ่งตรงสันเขา มีแสงไฟกะพริบรำไร
“ตงเยี่ยน เหมือนจะมีคนอยู่บนภูเขาลูกนั้น!” นัยน์ตาของหงโต้วสว่างดุจโคม จ้องภูเขาลูกหนึ่งที่อยู่ไกลออกไปสามลี้
ในค่ำคืนอันมืดมิด ไม่ว่าแสงไฟใดก็ดูสะดุดตาทั้งนั้น
ตงเยี่ยนก็แสดงสีหน้าสนอกสนใจเช่นกัน เอ่ยปากว่า “ไป เราไปดูกันหน่อย อำพรางร่องรอยด้วย!”
พวกมันคาดเดาว่าบนภูเขาลูกนั้น ต้องมีตัวแทนของอิทธิพลอื่นเป็นแน่ หากเข้าใกล้พวกเขาตอนนี้ จะเลือกวิธีที่สะดุดตาอย่างเหาะเหินเดินอากาศไม่ได้ แต่ต้องทะยานลงพื้น ใช้วิธีวิ่งไปแทน


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม