“สิบแปดอรหันต์ คาถาคุมสวรรค์!”
นัยน์ตาของชิงจือฉายแสงสีทองวาบ กลิ่นอายตั้งแต่หัวจรดเท้ายิ่งใหญ่เย็นเยือก
กลางนภา อักขระสีทองมโหฬารหกตัวระเบิดทันใด
จากอักขระที่ระเบิด มีนักบวชที่มีเนื้อตัวสีทอง พลังหนักแน่นดุจขุนเขาหกรูปเดินออกมา
“อิงคท วันวาสี วัชรบุตร สุปิณฑ นนทิมิตร ปักถะโล!”
คาถาคุมสวรรค์เป็นคาถาเชิดหุ่นที่ยิ่งใหญ่อย่างมหันต์ของเมืองพุทธ ใช้สุดยอดพลังควบคุมหุ่นสิบแปดอรหันต์
พลังยุทธ์ในตอนนี้ของชิงจือ ย่อมไม่สามารถทำได้ถึงขั้นนี้ แม้จะผสานด้วยค่ายกลเทวทูตปัจญธาตุ เขาก็ควบคุมได้เพียงหุ่นอรหันต์เพียงหกรูปเท่านั้น
แต่เพียงหุ่นหกอรหันต์ ก็เพียงพอแล้ว!
ครืน! หกอรหันต์เพิ่งออกโรง พายุคลั่งก็ม้วนตัวไปทั่วพสุธา แสงพุทธธรรมสว่างไสว กลิ่นอายท่วมท้นโจมตีเด็กหญิงตรงหน้าประหนึ่งคลื่นยักษ์
ระหว่างนี้ เด็กหญิงกับร่างของเทวทูตของออกัสประมือกันอีกหลายหมัด แต่ก็ไม่อาจช่วงชิงข้อได้เปรียบอันสมบูรณ์ได้
หลังออกัส เชอรีลกับตงเยี่ยนรู้สึกถึงกลิ่นอายพลังอันแก่กล้าอย่างยิ่งยวดที่หกอรหันต์แผ่ออกมา หัวใจก็สงบลง จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้พุ่งทะยาน
หกอรหันต์ล้วนมีความสามารถที่เกือบจะเทียบเท่าระดับแปลงจิตขั้นต้น เดิมทีการคงสภาพการเคลื่อนไหวของพวกมัน นอกจากหินวิญญาณแล้ว ชิงจือยังต้องถ่ายโอนพลังปราณอย่างต่อเนื่อง ผลาญสมาธิอย่างยิ่ง อดทนได้เพียงไม่กี่อึดใจ
แต่ตอนนี้อาศัยค่ายกลเทวทูตปัญจธาตุ พลังของเชอรีล ตงเยี่ยนและชิงจือก็สามารถถ่ายโอนให้หกอรหันต์ได้เช่นกัน ทำให้ความคงทนของหุ่นเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก
เมื่อชิงจือใช้ความคิด หกอรหันต์ก็พุ่งใส่เด็กหญิงที่อยู่เบื้องหน้าพร้อมกัน ซ้ำยังปล่อยศาสตราวุธออกมาด้วย
พวกมันต่างก็มีอิทธิฤทธิ์ ทุกกระบวนท่าล้วนสะเทือนฟ้าดิน
เดิมทีลำพังแค่เทวทูตก็สามารถประมือกับเด็กหญิงได้แล้ว บัดนี้มีหกอรหันต์ที่มีพลังแก่กล้าเพิ่มมา โจมตีเด็กหญิงจนถอยกรูดในพริบตา
ในจัตุรัสฟ้าคราม ตัวแทนอีกสามอิทธิพลที่ไม่มีความหวังใดแล้วในคราแรก เมื่อเห็นสวนเอเดนและเมืองพุทธเผยไพ่ตายเพื่อพลิกสถานการณ์ สุดท้ายในใจก็เกิดความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
ส่วนนักเรียนของสรวงสวรรค์กลับเริ่มตึงเครียดขึ้นมา ตัวแทนของพวกเขาลงเรือลำเดียวกับเด็กหญิงแล้ว ยามนี้ปีศาจตนนั้นตกเป็นเบี้ยล่าง สั่นคลอนแชมป์ของสรวงสวรรค์แล้วอย่างแท้จริง
บนที่นั่งของแขกผู้มีเกียรติ เซียนหญิงที่สวมชุดสีอ่อนคนหนึ่งจดจ้องหน้าจอผลึกหินบนสังเวียน
นางไม่ได้สนใจการต่อสู้อันดุเดือดมากนัก แต่กลับเบนสายตามองบุรุษที่กำลังชมอยู่อีกมุมราวกับไม่ตั้งใจ ใบหน้าฉายความคาดหวังไม่น้อย
อันหลินกับหลิวเชียนฮ่วนที่อยู่ในสมรภูมิรบ ไม่คาดคิดว่าการร่วมมือของทั้งสามอิทธิพล จะระเบิดพลังที่ยิ่งใหญ่ปานนี้ได้ ขณะที่เด็กหญิงถูกโจมตีจนถอยหลังอย่างต่อเนื่อง จึงตั้งใจว่าจะลงมือช่วย
“พวกเราต้องคิดหาวิธีถ่วงเวลาหุ่นพวกนั้น ต่อให้ถ่วงไม่ได้ ก็ต้องหาทางก่อกวนสักหน่อย คาถาเชิดหุ่นที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น พวกเขาคงจะอดทนได้ไม่นาน!” หลิวเชียนฮ่วนพูดเสียงร้อนรน
อันหลินกะพริบตาปริบๆ “ท่านว่าอะไรนะ นั่นเป็นหุ่นหรือ”
หลิวเชียนฮ่วนถลึงตา “เจ้าตาบอดหรือไง นักบวชที่เป็นสีทองอร่ามพวกนั้นเป็นหุ่นน่ะสิ!”
“อะไรนะ…พวกเขาเป็นหุ่นหรือ! คล่องแคล่วขนาดนี้ ข้าคิดว่าก่อตัวจากพลังเซียนสักอย่างเสียอีก…” อันหลินตกตะลึง “การประลองแบบนี้ใช้หุ่นได้ด้วยหรือ”
หลิวเชียนฮ่วนกลอกตา “ได้อยู่แล้วสิ มันไม่ใช่การโกงเหมือนพวกยันต์เสียหน่อย การควบคุมหุ่น ต้องใช้สมาธิระดับสูง เป็นการแสดงออกทางความสามารถอย่างหนึ่งอยู่แล้ว การประลองแบบนี้จะห้ามได้อย่างไร”
“อืม…แล้วถ้าหากมีหุ่นชนิดหนึ่ง ไม่ต้องควบคุมมากเท่าใดนัก ก็สามารถแสดงออกถึงความสามารถของผู้ใช้ได้เช่นกัน จะใช้ได้หรือไม่” อันหลินลังเลเล็กน้อย
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
“หมายความตามนี้แหละ ข้ามีของรักชิ้นใหญ่จะให้ท่านดู…”
ตูม!

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม