“อะไรนะ เจ้า…เจ้าบอกว่าเจ้าคือเสิ่นอิงหรือ!”
สวีเสี่ยวหลานเบิกตากว้าง ใบหน้ามีแต่ความตกใจ พูดจาก็เริ่มตะกุกตะกักขึ้นมา
อันหลิน เจ้าอัปลักษณ์และต้าไป๋ที่บาดเจ็บล้มอยู่กับพื้นก็มองหญิงชุดขาวที่อยู่ไม่ไกลอย่างสับสนงุนงงเช่นกัน
เสิ่นอิง? ล้อกันเล่นหรือเปล่า!
สุสานมังกรเหมันต์เป็นหลุมฝังศพของมังกรเสิ่นอิงไม่ใช่หรือ
หากผู้เฝ้าสุสานของตำหนักสวรรค์เป็นเสิ่นอิงละก็ เท่ากับว่านางสร้างสุสานให้ตัวเองแล้วมาเป็นผู้เฝ้าสุสานเล่นๆ น่ะสิ
เล่นแบบนี้ได้ที่ไหนกัน!
หญิงชุดขาวพยักหน้าจริงจัง ตอบคำถามของสวีเสี่ยวหลานอย่างหนักแน่น “ข้านี่แหละเสิ่นอิง เจ้าของสุสานมังกรแห่งนี้”
สวีเสี่ยวหลาน “…”
อันหลิน ต้าไป๋และเจ้าอัปลักษณ์ “…”
ไม่สนใจปฏิกิริยาของทุกคน หญิงชุดขาวสะบัดมือ ค่ายกลรักษาขนาดใหญ่ผุดขึ้นมา รักษาอาการบาดเจ็บของทุกคน
“การทดสอบพลังต่อสู้ในครั้งนี้ แค่เพียงต้านทานข้าได้เกินสิบอึดใจก็ถือว่าผ่านแล้ว ตั้งแต่ข้าลงมือแต่แรกจนถึงตอนที่สนทนากับสหายสวีเสี่ยวหลาน ผ่านมาสิบสองอึดใจแล้ว ฉะนั้นยินดีกับพวกเจ้าด้วยที่ผ่านการทดสอบพลังต่อสู้” หญิงสาวที่เรียกตัวเองว่าเสิ่นอิงพูดยิ้มๆ
พวกอันหลินได้ยินก็โล่งใจไปเปราะหนึ่ง เสิ่นอิงเป็นถึงยอดฝีมือระดับหวนสู่ความว่างเปล่า อยากเอาชนะนางนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ การต่อสู้ก่อนหน้านี้มาย้อนคิดตอนนี้ยังนึกพรั่นใจ
การรักษาของค่ายกลยังคงดำเนินต่อไป อาการบาดเจ็บของพวกอันหลินก็ทุเลาลงไม่น้อย จึงลุกขึ้นยืนอีกครั้ง ต๋าอีกับต๋าเอ้อร์ก็กลับเข้าแหวนมิติ เริ่มสูบหินปราณเสริมพลัง ซ่อมแซมบาดแผลเองอัตโนมัติ
การต่อสู้ครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้หุ่นสองตัวนี้ดูดซึมไปนับแสนกว่าหินวิญญาณแล้ว โชคดีที่อันหลินเป็นเศรษฐี มิเช่นนั้นคงจะปวดใจเจียนตายแน่
ขณะที่ทุกคนฝืนยอมรับความจริงที่ว่าหญิงชุดขาวคือเสิ่นอิงนั้น เสิ่นอิงก็เอ่ยปากอีกครั้ง
นางคุยกับสวีเสี่ยวหลาน เห็นได้ชัดว่าสนใจสวีเสี่ยวหลานเป็นอย่างมาก “สหายสวีเสี่ยวหลาน ขอให้ข้าได้ใช้คาถาหนึ่งกับเจ้าได้ไหม”
สวีเสี่ยวหลานพูดอย่างระแวดระวังว่า “คาถาอะไรหรือ”
“คาถาตรวจสอบสายเลือด บอกตามตรง ข้าคิดว่าเจ้ากับข้าเป็นญาติกัน”
“ความหยิ่งทะนงของเชวี่ยเอ๋อร์ ไม่มีทางยอมรับนักพรตที่มีเพียงพลังยุทธ์ระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณเด็ดขาด เว้นเสียแต่ว่าร่างกายเจ้าจะมีกลิ่นอายที่ข้าคุ้นเคย…” เสิ่นอิงพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนอย่างยิ่ง นัยน์ตาแฝงความคาดหวัง
สวีเสี่ยวหลานขบคิดอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายก็พยักหน้าตกลง
ความสามารถอย่างเสิ่นอิง หากอยากปองร้ายนาง ไม่ว่าจะใช้คาถาอะไร นางก็ต้านทานไม่ไหว เสิ่นอิงเป็นฝ่ายขอร้อง เป็นการแสดงออกว่าเคารพนาง นางเองก็กำลังสงสัยในความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับตำหนักสวรรค์เช่นกัน เมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่มีอะไรต้องปฏิเสธ
อันหลิน ต้าไป๋กับเจ้าอัปลักษณ์ต่างก็เบิกตากว้าง ก่อนหน้านี้เคยคาดเดาไว้แล้วว่า สุสานมังกรแห่งนี้เป็นของตระกูลสวีเสี่ยวหลาน ไม่คิดว่าตอนนี้แม้แต่เจ้าของสุสานอย่างมังกรเสิ่นอิงก็อยากจะพิสูจน์เช่นนี้ด้วยเหมือนกัน…
ลำแสงสีแดงสาดออกจากเรียวนิ้วของเสิ่นอิง แตะเบาๆ ที่หน้าผากของสวีเสี่ยวหลาน
สวีเสี่ยวหลานหลับตาพริ้ม แพขนตาสั่นระริก ใบหน้าหยาดเยิ้มแลดูลุ้นระทึก
อันหลินจ้องอากัปกิริยาของเสิ่นอิงอย่างใจจดใจจ่อ มองใบหน้านางจากเรียบเฉยไปถึงงุนงง จากนั้นก็กระจ่างใจ
เสิ่นอิงลดมือลง สิ้นสุดการใช้คาถา
ไม่มีเหตุการณ์สะเทือนฟ้าดินอะไร ระหว่างนี้ล้วนนิ่งสงบอย่างยิ่ง
สวีเสี่ยวหลานลืมตาขึ้นมองหญิงสาวงามสง่าตรงหน้า ทั้งหวั่นวิตกและคาดหวัง
ดวงตาของเสิ่นอิงเป็นประกาย สีหน้าที่มองสวีเสี่ยวหลานก็อ่อนโยนยิ่งกว่าเดิม
“ลูกเอ๋ย ข้ารู้แล้ว ข้ารู้หมดแล้ว ให้ข้าบอกความจริงกับเจ้าเถอะ…”
ฟังคำพูดของเสิ่นอิง อันหลิน ต้าไป๋และเจ้าอัปลักษณ์รู้แล้วว่ามีข่าวดี!



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม