โชคดีกระต่ายดวงจันทร์ยั้งมือ อันหลินแค่หน้ามืด ไม่ได้สลบเหมือดไปอย่างสิ้นเชิง
ซูเฉี่ยนอวิ๋นรีบเข้าไปประคองอันหลินที่หน้ามืดตาลาย มองกระต่ายดวงจันทร์ตาเขียว
กระต่ายดวงจันทร์ทำเสียงฮึดฮัดในลำคอ ทำท่าเป็นเชิงบอกว่าสมควรแล้ว
นานแล้วที่ไม่มีบุรุษมาที่วังจันทรา โผล่มาคนหนึ่ง ย่อมต้องสั่งสอนให้ดี
“ในเมื่อเจ้าเป็นฝ่ายมาใช้หนี้ด้วยตัวเอง เช่นนั้นก็ตามข้าไปพบพี่ฉางเอ๋อแล้วกัน”
กระต่ายดวงจันทร์เหลือบมองอันหลินที่ได้สติแล้ว หันหลังเดินนำอยู่ข้างหน้า
“แต่ข้าต้องเตือนเจ้าก่อนนะ ช่วงนี้นายหญิงอารมณ์ไม่ปกติ เจ้าต้องระวังคำพูดและกิริยา หากทำให้นางไม่พอใจ ข้าช่วยเจ้าไม่ได้นะ!” เดินไปได้สองก้าว กระต่ายดวงจันทร์ก็หันกลับมาเตือนอันหลิน
อันหลินพยักหน้าจริงจังเมื่อได้ยิน เขาเพียงแค่มาใช้หนี้ วางตัวว่าง่ายหน่อยก็พอแล้ว
ชั้นเก้าของวังจันทรา ที่นี่สามารถมองเห็นแผ่นดินจันทราได้ทั้งผืน
อ้อมผ่านม่านที่มีรูปวาดธรรมชาติแล้ว ร่างงดงามก็เข้าสู่คลองจักษุ อันหลินเห็นสตรีที่ถูกขนานนามว่างดงามที่สุดในหล้า
ชุดกระโปรงสีขาวที่นางสวมใส่พลิ้วไหวกลางสายลมโชย ประดุจบัวน้ำที่ผลิบานในรัตติกาล
ร่างอรชรสูงระหงตะแคงตัวพิงเก้าอี้ มือเรียวยาวเท้าคาง ใบหน้าเอื่อยเฉื่อย นัยน์ตาหยาดเยิ้มดุจสายธารยามสารทเสมองทางอื่น ราวกับกำลังคิดอะไรอยู่
รูปโฉมของฉางเอ๋อย่อมไม่ต้องพูดถึง เหนือกว่าซูเฉี่ยนอวิ๋นมากโข มันเป็นความงามที่ทำให้ใจสั่นไหว ชวนให้ลุ่มหลงอย่างแท้จริง ประหนึ่งเทพธิดาสวรรค์เก้าชั้นฟ้า
อันหลินคิดว่าตนเคยพบเห็นเทพธิดามานักต่อนัก มีแรงต้านทานนานแล้ว ทว่าเมื่อเขาเห็นดวงหน้าสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ งดงามดุจเทพนิรมิต ก็ตะลึงงันอยู่กับที่ ลืมพูดไปเสียสนิท
“พี่ฉางเอ๋อ สหายอันหลินรวบรวมหินวิญญาณได้ไม่น้อย จึงนำมาตอบแทนพระคุณที่ท่านช่วยชีวิตไว้ในวันนั้นโดยเฉพาะ” ซูเฉี่ยนอวิ๋นยิ้ม ชิงพูดขึ้นก่อน
อันหลินตื่นจากภวังค์ และพูดอย่างนอบน้อมเช่นเดียวกันว่า “ข้าน้อยอันหลิน ขอบพระคุณท่านที่เคยช่วยเหลือ วันนี้ข้าน้อยรวบรวมหินวิญญาณได้พอสมควรแล้ว ใช้มันแสดงความขอบคุณ หวังว่าท่านจะรับไว้”
“กาลเวลาผันผ่าน วันเวลาเนิ่นนาน ข้าก็ยังมองไม่เห็นสีสันของแผ่นดินผืนนี้อยู่ดี…”
เสียงเย็นเยียบของฉางเอ๋อดังขึ้น ดวงเนตรสุกใสปรากฏท้องฟ้ากว้างใหญ่เวิ้งว้าง ส่ายหน้าน้อยๆ
อันหลินกะพริบตาปริบๆ เมื่อได้ฟัง
นางพูดอะไรน่ะ
อันหลินงุนงงนิดหน่อย เขาไม่รู้ว่าฉางเอ๋อได้ยินที่เขาพูดหรือไม่ เขาควรจะทำอย่างไรต่อ ต้องพูดซ้ำอีกรอบหรือไม่
“พี่ฉางเอ๋อหมายความว่า นางเบื่อมาเป็นเวลานานแล้ว” ซูเฉี่ยนอวิ๋นลอบส่งกระแสจิตอธิบายให้อันหลินฟัง
อันหลินกระจ่างใจโดยพลัน รู้สึกว่าผู้สูงศักดิ์พูดจาไม่ธรรมดาจริงๆ หากไม่มีความสามารถมากพอจะฟังไม่รู้เรื่อง
จากนั้นเขาก็ส่งกระแสจิตให้ซูเฉี่ยนอวิ๋นปานเจอความหวังสุดท้าย “ดูเหมือนนางจะไม่ได้ตอบเรื่องหินวิญญาณของข้า ข้าควรทำอย่างไรดี”
“เห็นได้ชัดว่าพี่ฉางเอ๋อถูกปัญหาประการนั้นก่อกวน จึงไม่มีแก่ใจสนใจเรื่องที่เจ้ามาใช้หนี้ พวกเราปลอบโยนนางได้ รอนางเบิกบานใจแล้วค่อยว่ากัน!” ซูเฉี่ยนอวิ๋นส่งกระแสจิต
มุมปากของอันหลินกระตุก ปลอบใจฉางเอ๋อเหรอ แม้ในยามที่สัตว์เลี้ยงของเขางอน เขายังไม่รู้เลยว่าจะง้ออย่างไร ไม่ต้องพูดถึงปลอบใจคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักเลยสักนิด
“พี่ฉางเอ๋อ ระยะนี้มีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือ บอกซูซูหน่อยได้หรือไม่” ซูเฉี่ยนอวิ๋นเปิดฉากจู่โจมก่อน เดินไปหยุดข้างฉางเอ๋อด้วยรอยยิ้มหวานเยิ้ม เอื้อนเอ่ยด้วยเสียงอ่อนหวาน
ในที่สุดฉางเอ๋อก็ละสายตา มองซูเฉี่ยนอวิ๋นที่มีโฉมสะคราญเช่นเดียวกัน ถอนหายใจเบาๆ แล้วพูดอย่างกลัดกลุ้มว่า “ความคิดดุจหญ้าวสันต์ ยิ่งคิดยิ่งไกลยากจะหวนกลับ”
อันหลินทำหน้างงงวย อดส่งกระแสจิตหาซูเฉี่ยนอวิ๋นไม่ได้ “ประโยคนี้ของฉางเอ๋อหมายความว่าอย่างไร”

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม