อันหลินหันมองข้างหลัง ฝูงโครงกระดูกน่าจะไม่ตามมาแล้ว
เขาถอนหายใจ “ฟู่…มีแต่คนบ้าที่จะปะทะกับโครงกระดูกซึ่งๆ หน้า! แต่คิดไม่ถึงว่า องค์ชายที่ชื่อชื่ออูอะไรนั่น จะหักหลังเพื่อนรวดเร็วกว่าพวกเรา…”
“เขาเป็นชาวมังกร ถูกขานเรียกว่าองค์ชาย คงไม่ใช่องค์ชายของวังมังกรหรอกนะ โฮ่ง!” ต้าไป๋เหาะเหินแล้วพูดเสียงเนิบช้า
อันหลินพยักหน้า “น่าจะเป็นองค์ชายจากวังมังกร เจ้ามังกรมีลูกเยอะขนาดนั้น ลูกๆ แทบจะเท่าทีมฟุตบอลสองทีมแล้ว เป็นองค์ชายก็ไม่แปลก อย่างไรเสียก็ไม่เกี่ยวกับพวกเรา เรารีบหาดูเถอะว่ามิตินั่นอยู่ที่ไหน”
พวกเขาเหาะไปตลอดทาง เมื่อเจอมิติที่มีรอยแยกก็อ้อมแต่ไกลๆ จะได้ไม่ถูกลมปฐมกาลที่เล็ดลอดออกมาทำร้าย ระหว่างนี้ก็เจอโครงกระดูกบ้างเหมือนกัน แต่ไม่ได้มาเป็นฝูง ถูกอันหลินสังหารไปแล้ว
“ข้าจำได้ว่าทางเข้ามิติอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของโบราณสถาน ข้างๆ กะโหลกยักษ์” อันหลินหวนคิดถึงภาพในความทรงจำแล้วพูดเสียงเรียบ
“พี่อัน พวกเราจะผจญภัยล่าสมบัติที่นี่หรือไม่” ดวงตาของต้าไป๋ลุกวาว พูดด้วยความอยากรู้อยากลอง
อันหลินลูบคาง สุดท้ายก็พยักหน้า “เรื่องนี้…ได้! แต่หาเถาวัลย์ม่วงกับเลือดอิงหลงให้เจอก่อนค่อยว่ากัน”
ความล้มเหลวในสุสานมังกรเหมันต์ทำให้พวกเขาเจ็บปวดอย่างยาวนาน ฉะนั้นได้เวลาแสวงโชคอีกสักครั้งแล้ว
หลังเหาะไปได้ระยะหนึ่ง แสงสว่างภายในม่านแบ่งแดนมืดลงเมื่อใดไม่ทราบได้
ครืน…
เสียงสายฟ้าคำรามแว่วมาประหนึ่งสัตว์ป่าคำราม
“พลังหยินข้างหน้าหนาแน่นมาก ทุกคนระวังตัวด้วย” อันหลินเตือน ขณะเดียวกันก็ชักกระบี่พิชิตมารออกมา
เป็นอย่างที่คิด ไม่นานก็มีภูตผีรูปร่างกะโหลกสีดำพุ่งเข้ามา
ทว่า มันเข้าใกล้อันหลินยังไม่ถึงสามจั้ง ก็ถูกกระบี่ฟันเป็นสองท่อน สลายไปในอากาศ
แต่นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น ครู่เดียวก็มีภูตผีห้าหกตัวกระโจนใส่พวกเขาอย่างดุร้าย
ใบมีดลม เพลิงนิลจู่โจมภูตผี บดขยี้ร่างของพวกมันจนแหลกลาญบัดนั้นทันที
“จะว่าไปครั้งก่อนที่เสิ่นอิงมาที่นี่ เหมือนว่าจะไม่มีภูตผีนี่นา! โฮ่ง!” ต้าไป๋เห็นภูตผีที่พุ่งเข้ามาไม่ขาดสาย จึงเริ่มบ่นกระปอดกระแปด
“ผ่านไปจะหมื่นปีแล้ว มีการเปลี่ยนแปลงก็เป็นเรื่องธรรมดา”
อันหลินกลับไม่รู้สึกว่ามีอะไรน่าแปลก พูดอย่างไม่ยี่หระ
ในตอนนี้ เจ้าอัปลักษณ์เห็นพืชบางอย่างแต่ไกลๆ อุทานว่า “พวกเจ้ารีบดูข้างก้อนหินใหญ่ทางนั้นสิ มีหญ้าที่ส่องแสงสีน้ำเงินอยู่!”
“หึ ไม่ธรรมดาแน่นอน!” อันหลินก็ตาลุกวาวเช่นกัน
เขาสามารถสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังที่กระจายออกมาจากหญ้าต้นนั้นทั้งที่อยู่ไกลขนาดนี้
อันหลินไม่พูดพร่ำทำเพลง เหาะไปหาหญ้าสีน้ำเงินแล้วเด็ดทันที
วิชาญาณทิพย์!
“หญ้าสงัด วัตถุพลังหยิน อาศัยอยู่ในบริเวณที่ไอมรณะงอกงาม ดูดซึมไอมรณะเป็นสารอาหาร มีรากฐานเป็นเลือดปีศาจ สามร้อยปีเป็นเสี่ยวเฉิง สามพันปีเป็นต้าเฉิง นี่เป็นหญ้าเซียนต้าเฉิงขั้นหนึ่ง”
นัยน์ตาของอันหลินเป็นประกาย หัวใจเต้นระส่ำ
ยาเซียนขั้นหนึ่ง…ครั้งนี้ร่ำรวยแล้วจริงๆ!
เขาไม่รีรอ เก็บหญ้าสงัดใส่แหวนมิติก่อน
จากนั้นก็เบนสายตามองอีกบริเวณหนึ่งที่อยู่ไม่ไกล พูดอย่างฉงนใจว่า “เอ๊ะ เหมือนว่าเสียงฟ้าคำรามจะมาจากทางนั้น หรือจะมีวัตถุล้ำค่าปรากฏกาย”
เพื่อไม่ให้เป็นที่สนใจ อันหลิน ต้าไป๋กับเจ้าอัปลักษณ์จึงเดินเท้าเข้าไป
เมื่อเห็นภาพตรงหน้าชัดเจนแล้ว ทุกคนก็สูดลมหายใจพร้อมกัน
“ซิ้ด…”
อันหลินอุทานว่า “นี่มีภูตผีกี่ตัวกันแน่เนี่ย”
มุมปากของเจ้าอัปลักษณ์กระตุกเล็กน้อย “หมื่นตัวอย่างต่ำ…”
เบื้องหน้าของพวกเขาเป็นแผ่นดินสีแดงฉาน
ด้านบนนั้นมีภูตผีเนืองแน่นมืดฟ้ามัวดิน ลอยล่องไปทั่วบริเวณ แผ่กลิ่นอายเย็นเยียบน่ากลัว ชวนให้ขนพองสยองเกล้า
“พี่อัน ดูทางนั้นเร็วเข้า เหมือนจะมีแสงสีน้ำเงินแผ่กระแสไฟอยู่นั่น โฮ่ง!” ต้าไป๋ใช้สายตาส่งสัญญาณ
อันหลินมองไปทางตะวันออกเฉียงเหนือของแผ่นดินสีชาด ตรงนั้นมีภูตผีแน่นขนัดยิ่งกว่า ชนิดที่ว่าเหมือนม่านดำกำลังขยับ แทบจะไม่มีช่องว่าง
แต่เขามองลอดผ่านฝูงภูตผี ก็พอเห็นแสงสีน้ำเงินที่กำลังแผ่กระแสไฟอยู่รำไร
“ท่าทางจะมีคนถูกพันธนาการอยู่ตรงนั้น” อันหลินพูดอย่างปลงตก
“เราจะเข้าไปช่วยพวกเขาไหม” เจ้าอัปลักษณ์ถาม
อันหลินเบะปากส่ายหน้า “ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเรา ไปช่วยพวกเขาทำไม อีกอย่างที่นี่อันตรายขนาดนี้ ดีไม่ดีอาจจะต้องแลกด้วยชีวิตของตัวเอง ไม่คุ้ม”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม